กรุงเทพฯ--11 ธ.ค.--ซูม พีอาร์
หลายๆเหตุการณ์ ที่เกิดขึ้นมาตลอดระยะเวลาในห้วงช่วง 10 ปีมานี้ ดูเหมือนว่าจะเป็นเหตุแห่งชนวนของการเกิดสงครามที่เราหลายคนอาจจะไม่รู้ตัว ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการแก่งแย่งในเรื่องพื้นที่เหนือมหาสมุทรระหว่างญี่ปุ่นกับจีน เกี่ยวกับหมู่เกาะเตียวหวีไถ (ชาวจีนเรียก) หรือหมู่เกาะเซ็นกากุ (ชาวญี่ปุ่นเรียก) ต่างก็อ้างกรรมสิทธิ์ว่าเป็นของตนเอง จนนำมาซึ่งเหตุการณ์ประท้วงระหว่างชาวจีนและญี่ปุ่น รวมถึงเหตุการณ์ระหว่างจีนกับน้องๆอาเซียน อย่างเช่น เวียดนาม ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย ก็มีปัญหาเกี่ยวกับเกาะแก่งในทะเลจีน ซึ่งทำให้เวียดนามถึงกับยุติการส่งผักผลไม้ไปขายให้จีน ส่วนฟิลิปปินส์กับอินโดนีเซีย ต้องขอให้อเมริกาเข้ามาช่วยดูแลแก้ปัญหา ถึงขั้นเอาเรือรบมาลาดตระเวนหยั่งเชิงท่าทีกับจีน จนเกือบจะรบกันก็มีมาแล้ว
จีนนั้นพยายามที่จะแผ่อิทธิพลในฝั่งเอเชียให้รวดเร็ว และเพิ่มมากขึ้น มีการร่วมมือกับรัสเซียเพื่อสร้างพันธมิตร โดยการแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจระหว่างกัน รัสเซียขายก๊าซและน้ำมันให้จีน แต่ให้จีนส่งสินค้าเกษตรเข้ารัสเซีย อเมริกาพอรู้ทางอยู่บ้างเลยดัดหลังรัสเซีย เพราะรู้ว่ารัสเซียนั้นใช้นโยบายไข่หลายฟองในตะกร้าเดียวกัน คืออเมริการู้ว่ารัสเซียมีรายได้หลักส่วนใหญ่มาจากการขายก๊าซและพลังงาน อเมริกาจึงขุดแร่ธาตุก๊าซพลังงานที่เรียกว่า เชลล์แก๊ส หรือน้ำมันในชั้นหินดินดานในประเทศตนเองออกมาใช้ โดยอ้างว่าเพิ่งขุดพบ โดยแท้จริงแล้วก็ทราบมาตั้งนานแล้ว แต่ตั้งใจนำออกมาเพิ่มซัพพลายแชร์ในตลาดโอเปก ให้มีน้ำมันมากขึ้น ทำให้เกิดโอเวอร์ซัพพลาย ราคาน้ำมันจึงดิ่งลงจาก 100 เหรียญต่อบาร์เรล เหลือ 40 - 50 เหรียญต่อบาร์เรล ส่งผลกระทบต่อรัสเซียทำให้มีรายได้ลดลง จึงเป็นเรื่องแปลกอยู่เหมือนกันว่าในช่วงที่ไทยเศรษฐกิจแย่ รัสเซียซึ่งกำลังจะมาซื้อหาสินค้าเกษตรจากไทย ทั้งไก่ กุ้ง ผัก ผลไม้ กลับมีเศรษฐกิจที่สะดุดเหมือนกับเราในเวลาที่ใกล้เคียงกันเหมือนยุควิกฤติต้มยำกุ้ง รัสเซียต้องกล้ำกลืนฝืนทนประคองตัว และเฝ้าดูสถานการณ์ด้วยใจระทึก
นอกจากนั้นยังไม่พอ อเมริกายังส่งนางฮิลลารี่ คลินตัน เข้ามาในประเทศที่ตนเองเคยคัดค้าน คว่ำบาตร อย่างเมียนมา เพื่อถ่วงดุลอำนาจกับจีน ทำให้จีนเร่งสร้างพันธมิตรด้วยการเป็นพี่ใหญ่ใจดีแก่น้องๆ ชาวอาเซียน โดยเฉพาะกลุ่ม CLMV มีการช่วยเหลือให้งบประมาณสร้างงานสาธารณูปโภคให้ แต่โดยเงื่อนงำบางทีจีนก็มีหางโผล่ให้เห็นอยู่บ่อยๆ เมื่อตนเองเริ่มแข็งแกร่ง จากพี่ใหญ่ใจดี ก็มักจะกลายเป็นมหาโจร ชี้โน่น นี่ นั่น ว่ามันเป็นของตนเอง จนทำให้เกิดระหองระแหงกับน้องๆ อาเซียนเป็นประจำ รวมถึงเรื่องการสร้างเขื่อนเหนือน่านน้ำแม่น้ำโขงและสาละวิน ส่งผลให้ประเทศอาเซียนที่รอน้ำใต้เขื่อนเกิดความไม่พอใจ ซึ่งก็อาจจะเป็นสาเหตุหนึ่ง ที่ทำให้โครงการความตกลงพันธมิตรทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค หรือ RCEP อาร์เซ็ป ต้องเลื่อนการเซ็นสัญญาไปเป็นปีหน้า
หลังจากนั้นความโกลาหลวุ่นวายในหลายแห่งทั่วโลกก็เกิดขึ้นไปด้วยพร้อมๆกัน โดยเฉพาะกลุ่มการร้าย IS ที่ก่อเหตุสะเทือนขวัญล่าสุดที่ประเทศฝรั่งเศสมีคนตายไปกว่า 250 คน ทำให้ประธานาธิบดีฝรั่งเศสต้องออกมาประกาศสงคราม ส่วนทางรัสเซียนั้นก็ถือเป็นกำลังหลักในการประกาศตัวล้มล้างกลุ่ม IS โดยที่อเมริกามีท่าทีวางเฉย และมีแต่คำพูดไม่มีการปฏิบัติที่ชัดเจน จนทำให้รัสเซียโดยเฉพาะท่านประธานาธิบดี วลาดิเมียร์ ปูติน เกิดความสงสัยว่าใครกันแน่ที่อยู่เบื้องหลังอาวุธยุทธโธปกรณ์แก่กลุ่ม IS รัสเซียนั้นมีการส่งเครื่องบินรบทิ้งระเบิดทำลายกลุ่ม IS มาตลอด โดยที่อเมริกามองดูเฉย ไม่ลงทุน ไม่ร่วมมือ ไม่ให้ความช่วยเหลือให้สมกับศักดิ์ศรีตำรวจโลกแม้แต่น้อย ล่าสุดเครื่องบินรบ SU-24 ของรัสเซียเกิดถูกสอยด้วยเครื่องบิน F-16 ของตุรกี ซึ่งถือว่าเป็นสมุนของอเมริกาตกไป 2 ลำ โดยที่นักบินทั้งสองคนที่ดีดตัวออกมาจากเครื่องบินได้ทัน แต่ก็มีหนึ่งคนเสียชีวิตโดยการถูกยิงจากพื้นดิน ทำให้รัสเซียไม่พอใจเป็นอย่างมาก ตัดความสัมพันธ์หลายทางกับตุรกี และเปรยว่าตุรกีจะต้องเสียใจอย่างหนักกับเหตุการณ์นี้
เหตุการณ์เงื่อนงำต่างๆที่เกิดขึ้น เริ่มจะเป็นจิ๊กซอว์ที่อาจก่อให้เกิดสงคราม หรือแท้ที่จริงสงครามอาจเริ่มมานานแล้ว ไม่ว่าจะเป็นสงครามค่าเงิน สงครามทุน สงครามกีดกันทางการค้า ทั้งที่เป็นภาษีและไม่ใช่ภาษี จนมีเครื่องไม้เครื่องมือเพื่อเป็นตัวช่วยสงครามเหล่านั้นเกิดขึ้นมากมาย ไม่ว่าจะเป็น IMF, TPP, RCEP, FTA, IUU, AIIB, WorldBank, NATO, AEC, EU ฯลฯ และถือว่าเป็นภาวะหน้าสิ่วหน้าขวาน เพราะไม่ว่ายุคสมัยใดเมื่อเกิดสงคราม ผู้คนในประเทศนั้นๆ ล้วนจะต้องเผชิญกับสภาวะที่เรียกว่า ข้าวยากหมากแพง อพยพเคลื่อนย้าย หนีวิถีกระสุนตก หนีลูกระเบิด ไม่มีเวลาอยู่กับเหย้าเฝ้ากับเรือน ไม่มีเวลาทำมาหากิน เพราะฉะนั้นพวกเราชาวไทยควรเตรียมรับมือกับผลกระทบจากสงครามโลกครั้งที่ 3 ที่อาจเกิดขึ้น สร้างความเข้มแข็ง มั่นคงทั้งกายและใจ โดยอาศัยหลักเศรษฐกิจพอเพียง เกษตรทฤษฎีใหม่ 1 ไร่ 1 แสน ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมาปรับใช้ เพื่อเป็นเสบียงชีวิตให้แก่ตนเอง โดยไม่ต้องพึ่งพาอาศัยใคร ไม่ว่าโลกของเราจะอยู่ในสภาวะใดก็ตาม
สนับสนุนบทความโดย นายมนตรี บุญจรัส
กรรมการผู้จัดการบริษัท ไทยกรีน อะโกร จำกัด (ชมรมเกษตรปลอดสารพิษ)
สอบถามข้อมูลข่าวได้ที่ฝ่ายประชาสัมพันธ์ โทรศัพท์ 0 2000 8499 , 081 732 7889