กรุงเทพฯ--14 ธ.ค.--พลัส พร็อพเพอร์ตี้
พลัส พร็อพเพอร์ตี้ ผู้เชี่ยวชาญด้านบริหารและจัดการอสังหาริมทรัพย์ครบวงจร เผยผลสำรวจความต้องการคอนโดมิเนียมแนวรถไฟฟ้า BTS สายสีเขียวเข้มและสีเขียวอ่อน พบผู้บริโภคกว่า 75% ยังไม่มีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเอง ส่วนใหญ่เทคะแนนให้คอนโดใกล้รถไฟฟ้า เพราะตอบโจทย์ด้านการเดินทาง พบทำเล "อ่อนนุช" ครองแชมป์ทำเลที่ต้องการซื้อมากที่สุด ด้วยราคาเป้าหมายระดับ 2.5 ล้านบาท
นายภูมิภักดิ์ จุลมณีโชติ กรรมการผู้จัดการ บริษัท พลัส พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด ผู้เชี่ยวชาญด้านบริหารและจัดการอสังหาริมทรัพย์ครบวงจร เปิดเผยว่าฝ่ายวิจัยของบริษัทได้ทำการสำรวจความต้องการคอนโดมิเนียมจากผู้บริโภคโดยเจาะไปที่กลุ่มคนทำงานผู้ใช้บริการรถไฟฟ้า BTS สายสีเขียวเข้มและสีเขียวอ่อนเป็นหลักเพื่อสำรวจถึงความต้องการที่อยู่อาศัย จากกลุ่มตัวอย่างพบว่าผู้ที่ใช้รถไฟฟ้าส่วนใหญ่เป็นวัยรุ่นที่เริ่มทำงานหรือทำงานมาสักพักแล้วอายุอยู่ในช่วง 25-35 ปี และส่วนใหญ่ต้องการมีที่อยู่อาศัยใกล้รถไฟฟ้า แม้ว่าผู้บริโภคหลายรายเริ่มมีความต้องการที่อยู่อาศัยในทำเลที่อยู่ในพื้นที่ชั้นนอกมากขึ้น แต่ก็ยังอยู่ในพื้นที่แนวรถไฟฟ้าเป็นหลัก โดยให้เหตุผลเรื่องความสะดวกของการเดินทาง สามารถคำนวณระยะเวลาการเดินทางได้ โดยระยะทางที่ผู้บริโภคต้องการอยู่ที่ 9-10 กิโลเมตรจากที่ทำงาน หรือใช้เวลาเดินทางไม่เกิน 30 นาที และมีระยะห่างจากรถไฟฟ้าไม่เกิน 500 เมตร โดยราคาที่ต้องการอยู่ที่ 2.5 ล้านบาท ซึ่งอาจขยับได้ถึง 3-4 ล้านบาท สำหรับขนาดห้องที่ต้องการคือ ประมาณ 35-40 ตารางเมตร
และเป็นที่น่าสังเกตคือกลุ่มตัวอย่างที่ทำการสำรวจนี้มากกว่า 75% ยังไม่มีที่อยู่อาศัยเป็นของตัวเอง หรือราวครึ่งหนึ่งเช่าหอพักหรืออพาร์ตเม้นต์อยู่ ส่วนหนึ่งมาจากการที่คอนโดมีเนียมส่วนใหญ่ที่เสนอขายราคาสูงกว่างบประมาณที่มีอยู่ สะท้อนให้เห็นว่าผู้ที่อาศัยคอนโดมิเนียมบริเวณโครงข่ายกลางกรุงเทพ (เส้นสีเขียว) ที่เป็นเจ้าของส่วนใหญ่ไม่ได้ใช้รถไฟฟ้าเป็นประจำ จึงประเมินได้ว่า ยังมีความต้องการคอนโดมิเนียมติดรถไฟฟ้าเป็นจำนวนมากจากผู้ที่ต้องการซื้อเพื่อเป็นที่อยู่อาศัย
สำหรับทำเลที่เป็นที่ต้องการมากที่สุดสำหรับคนที่ใช้รถไฟฟ้าสายสีเขียวก็คือ "อ่อนนุช" ที่มีสถานี อ่อนนุชเป็นที่หมายปลายทางของรถไฟฟ้าสายสีเขียว (ปัจจุบันมีส่วนต่อขยายมาจากสถานีอ่อนนุชยาวจนถึงสถานีแบริ่ง) ครบครันด้วยการเดินทางที่สะดวกด้วยการเชื่อมต่อรถไฟฟ้าทำให้สามารถเข้าสู่พื้นที่สุขุมวิทชั้นในได้ในระยะเวลาอันสั้น และราคาห้องชุดที่ต่ำกว่าสุขุมวิทชั้นใน ทำให้เกิดการก่อสร้างห้างสรรพสินค้าแห่งใหม่ โดยเฉพาะบริเวณแยกบางนาได้มีการสร้างแบงคอก มอลล์ บนพื้นที่ 100 ไร่ และการสร้างส่วนต่อขยายของไบเทค ตลอดจนคอมมูนิตี้มอลล์บริเวณอ่อนนุช-พระโขนง อาทิ พิคคาเดลี่ แบงค์ค็อก, ฮาบิโตะ ส่งผลให้บริเวณดังกล่าวคึกคักและมีการสัญจรที่เพิ่มขึ้น นอกจากนี้ ตลาดเช่าที่เป็นชาวต่างชาติ เช่น จีน สิงคโปร์ ญี่ปุ่น ฯลฯ ได้ให้ความสนใจทำเลอ่อนนุชเพิ่มขึ้นเช่นกัน ปัจจุบันราคาปล่อยเช่าคอนโดฯ ในย่านอ่อนนุชขยับตัวขึ้นไปถึง 13% ในปี 2557 มาอยู่ที่ค่าเช่าเฉลี่ย 458.89 บาทต่อตารางเมตรหรือประมาณ 20,000 บาทต่อเดือน ในห้องชุดรูปแบบ 1 ห้องนอน ซึ่งนับว่าเป็นอัตราค่าเช่าที่ถูกกว่าบริเวณใกล้เคียงกัน เช่น ทองหล่อ เอกมัย ส่วนราคารีเซล (นำกลับมาขายใหม่) ในพื้นที่นี้ราคาเพิ่มสูงขึ้นถึง 30% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันระหว่างปี 2556 และ 2557 มาอยู่ที่ราคาขายเฉลี่ย 89,573 บาทต่อตารางเมตร
"จากพฤติกรรมของผู้บริโภคที่สัญจรด้วยรถไฟฟ้า BTS สายสีเขียวเข้มและสีเขียวอ่อนเป็นหลัก วิเคราะห์ได้ว่าความต้องการที่อยู่อาศัยในรูปแบบคอนโดมิเนียมมีแนวโน้มเติบโตขึ้น เพราะสามารถขยายตลาดไปได้กว้างขึ้นตามแนวรถไฟฟ้าที่ขยายออกไปสู่เมืองชั้นนอก โดยผู้บริโภคไม่ได้ให้ความสำคัญว่าจะต้องอยู่ใกล้ที่ทำงานให้มากที่สุด แต่ถ้าหากสามารถเดินทางได้สะดวกก็พร้อมที่จะขยับขยายออกไปสู่พื้นที่ชั้นนอก และอีกหนึ่งปัจจัยคือจากตัวเลขการสำรวจพบว่า 53% มีที่พักเป็นของตัวเอง แต่มีเพียง 23% ที่เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ อีก 22% อาศัยอยู่บ้านพ่อแม่ ที่เหลือ 8% อยู่กับคู่สมรส ซึ่งผู้บริโภคสองกลุ่มหลังนี้ เป็นกลุ่มที่มีโอกาสที่จะซื้อที่อยู่อาศัยในรูปแบบคอนโดมิเนียมในอนาคต จึงเป็นโอกาสที่ดีสำหรับผู้ประกอบการที่จะพัฒนาโครงการใกล้ BTS ให้อยู่ในรัศมีไม่เกิน 500 เมตร ในพื้นที่กรุงเทพฯ ชั้นนอก, ไม่เกิน 800 เมตร ในพื้นที่กรุงเทพฯ ชั้นกลาง ส่วนกรุงเทพฯ ชั้นในไม่จำเป็นต้องใกล้รถไฟฟ้า แต่ควรอยู่ในระยะ 1 กิโลเมตร ส่วนทางด้านราคาควรตั้งต่ำกว่า 3 ล้านบาท เพื่อให้อยู่ในระดับที่ซื้อได้และคนกลุ่มนี้สามารถเป็นเจ้าของคอนโดมิเนียมตามแนวรถไฟฟ้าได้เช่นกัน" นายภูมิภักดิ์ กล่าว