กรุงเทพฯ--9 ธ.ค.--เจเอเอส แอสเซ็ท
บริษัท เจเอเอส แอสเซ็ท จำกัด (มหาชน) ผู้ประกอบธุรกิจการบริหารพื้นที่เช่าภายในศูนย์การค้า ติดใจ อสังหาฯ แตกไลน์เปิดศูนย์การค้าชุมชน สาขาที่ 2 "The Jas รามอินทรา บนเนื้อที่กว่า 9 ไร่ มีพื้นที่ขายกว่า 12,000 ตร.ม. ริมถนนรามอินทรา-ลาดปลาเค้า เจาะกลุ่มครอบครัว และคนรุ่นใหม่ที่นิยมช็อปสะดวก ใกล้บ้าน เฟสแรกลงทุน 500 ล้านบาท ขายพื้นที่เกลี้ยงแล้ว 95 เปอร์เซ็นต์ คาดมีผู้ใช้บริการอย่างต่ำ 3,000 คนในวันปกติ และศุกร์-อาทิตย์ 5000 คน ด้านภาพรวม เผยรายได้ โตจากปีก่อน ไม่น้อยกว่า 20 เปอร์เซ็นต์ ปีที่แล้ว 400 ล้านบาท ครึ่งปีแรกตามเป้า 250 ล้านบาท
คุณนงลักษณ์ ลักษณะโภคิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจเอเอส แอสเซ็ท จำกัด (มหาชน) เผยว่า "ก่อนหน้านี้ ดำเนินธุรกิจในนามเจมาร์ท บริหารพื้นที่เช่าให้ผู้ค้ารายย่อยเปิดร้านจำหน่ายโทรศัพท์มือถือ ขยายในบิ๊กซี ปัจจุบันมีกว่าร้อยสาขา มากที่สุดในเมืองไทย ผู้เล่นรายอื่นมีไม่เกิน 6 สาขา หลังจากนั้นเราเปิด The Jas วังหิน พื้นที่ 5 ไร่ ก็เต็มต่อเนื่อง ทั้งร้านค้าและคนช็อปปิ้ง เรานำประสบการณ์และดีมานด์ตรงนั้น มาพัฒนา The Jas ลาดปลาเค้า ด้วยเนื้อที่กว่า 9 ไร่ มีโซนต่างๆ ครบครัน แบงค์กิ้ง,บิวตี้, เอ็ดยูเคชั่น, เซอร์วิส ฯลฯ รวมถึง ร้านกลางคืน สีสันไนท์ไลฟ์ ซึ่งเป็นที่ต้องการมากสำหรับคนยุคใหม่ เราถึงวางตัวเองเป็น"ศูนย์การค้าชุมชน" ก่อนจะเปิดให้บริการ ศึกษา ทำโฟกัสกรุ๊ป หลังเปิดก็สร้างกิจกรรมให้คนในชุมชนมีส่วนร่วม ตลาดต้องการอะไรเพิ่มเราเอามาเติม ในตลาดนี้เราเป็นผู้เล่นใหม่ คิดว่าต้องกล้าใช้เท้า เดินสำรวจ ทำแบบสอบถาม ทำโฟกัสกรุ๊ป กว่าสามเดือน เพื่อให้ซัคเซสในทุกจุด และไม่ได้โฟกัสเฉพาะในพื้นที่กรุงเทพฯ ขอเป็นพื้นที่ชุมชนหนาแน่น เพราะจากประสบการณ์บริหารพื้นที่ สองสิ่งที่ทำให้ศูนย์การค้าแบบเปิดประสบความสำเร็จ คือ ร้านค้าเยอะ เดินทางสะดวก ลูกค้าเดินทางไม่เกิน 15 นาที (รัศมี 3-5 กิโลเมตร) จึงมั่นใจในธุรกิจใหม่ที่จะทำรายได้ให้ยั่งยืน"
" ปัจจุบันบริษัทฯ วางธุรกิจไว้ 3 ประเภท แต่ละประเภทล้วนมีคู่แข่ง ไอทีจังก์ชัน เรามีสาขาเยอะที่สุด เป็นผู้นำ (ผู้เล่นอื่นไม่เกิน 6 ที่) ด้านตลาดกลางคืน และศูนย์การค้าชุมชน เราเป็นน้องใหม่ จึงตองศึกษาดีๆ ก้าวช้าๆ ให้ซัคเซสในแต่ละจุด ทั้งนี้ถ้ารวมแล้วทั้งสามบิสสิเนส ถือว่าเราเป็นบริษัทฯ ที่ไม่มีคู่แข่ง ไม่มีใครทำทั้งสามโมเดล ด้านรายได้ ตอนนี้ที่เปิดเผยได้ คือ เราโตจากปีก่อน ไม่น้อยกว่า 20 เปอร์เซ็นต์ ปีที่แล้ว 400 ล้านบาท ครึ่งปีแรกตามเป้า 250 ล้านบาท
โดยปัจจุบัน รายได้หลัก เนื่องจากเราทำธุรกิจบริหารพื้นที่เช่าให้ขายโทรศัพท์มือถือมาก่อน ดังนั้น ไอทีจังก์ชั่น 85 เปอร์เซ็นต์ เดอะแจส 11 เปอร์เซ็นต์ และเจมาร์เก็ต 4 เปอร์เซ็นต์ ตั้งเป้าว่าอีก 4 ปีข้างหน้าจัดเปลี่ยนไปเป็น 60 /20/ 20 ทั้งนี้ไม่ได้หมายความว่าจะหยุดเติบโตในธุรกิจ แต่คาดว่าตัววอลุ่มจะน้อยกว่า และตั้งเป้าเปิด เดอะแจส ให้ได้อย่างต่ำปีละ 1 สาขา ก่อนทำธุรกิจมีวิชั่น คือ เพื่อชุมชนที่น่าอยู่ยิ่งขึ้น นอกจากเป็นศูนย์การค้าชุมชนแล้ว ยังพยายามสร้าง จุดเรียนรู้ของเด็กและเยาวชน เปิดโอกาสให้ชุมชนมีส่วนร่วมมากที่สุด เช่น การจัดกิจกรรมประกวดความสามารถต่างๆ , สอนอาหาร นอกจากนี้ยังเชิญหน่วยงานต่างๆ ที่อยู่ในชุมชนเข้ามาเป็นพาร์ทเนอร์ในการทำกิจกรรมร่วมกัน"