กรุงเทพฯ--14 ธ.ค.--IR network
บมจ.เสนาดีเวลลอปเม้นท์ (SENA) แจกข่าวดี! ก่อนปีใหม่ เตรียม COD โซลาร์ฟาร์ม 46.5 เมกะวัตต์ ภายในสิ้นปีนี้ ตามแผน เปิดฉากรับรู้รายได้ตั้งแต่เดือนม.ค.59 เป็นต้นไป ส่วนภาพรวมธุรกิจอสังหาฯของบริษัทฯในปี"58คาดรับรู้รายได้ใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา ล่าสุดตุน Backlog กว่า 2,600 ล้านบาท ทยอยรับรู้รายได้ในปีนี้ ส่วนที่เหลือทยอยรับรู้รายได้ในปีหน้า จากโครงการสร้างเสร็จพร้อมขาย 6 โครงการ "ผศ.ดร.เกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์"มั่นใจอนาคตสดใส หลังรุกคืบเข้าสู่ธุรกิจพลังงานทดแทน-ได้พันธมิตรมือฉมังเข้ามาเสริมแกร่ง ตั้งเป้าภายใน 3 ปีข้างหน้า ติดตั้งแผงโซลาร์กำลังการผลิต 100 เมกะวัตต์
ผศ.ดร.เกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์ กรรมการบริหาร บริษัท เสนาดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) (SENA)ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ชั้นแนวหน้าของเมืองไทยเปิดเผยว่า ภายหลังจากที่บริษัทฯเข้ามารุกธุรกิจพลังงานทดแทนเพื่อต่อยอดธุรกิจ และเพื่อเป็นการเพิ่มสัดส่วนรายได้ (Recurring Income) ให้บริษัทฯเติบโตอย่างแข็งแกร่ง และยั่งยืนในอนาคต ผ่านบริษัท SENA SOLAR ENERGY ซึ่งได้ร่วมลงทุนโครงการโซลาร์ฟาร์มกับ บริษัท บี.กริม บี.กริม เพาเวอร์ ผู้ประกอบการรายใหญ่ที่มีความเชี่ยวชาญในธุรกิจพลังงานทดแทน โดยมีโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ ขนาดกำลังการผลิต 46.5 เมกะวัตต์ ที่เตรียมขายไฟเข้าระบบในเชิงพาณิชย์ (COD) ภายในสิ้นปีนี้ ตามแผน และเริ่มรับรู้รายได้ตั้งแต่เดือนมกราคม 2559 เป็นต้นไป
นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังเป็นพันธมิตรกับ First Solar ติดตั้งโซลาร์รูฟท็อป ที่โครงการและโฮมออฟฟิสเพื่อให้ลูกค้ามีรายได้จากการขายไฟให้รัฐ หรือใช้ไฟฟรีนาน 25 ปี
ขณะเดียวกัน SENA ยังได้เข้าไปเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ในบริษัท เอท โซลาร์ จำกัด (Eight Solar)หรือ We Solar เดิม ซึ่งมีทีมผู้บริหารและพนักงานที่มีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญด้านวิศวกรรมติดตั้งโซลาร์รูฟ มาเป็นเวลายาวนาน เข้ามาเสริมทัพให้กับ SENA SOLAR ENERGYเพื่อดำเนินงานด้านการติดตั้งและวางระบบ (EPC) โซลาร์รูฟท็อปโดยตั้งเป้าภายใน 3 ปีข้างหน้า ติดตั้งแผงโซลาร์ ขนาดกำลังการผลิต 100 เมกะวัตต์
"ภาพรวมธุรกิจของเสนาฯในปีหน้า จะเติบโตอย่างแข็งแกร่ง หลังรุกคืบเข้าสู่ธุรกิจพลังงานทดแทน ร่วมกับพันธมิตร ซึ่งตั้งแต่ต้นปีหน้าเป็นต้นไปจะเริ่มรับรู้รายได้จากโซลาร์ฟาร์ม ขนาดกำลังการผลิต 46.5 เมกะวัตต์ ทำให้แนวโน้มรายได้ และกำไรในปีหน้าจะเติบโตอย่างแข็งแกร่งในอนาคต"ผศ.ดร.เกษรากล่าว
สำหรับผลการดำเนินงานในไตรมาส 3/58 มีรายได้รวม 494.49 ล้านบาท มีกำไรสุทธิ 60.34 ล้านบาท ขณะที่ในงวด 9 เดือนแรก มีรายได้รวม 1,498.81 ล้านบาทมีกำไรสุทธิ 171.15 ล้านบาท คิดเป็น 11.42% ของรายได้รวม
ทั้งนี้ ในช่วงไตรมาส 3/58 บริษัทฯทยอยรับรู้รายได้อย่างต่อเนื่องจากโครงการแนวสูงเป็นจำนวน 952.34 ล้านบาท โดยรับรู้รายได้โครงการที่มีนัยสำคัญได้แก่ "เดอะนิช ไอดี พระราม 2" "เดอะนิชโมโนบางนา" "เดอะคิทท์ ติวานนท์" "เดอะคิทท์ ลำลูกกาคลอง 2" เดอะคิดทท์ พลัส นวมินทร์" และโครงการแนวราบ "เสนาพาร์ค แกรนด์ รามอินทรา" และโครงการแนวราบที่เริ่มมีการรับรู้รายได้ตั้งแต่ไตรมาส 3/58 เช่น "เสนาทาวน์ รามอินทรา เฟส 1 และ 2" "เสนาวิลล์ รามอินทราคู้บอน" และ "เอสวิลล์ คลองหลวง"
นอกจากนี้ ในไตรมาส 3/58 บริษัทฯเริ่มมีรายได้จากโครงการโซลาร์รูฟท็อป 2.47 ล้านบาท ตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 58 เป็นต้นมา โดยในปีนี้จะมีรับรู้รายได้จากการขายไฟเข้ามาประมาณ 3.5 ล้านบาท และในปี 59 จะมีการรับรู้เต็มปี จำนวน 7 ล้านบาท
อีกทั้งยังมีรายได้จากสนามกอล์ฟ ในไตรมาส 3/58 จำนวน 14.15 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.11 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 28.17% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน จากการที่สนามกอล์ฟได้เปิดให้บริการครอบ 18 หลุม และสร้างคลับเฮาส์แห่งใหม่แล้วเสร็จ จึงส่งผลให้รายได้สนามกอล์ฟงวด 9 เดือนในปี 2558 อยู่ที่ 49.43 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 19.30% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
"แม้ภาพรวมเศรษฐกิจไทยในปีนี้จะชะลอตัว ส่งผลกระทบต่อกำลังซื้ออสังหาริมทรัพย์ และปัญหาหนี้ครัวเรือนกดดัน ทำให้ลูกค้าถูกปฏิเสธสินเชื่อจากสถาบันการเงิน แต่ด้วยกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจที่เรียกว่า "ไฟนีออน" ทำให้สามารถปรับตัวได้ทันกับสถานการณ์ โดยในปีนี้บริษัทได้หันมารุกตลาดกลุ่มลูกค้าในระดับ B+ เพื่อกระจายความเสี่ยง อย่างไรก็ตาม แนวโน้มในปีหน้า คาดว่าตลาดอสังหาฯจะเริ่มฟื้นตัว โดยได้รับปัจจัยหนุนจากมาตรการกระตุ้นอสังหาฯของรัฐบาล และเศรษฐกิจไทยที่เริ่มฟื้น ทำให้กำลังซื้อของผู้บริโภคมีมากขึ้น กล้าตัดสินใจที่จะกู้ซื้อบ้าน และแนวโน้มดอกเบี้ยที่ทรงตัว ถือเป็นอีกปัจจัยที่ช่วยผลักดันตลาดอสังหาฯ ให้กลับมาคึกคักในปีหน้า"ผศ.ดร.เกษรา กล่าวในที่สุด