กรุงเทพฯ--3 ก.ย.--เพนเนอร์ แมดิสัน
บริษัท เอส เอ พี เอจี (NYSE: SAP) ผู้นำด้านโซลูชั่นซอฟต์แวร์สำหรับธุรกิจอี-บิซิเนสเผยผลประกอบการที่ยอดเยี่ยมในไตรมาสที่ 2 และครึ่งปีแรก ซึ่งสิ้นสุด ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2544
ในไตรมาสที่ 2 ของปี 2544 บริษัทมีรายได้เพิ่มขึ้นถึง 24 เปอร์เซ็นต์เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันในปีที่ผ่านมา โดยมีรายได้ประมาณ 1,850 ล้านเหรียญยูโร (ปี 2543: 1,500 ล้านเหรียญยูโร) ในขณะที่รายได้จากการดำเนินงานก่อนหักต้นทุนด้านโปรแกรมผลตอบแทนหุ้น และต้นทุนที่เกิดจากการรวมกิจการเพิ่มขึ้น 72 เปอร์เซ็นต์ เป็น 424 ล้านเหรียญยูโร (ปี 2543: 246 ล้านเหรียญยูโร) ผลตอบแทนจากการดำเนินงานไม่รวมผลตอบแทนหุ้นและต้นทุนที่เกิดจากการรวมกิจการเพิ่มขึ้น 23 เปอร์เซ็นต์ (ปี 2543: เพิ่มขึ้น 16 เปอร์เซ็นต์) รายได้ก่อนหักภาษี ค่าดอกเบี้ย ค่าเสื่อมราคา และค่าชำระหนี้เพิ่มขึ้น 118 เปอร์เซ็นต์ เป็น 450 ล้านเหรียญยูโร (ปี 2543: 206 ล้านเหรียญยูโร) รายได้สุทธิของไตรมาสที่ 2 ของปี 2544 เพิ่มขึ้น 78 เปอร์เซ็นต์ เป็น 206 ล้านเหรียญยูโร (ปี 2543: 116 ล้านเหรียญยูโร) และรายรับเฉลี่ยต่อหุ้นสำหรับไตรมาสนี้มีมูลค่า 0.65 เหรียญยูโร (ปี 2543: 0.37 เหรียญ ยูโร) รายรับเฉลี่ยต่อหุ้นนี้ไม่รวมค่าต้นทุนที่เกิดจากการรวมกิจการซึ่งมากกว่า 92 เปอร์เซ็นต์ เป็น 0.71 เหรียญยูโร (ปี 2543: 0.37 เหรียญยูโร)
“เราเป็นผู้นำด้านโซลูชั่นซอฟต์แวร์สำหรับธุรกิจอี-บิซิเนส ซึ่งไม่มีบริษัทแห่งใดที่สามารถแข่งขันกับเราได้” แอซโซ่ แพลทเนอร์ ประธานร่วมและหัวหน้าเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฎิบัติการ บริษัท เอส เอ พี เอจี กล่าว “ลูกค้าและกลุ่มเป้าหมายไม่ว่าจะอยู่ในอุตสาหกรรมใดๆ ต่างเชื่อมั่นในโซลูชั่นที่ครบวงจรของเรา โดยที่เรายังคงขยายความเป็น ผู้นำจากการลงทุนในโซลูชั่นเอ็นเตอร์ไพรส์พอร์ทัลและการแลกเปลี่ยนเทคโนโลยีอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเราพิจารณาว่าเป็นส่วนสำคัญในสร้างรายได้ในอนาคต”
ในไตรมาสนี้ รายได้ในภูมิภาคแถบยุโรป ตะวันออกกลาง และแอฟริกา เพิ่มขึ้น 36 เปอร์เซ็นต์ เป็น 692 ล้านเหรียญยูโร (ปี 2543: 708 ล้านเหรียญยูโร) ส่วนรายได้ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกเพิ่มขึ้นถึง 15 เปอร์เซ็นต์ เป็น 220 ล้านเหรียญยูโร (ปี 2543: 192 ล้านเหรียญยูโร) และรายได้ในแถบอเมริกาเพิ่มขึ้น 12 เปอร์เซ็นต์ เป็น 671 ล้านเหรียญยูโร (ปี 2543: 598 ล้านเหรียญยูโร) อย่างไรก็ตาม ณ อัตราแลกเปลี่ยนคงที่รายได้ในอเมริกาจะ เพิ่มขึ้น 6 เปอร์เซ็นต์
“ผลประกอบการที่ยอดเยี่ยมในไตรมาสนี้เป็นผลอันสืบเนื่องมาจากความสามารถในการควบคุม ค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้น ในขณะที่สภาพธุรกิจมีความไม่แน่นอนเช่นนี้ จุดแข็งและข้อตกลงของเอส เอ พีถือเป็นข้อได้-เปรียบเชิงการแข่งขัน ซึ่งถ้าไม่นับรวมถึงผลกระทบเรื่องอัตราแลกเปลี่ยน ทุกภูมิภาคจัดว่ามีผลประกอบการที่ดีเยี่ยม แม้แต่ในอเมริกาซึ่งเป็นที่ที่พวกเราเชื่อว่าส่วนแบ่งทางการตลาดโดยรวมได้เพิ่มขึ้น” เฮ็นนิ่ง เคเจอร์แมน ประธานร่วมและหัวหน้าเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฎิบัติการ บริษัท เอส เอ พี เอจี กล่าว
เอส เอ พีได้ยืนยันถึงการคาดการณ์ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2544 ที่ได้แจ้งไว้ก่อนหน้านี้ และยังคาด-การณ์ต่อไปอีกว่าผลประกอบการของปี 2544 จะเพิ่มขึ้นมากกว่า 20 เปอร์เซ็นต์ โดยผลกำไรจากการดำเนินงานที่ยังไม่รวมผลตอบแทนหุ้นและต้นทุนที่เกิดจากการรวมกิจการจะเกิน 20 เปอร์เซ็นต์ของตัวเลขที่บริษัททำได้ในปี 2543 ประมาณ 1 ถึง 2 เปอร์เซ็นต์
รายได้จากการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ในไตรมาสที่ 2 ได้เพิ่มขึ้น 22 เปอร์เซ็นต์ เป็น 1,160 ล้านเหรียญยูโร (ปี 2543: 554 ล้านเหรียญยูโร) ส่วนรายได้จากการให้บริการด้านที่ปรึกษาและการฝึกอบรมในไตรมาสที่ 2 ได้เพิ่มขึ้นถีง 35 เปอร์เซ็นต์ เป็น 529 ล้านเหรียญยูโร (ปี 2543: 393 ล้านเหรียญยูโร) และ 27 เปอร์เซ็นต์ เป็น 127 ล้านเหรียญยูโร (ปี 2543: 100 ล้านเหรียญยูโร) ตามลำดับ
นอกจากนี้บริษัทฯ ยังได้ให้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับรายได้จากการจำหน่ายโซลูชั่นซอฟต์แวร์บางประเภท ในไตรมาสที่ 2 ของปี 2544 นี้ อันได้แก่ โซลูชั่น mySAP CRM (Customer Relationship Management) ซึ่งมี มูลค่าราว 104 ล้านเหรียญยูโร ซึ่งเพิ่มขึ้นจากเดิมถึง 55 เปอร์เซ็นต์เมื่อเทียบจากตัวเลข 67 ล้านเหรียญยูโรใน ไตรมาสแรก โซลูชั่น mySAP SCM (Supply Chain Management) ซึ่งมีมูลค่าราว 150 ล้านเหรียญยูโร ซึ่งเพิ่มขึ้นจากเดิม 46 เปอร์เซ็นต์เมื่อเทียบจากตัวเลข 103 ล้านเหรียญยูโรในไตรมาสแรก สำหรับตลาดโซลูชั่น SCM นั้น จะเห็นได้ว่า เอส เอ พีเป็นผู้นำในตลาดอย่างชัดเจน อย่างไรก็ตามตัวเลขต่างๆ เหล่านี้ได้รวมเอารายได้จากสัญญาการซื้อขายโซลูชั่น และสัญญาการรวมโซลูชั่นซึ่งได้รับการจัดแบ่งตามการสำรวจการใช้งาน
ผลการดำเนินงานในครึ่งปีแรก
สำหรับครึ่งปีแรกของปี 2544 ยอดขายเพิ่มขึ้น 26 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเทียบกับปีทีผ่านมา โดยมียอดขายคิดเป็นมูลค่าเป็น 3,380 ล้านเหรียญยูโร (ปี 2543: 2,680 ล้านเหรียญยูโร) รายได้จากการดำเนินงานก่อนหักต้นทุนด้านโปรแกรมผลตอบแทนหุ้น และต้นทุนที่เกิดจากการรวมกิจการเพิ่มขึ้นถึง 76 เปอร์เซ็นต์ เป็น 657 ล้านเหรียญยูโร (ปี 2543: 374 ล้านเหรียญยูโร) สำหรับรายได้จากค่าลิขสิทธิ์ในครึ่งปีแรกของปี 2544 นั้นได้เพิ่มขึ้น 20 เปอร์เซ็นต์เป็น 1,100 ล้านเหรียญยูโร (ปี 2543: 923 ล้านเหรียญยูโร) ส่วนรายได้จากค่าบริการด้านที่ปรึกษาเพิ่มขึ้น 36 เปอร์เซ็นต์เป็น 987 ล้านเหรียญยูโร (ปี 2543: 725 ล้านเหรียญยูโร) และรายได้จากค่าบริการด้านฝึกอบรมเพิ่มขึ้น 21 เปอร์เซ็นต์เป็น 236 ล้านเหรียญยูโร (ปี 2543: 195 ล้านเหรียญยูโร)
ในครึ่งปีแรกของปี 2544 ยอดขายในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกเพิ่มขึ้นถึง 20 เปอร์เซ็นต์ เป็น 398 ล้านเหรียญยูโร (ปี 2543: 331 ล้านเหรียญยูโร) ในภูมิภาคแถบยุโรป ตะวันออกกลาง และแอฟริกา มียอดขายเพิ่มขึ้น 34 เปอร์เซ็นต์ เป็น 1,760 ล้านเหรียญยูโร (ปี 2543: 1,320 ล้านเหรียญยูโร) และในแถบอเมริกามียอดขายเพิ่มขึ้น 18 เปอร์เซ็นต์ เป็น 1,220 ล้านเหรียญยูโร (ปี 2543: 1,030 ล้านเหรียญยูโร)
ผลงานเด่นในไตรมาสที่ 2
การเซ็นสัญญาเป็นพันธมิตรรายสำคัญในไตรมาสนี้ ประกอบด้วยบริษัทยักษ์ใหญ่ในทุกภูมิภาค ในแถบอเมริกาได้แก่ Acterna และ Compaq จากสหรัฐอเมริกา Globe and Mail จากแคนาดา และ Unibanco จากบราซิล ในภูมิภาคแถบยุโรป ตะวันออกกลาง และแอฟริกา ได้แก่ Cadbury Schweppes, Poste Italiane, AstraZeneca, Nokia, BBC และ Siemens Business Services ส่วนในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ได้แก่ Korean Broadcasting Systems, Japan Airlines และ Sankyo
ในปีนี้ การจัดงาน SAPPHIRE เพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็นด้านอี-บิซิเนส ระดับนานาชาติ ของ เอส เอ พี ณ เมืองลิสบอน และเมืองออแลนโด ประสบความสำเร็จอย่างสูงอีกเช่นเคยจากจำนวนผู้เข้าร่วมงานที่สูงถึงกว่า 18,000 ราย โดย เอส เอ พี กล่าวถึงนโยบายการพัฒนาระบบที่ทำงานบนพื้น-ฐานสถาปัตยกรรมระบบเปิด โดยออกแบบให้ส่วนควบคุมการทำงานภายในออกเป็นส่วนๆ (Component) แล้วนำมาทำงานผนวกกันได้อย่างสมบูรณ์แบบในโซลูชั่น MySAP.com ทั้งนี้ ในส่วนของระบบสนับสนุนการประสานความร่วมมือทั้งกับภายในและภายนอกจะทำงานร่วมกับ SAPMarkets ขณะที่การทำงานผ่านระบบเว็บไซต์ท่ามาจาก SAPPortals นอกจากนี้ เอส เอ พียังได้กล่าวถึงแผนการวางจำหน่าย SAP R/3 Enterprise ซึ่งเกิดจากการพัฒนาประสิทธิภาพระบบ SAP R/3 ให้สูงขึ้น โดยช่วยให้ผู้ที่ใช้โซลูชั่น mySAP.com ได้รับประสิทธิภาพจากระบบสารสนเทศที่ลงทุนไปแล้วได้อย่างเต็มที่ และสุดท้ายคือการประกาศความร่วมมือเป็นพันธมิตรระดับโลกกับบริษัท ไอบีเอ็ม ซึ่งส่งผลให้โซลูชั่น mySAP.com สามารถครอบคลุมทุกความต้องการในการทำธุรกิจ อี-บิสซิเนส
เอส เอ พี และคอมเมิร์ซ วัน ประกาศขยายความร่วมมือของ 2 บริษัท โดยเอส เอ พี ได้ตกลงที่จะ ลงทุนเพิ่มในคอมเมิร์ซ วัน เป็นมูลค่าสูงถึง 225 ล้านเหรียญดอลลาร์ ซึ่งเมื่อรวมการลงทุนก่อนหน้านี้และพิจารณาการออกหุ้นใหม่ของคอมเมิร์ซ วันเมื่อเร็วๆ นี้ สามารถสรุปคร่าวๆ ได้ว่าเอส เอ พี มี สัดส่วนการถือครองหุ้นในคอมเมิร์ซ วันอยู่ถึง 20 เปอร์เซ็นต์
การประชุมสามัญประจำปีของเอส เอ พีได้มีการอนุมัติเรื่องการรวมประเภทของหุ้นทั้ง 2 ระดับ หุ้นสามัญประเภทแรกได้เริ่มขายเมื่อวันที่ 18 มิถุนายน
ข้อมูลเกี่ยวกับ เอส เอ พี เอจี
ด้วยลูกค้ากว่า 13,000 รายและมากกว่า 30,000 ฐานการติดตั้ง ทั่วโลก SAP คือผู้นำเสนอ e-business แอพพลิเคชั่นชั้นนำของโลกสำหรับยุคเศรษฐกิจแบบอินเตอร์เน็ต เสนอการทำงานที่ประสานกันระหว่างระบบ ออนไลน์และโมบายด์ คอมเมิร์ซเทคโนโลยีสำหรับการทำธุรกิจแบบไร้สาย มีความเชี่ยวชาญในด้านธุรกิจและ ความรู้ความชำนาญในการติดตั้งระบบ ซึ่งทั้งหมดนี้ส่งผลให้ mySAP e-business แพลตฟอร์มช่วยให้องค์กรทั่ว-โลกสามารถพัฒนาความสัมพันธ์ที่ต่อลูกค้า ตลอดจนคู่ค้าทางธุรกิจให้ดียิ่งขึ้น รวมทั้งช่วยปรับปรุงกระบวนการในการดำเนินธุรกิจที่จะส่งผลให้การทำงานมีประสิทธิภาพสูงสุดจากต้นจนจบภายใต้กระบวนการของ supply chain
เอสเอพีได้จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ของโลกหลายแห่งทั้งในแฟรงเฟริตและนิวยอร์คภายใต้สัญลักษณ์ SAP ค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ http://www.sap.com/
Penner-madison Co., Ltd.
Rungnapa Charnwiset
Media Relation Supervisor
Tel. 0-2711-6891-9 Fax. 0-2381-8791--จบ--
-อน-