กรุงเทพฯ--7 ธ.ค.--สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย
กกร. ประชุมสรุปภาวะเศรษฐกิจเดือนตุลาคม พบว่าภาพรวมเศรษฐกิจฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป แรงขับเคลื่อนที่เป็นบวกชัดเจนมาจากการใช้จ่ายภาครัฐในเดือนแรกของปีงบประมาณ 2559 เร่งตัวต่อเนื่อง โดยเฉพาะการเบิกงบลงทุนที่ส่วนใหญ่เป็นโครงการขนาดเล็กของมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้น และภาคการท่องเที่ยวที่กลับสู่ระดับปกติใกล้เคียงกับช่วงเดียวกันปีก่อน จากการฟื้นตัวของนักท่องเที่ยวจีนเป็นหลัก
การบริโภคภาคเอกชนกระเตื้องขึ้นในหมวดการใช้จ่ายสินค้าไม่คงทนพวกสินค้าจำเป็น ขณะที่การใช้จ่ายสินค้าคงทนอย่างรถยนต์ปรับดีขึ้นบ้าง สาเหตุส่วนหนึ่งเป็นเรื่องของมาตรการปรับขึ้นภาษีสรรพสามิตรถยนต์ในช่วงต้นปีหน้า แต่โดยรวมแล้วการบริโภคยังคงอยู่ในระดับต่ำ ซึ่งเป็นไปในทิศทางเดียวกับการลงทุนภาคเอกชนที่ภาคธุรกิจยังคงมีกำลังการผลิตเพียงพอ ส่วนการลงทุนด้านก่อสร้างอยู่ในระดับทรงตัว
ขณะที่ภาคส่งออกในเดือนนี้ หดตัวแรงถึงร้อยละ 8.1 ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นเพราะเปรียบเทียบกับฐานสูงสุดในปีก่อนที่ 2 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ โดยสินค้าแทบทุกหมวดอยู่ในแดนลบ และเป็นการชะลอลงทุกตลาดสำคัญ ทำให้ยอดส่งออก 10 เดือนแรกของปี ยังคงหดตัวร้อยละ 5.3 อย่างไรก็ดี ภาวะซบเซาของการส่งออกยังเป็นไปในทิศทางเดียวกับประเทศส่งออกอื่นในภูมิภาค
สำหรับในช่วงโค้งสุดท้ายของปี กกร.ประเมินว่า ความเชื่อมั่นของภาคเอกชนมีแนวโน้มปรับดีขึ้นต่อเนื่อง จากการประกาศให้ปี 2559 เป็นปีแห่งการลงทุน โดยเร่งผลักดันโครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานให้เป็นเครื่องยนต์หลักขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ซึ่งกกร.ประเมินว่าหากเป็นไปตามแผนที่วาง ก็คาดว่าจะมีเม็ดเงินลงทุนเข้าสู่ระบบกว่า 1 แสนล้านบาท เพิ่มเติมจากงบลงทุนที่สูงถึง 5.4 แสนล้านบาท และส่งผลให้กิจกรรมเศรษฐกิจในประเทศปรับดีขึ้นตามไป
นอกจากนี้ กกร. จะเข้าเยี่ยมคารวะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เพื่อร่วมหารือแนวทางการขับเคลื่อน กรอ. จังหวัด เนื่องด้วยในทางปฏิบัติ กรอ. จังหวัด จะมีบทบาทสำคัญในการสะท้อนความต้องการของพื้นที่ในการแก้ไขปัญหาและพัฒนาศักยภาพของพื้นที่นั้นๆ ดังนั้น การจัดทำแผนพัฒนาจังหวัดจึงมีความสำคัญและควรมีความสอดคล้องกับแผนพัฒนาภาค ภายใต้แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
กกร. เล็งเห็นว่า กรอ.จังหวัด จะเป็นกลไกการดำเนินงานระดับภูมิภาค ในการสื่อสารนโยบาย แนวทาง และมาตรการการขับเคลื่อนเศรษฐกิจในด้านต่างๆ ไปยังจังหวัดและหน่วยงานในภูมิภาคได้อย่างรวดเร็วและทั่วถึง ดังนั้น หอการค้าจังหวัด สภาอุตสาหกรรมจังหวัด และชมรมธนาคารพาณิชย์จังหวัด ในฐานะตัวแทนภาคเอกชนระดับจังหวัด จะเข้าไปมีบทบาทขับเคลื่อนการทำงานของ กรอ.จังหวัด ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายประชารัฐ เพื่อลดความเหลื่อมล้ำและเพื่อเสริมสร้างความสามารถในการแข่งขันของพื้นที่ อย่างยั่งยืนต่อไป
กกร. ยังคงติดตามความคืบหน้าการขับเคลื่อนการอำนวยความสะดวกในการประกอบธุรกิจ (Ease of Doing Business) อย่างต่อเนื่อง โดยกระบวนงาน5 ด้านซึ่ง กกร. ให้ความสำคัญลำดับต้นๆ คือ การจัดตั้งธุรกิจ การขออนุญาตก่อสร้าง การชำระภาษี การนำเข้า-ส่งออก การท่องเที่ยว & Visa Work Permit และรวมถึงประเด็นปัญหา "เรื่องผังเมืองซึ่งเป็นอุปสรรคในการขยายโรงงานและการประกอบกิจการ"
ดังนั้น กกร. จึง แต่งตั้ง"คณะทำงานศึกษาประเด็นปัญหาและข้อเสนอแนวทางการพัฒนาผังเมืองเพื่อเป็นข้อมูลประกอบการนำเสนอภาครัฐ โดยมีผู้แทนจาก สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สมาคมธนาคารไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมเป็นคณะทำงานฯ และ มีขอบข่ายการศึกษา ดังนี้
§ ศึกษาปัญหา อุปสรรคและความคิดเห็นของทุกภาคส่วน เพื่อจัดทำข้อเสนอแนวทางการแก้ไขปัญหาผลกระทบจากบังคับใช้ผังเมือง ทั้งมาตรการระยะสั้น และระยะยาว รวมทั้ง การพัฒนางานด้านการผังเมืองอย่างยั่งยืนของประเทศ
§ ศึกษาผลกระทบจากการบังคับใช้กฎหมาย การบูรณาการและการตีความกฎหมายของส่วนราชการ ตาม พระราชบัญญัติผังเมือง 2518,2535 และ 2558 พระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พระราชบัญญัติโรงงานอุตสาหกรรม รวมทั้ง ศึกษา ร่าง พระราชบัญญัติผังเมือง พ.ศ.... (สภานิติบัญญัติแห่งชาติ)