กรุงเทพฯ--15 ก.ย.--ธนาคารกรุงเทพฯ
นายโฆสิต ปั้นเปี่ยมรัษฎ์ ประธานคณะกรรมการบริหาร ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ธนาคารได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงร้อยละ 0.25 ทั้งเงินกู้และเงินฝาก โดยได้ปรับลดเงินฝากออมทรัพย์ จากร้อยละ 2.75 เหลือร้อยละ 2.50 เงินฝากประจำประเภท 3 และ 6 เดือน ลดจากร้อยละ 3.25 เหลือร้อยละ 3 ประเภท 12 เดือน ลดจากร้อยละ 3.75 เหลือร้อยละ 3.50 และประเภท 24 เดือนยังคงเหมือนเดิม สำหรับเงินกู้ธนาคารได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยเอ็มแอลอาร์ จากร้อยละ 8 เหลือร้อยละ 7.75 อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ เอ็มโออาร์ ได้ปรับลดลงจากร้อยละ 8.50 เหลือร้อยละ 8.25 และอัตราดอกเบี้ยเงินกู้เอ็มอาร์อาร์นั้น ยังไม่มีการปรับลดแต่อย่างใด โดยยังเหมือนเดิม ทั้งนี้การปรับลดอัตราดอกเบี้ยดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 15 กันยายนนี้เป็นต้นไปเหตุผลที่ธนาคารต้องปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงร้อยละ 0.25 ทั้งเงินกู้และเงินฝาก เนื่องจากได้กระทำตามนโยบายของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เนื่องจาก ธปท.ต้องการให้ธนาคารพาณิชย์ปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง และแม้ว่าภาคธนาคารจะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงแต่ก็ไม่ได้ช่วยให้สภาพคล่องในระบบมีการปรับลดลงแต่อย่างใด ซึ่งสภาพคล่องจะลดลงหรือไม่นั้นต้องขึ้นอยู่กับนโยบายการเงินการคลังของประเทศมากกว่า และเชื่อว่าแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยจะยังปรับตัวลดลงได้อีก และความเป็นไปได้ที่อัตราเงินฝากประเภทออมทรัพย์จะปรับตัวลดลงต่ำกว่าอัตราเงินเฟ้อนั้น ก็มีโอกาสสูง เพราะปัจจุบันบางธนาคารก็มีอัตราดอกเบี้ยเงินฝากออมทรัพย์อยู่ที่ร้อยละ 2.25 ซึ่งใกล้เคียงกับอัตราเงินเฟ้ออยู่แล้ว แต่ ณ ปัจจุบันยังไม่มีการสรุปที่แน่ชัดว่าอัตราเงินเฟ้ออยู่ที่ร้อยละ 2 หรือไม่ แต่โอกาสที่อัตราเงินฝากออมทรัพย์ต่ำกว่าอัตราเงินเฟ้อนั้นยอมรับว่ามีอย่างแน่นอน แหล่งข่าวจากธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ขณะนี้ธนาคารยังไม่ได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ย โดยอัตราดอกเบี้ยเงินฝากออมทรัพย์ยังอยู่ที่ร้อยละ 2.75 เงินฝากประจำประเภท 3 และ 6 เดือน อยู่ที่ร้อยละ 3.25 ประเภท 12 เดือนอยู่ที่ร้อยละ 3.75 ส่วนเงินฝากระยะยาวประมาณ 24 เดือนอยู่ที่ร้อยละ 4.25 อย่างไรก็ตาม หลังจากที่ธนาคารพาณิชย์ใหญ่ทยอยลดแล้ว คาดว่าธนาคารคงจะมีการพิจารณาปรับลดเช่นกัน เพราะขณะนี้แต่ละธนาคารก็มีปัญหาสภาพคล่องส่วนเกินจำนวนมากทั้งสิ้น--จบ--
-สส-