กรุงเทพ--26 ม.ค.--ปรส.
ตามที่หนังสือพิมพ์หลายฉบับ ลงวันที่ 22-25 มกราคม 2543 ได้เสนอข่าวเกี่ยวกับมูลค่าการขายสินทรัพย์ขององค์การเพื่อการปฏิรูประบบสถาบันการเงิน (ปรส.) และการได้รับชำระหนี้ของกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน ซึ่งหนังสือพิมพ์แต่ละฉบับนำเสนอตัวเลขที่แตกต่างกัน เช่น นสพ.มติชนรายวันเสนอว่า "ปรส.ขายสินทรัพย์ได้เพียง 14% ต่ำกว่าที่ประมาณการว่าจะขายได้ 42%" นสพ.ฐานเศรษฐกิจเสนอว่า "ทางการประมาณการว่าจะขายสินทรัพย์ของ ปรส.ได้ 42% แต่ขายได้จริงเพียง 12%" นสพ.เดลินิวส์เสนอว่า "จากการประมูลขายสินทรัพย์ของ 56 ไฟแนนซ์ โดย ปรส.นั้น คาดว่าจะได้รับการชำระหนี้เพียงประมาณ 10% จากสินทรัพย์ทั้งหมดกว่า 8 แสนล้านบาท" นสพ.กรุงเทพธุรกิจเสนอว่า "กรณี 56 ไฟแนนซ์ที่ ปรส. ได้จำหน่ายทรัพย์สินได้ประมาณ 14% จากเดิมที่คาดว่าจะได้ถึง 42%"
ข้อมูลที่แตกต่างกัน ทั้งในเรื่องของมูลค่าการขายสินทรัพย์ และสัดส่วนการชำระหนี้ดังกล่าวข้างต้นนั้น อาจสร้างความสับสนให้กับผู้ที่ติดตามข่าวสารโดยทั่วไปได้ ปรส.จึงขอให้ข้อมูลที่ถูกต้อง ดังนี้
1. มูลค่าการจำหน่ายสินทรัพย์ของสถาบันการเงิน 56 แห่ง จนถึงปัจจุบันได้จำหน่ายไปแล้ว เป็นมูลค่าทางบัญชีประมาณ 670,000 ล้านบาท มูลค่าที่ได้ประมาณ 186,545 ล้านบาท คิดเป็น 27.84% ของมูลค่าทางบัญชี และหากรวมเงินที่ได้จากการติดตามหนี้แล้วจะเป็นมูลค่าประมาณ 260,545 ล้านบาท คิดเป็น 35.39% ของมูลค่าทางบัญชี 736,135 ล้านบาท
2. ณ วันที่ 21 มกราคม 2543 สถาบันการเงิน 56 แห่ง มีสินทรัพย์สภาพคล่อง (เงินฝาก เงินลงทุนระยะสั้น รวมถึงตั๋วสัญญาใช้เงินที่บรรษัทบริหารสินทรัพย์สถาบันการเงินใช้ชำระค่าประมูลซื้อสินทรัพย์)ซึ่งเป็นมูลค่ารวมจากการจำหน่ายสินทรัพย์ และการติดตามหนี้ที่ ปรส.ได้ดำเนินการมาโดยตลอด รวมทั้งสิ้น 249,219 ล้านบาท
3. หากนำตัวเลข 249,219 ล้านบาท มาใช้ในการจัดสรรเงินคืนเจ้าหนี้ตามสัดส่วน โดยกองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ ได้ยื่นคำขอรับชำระหนี้ประมาณ 776,400 ล้านบาท คิดเป็นประมาณ 84% ของยอดหนี้ทั้งหมด ดังนั้น กองทุนเพื่อ-การฟื้นฟูฯ จะได้รับเงินประมาณ 209,344 ล้านบาท หรือประมาณ 27% ของหนี้ที่ขอรับชำระ
4. สินทรัพย์ของสถาบันการเงิน 56 แห่ง ที่ยังเหลืออยู่เนื่องจากเป็นสินเชื่อที่อยู่ระหว่างการดำเนินคดี หรืออยู่ระหว่างการติดตามบังคับชำระหนี้และสินทรัพย์รองบางส่วน รวมประมาณ 115,000 ล้านบาท เมื่อได้จัดการส่วนนี้แล้วจะมีผลตอบแทนกลับมาสู่เจ้าหนี้ของสถาบันการเงิน 56 แห่ง อีกจำนวนหนึ่ง นอกเหนือจากเงินที่ได้จากโครงการแบ่งปันผลกำไร (Profit Sharing) ที่ทยอยรับเข้ามาอย่างต่อเนื่อง--จบ--