กรุงเทพฯ--14 ธ.ค.--กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ
อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ เผยประชาชนไทยเสียชีวิตจากโรคมะเร็งเพิ่มขึ้น ตลอดปี 2557 ทั่วประเทศรวม 70,075 คน เฉลี่ยชั่วโมงละเกือบ 8 คน ระบุสาเหตุการเจ็บป่วยขณะนี้เชื่อมโยงจากหลายพฤติกรรม เร่งปรับกลยุทธ์พัฒนาตำบลทั่วไทยเป็นตำบลจัดการสุขภาพ ลดการเจ็บป่วยทุกวัยในพื้นที่ ปลูกฝังสูตรค่านิยมใหม่" 3อ.2 ส." ให้คนไทยยึดปฏิบัติให้ติดเป็นนิสัย มั่นใจจะลดความเสี่ยงป่วยโรคจากพฤติกรรมได้หลายโรค รวมทั้งมะเร็งในคราวเดียวกัน
นาวาอากาศตรีนายแพทย์บุญเรือง ไตรเรืองวรวัฒน์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (กรมสบส.)กระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานพระบรมราชานุญาต ให้วันที่ 10 ธันวาคมของทุกปีเป็นวันต่อต้านโรคมะเร็งแห่งชาติ ซึ่งขณะนี้โรคมะเร็งเป็นสาเหตุการเสียชีวิตของคนไทยมากเป็นอันดับ 1 ของประเทศ ติดต่อกันเป็น 10 ปี โดยสำนักนโยบายและยุทธศาสตร์ สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข รายงานสถิติผู้เสียชีวิตจากโรคมะเร็งในปี 2547 จำนวน 50,818 คน ล่าสุดในปี 2557 พบเพิ่มขึ้นเป็น 70,075 คน เป็นชาย 40,161 คน หญิง 29,914 คน เฉลี่ยชั่วโมงละเกือบ 8 คน มะเร็งที่พบมากที่สุดในเพศชายมากที่สุดได้แก่ มะเร็งปอด มะเร็งลำไส้ใหญ่ และทวารหนัก ส่วนผู้หญิงพบมากที่สุดได้แก่มะเร็งเต้านม มะเร็งตับและมะเร็งปากมดลูก สาเหตุของการเกิดโรคมะเร็ง เกิดมาจาก 5 ปัจจัยความเสี่ยงสำคัญได้แก่ น้ำหนักตัวเกินมาตรฐาน มีพฤติกรรมบริโภคผักและผลไม้น้อย ขาดการออกกำลังกาย การสูบบุหรี่ และการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
นาวาอากาศตรีนายแพทย์บุญเรืองกล่าวต่อว่า เป็นที่น่าสังเกตว่าสาเหตุการเจ็บป่วยของประชาชนในขณะนี้ มาจากพฤติกรรมหลายสาเหตุและมีเกี่ยวเนื่องกัน ในปีงบประมาณ 2559 นี้ กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ ได้ปรับกลยุทธ์ เพิ่มประสิทธิภาพหลายๆมาตรการเพื่อป้องกันและส่งเสริมการมีสุขภาพดี โดยตั้งเป้าจะพัฒนาตำบลทั่วประเทศที่มี 7,255 ตำบล ให้เป็นตำบลจัดการสุขภาพ มีอสม.1 ล้าน 4 หมื่นกว่าคน เป็นกำลังภาคประชาชนร่วมขับเคลื่อนงานแก้ไขปัญหาและพัฒนาสุขภาพในหมู่บ้าน ชุมชน ร่วมกับเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล ศูนย์สุขภาพชุมชน องค์การบริการส่วนตำบล/ท้องถิ่น ใช้เป็นกลยุทธ์ลดการเจ็บป่วยของประชาชนแต่ละกลุ่มวัยในพื้นที่ตั้งแต่วัยเด็กจนถึงสูงอายุ ตามนโยบายของรัฐบาลและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข อบรมฟื้นฟูความรู้เพิ่มศักยภาพอสม. ให้เกิดความเชี่ยวชาญเรื่องต่างๆอย่างต่อเนื่อง เป็นบุคคลต้นแบบของการมีพฤติกรรมสุขภาพที่ถูกต้อง นำความรู้ไปถ่ายทอด สร้างความเข้าใจ แก้ไขความเชื่อผิดๆ พร้อมทั้งรณรงค์ปลูกฝังค่านิยมใหม่สูตร 3 อ.และ 2 ส. ให้ประชาชนที่อยู่ในการดูแล 10-15 หลังคาเรือน ยึดเป็นหลักปฏิบัติจนเป็นนิสัย สูตรนี้ถือว่าป้องกันโรคที่เรียกว่าโรคจากพฤติกรรมหรือโรคไม่ติดต่อได้หลายโรคในคราวเดียวกัน เช่นเบาหวาน ความดันโลหิตสูง โรคอ้วน รวมทั้งโรคมะเร็งด้วย โดยมีกองสุขศึกษา กองสนับสนุนสุขภาพภาคประชาชนเป็นแกนหลักร่วมดำเนินการกับกรมวิชาการและสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดทั่วประเทศ ขณะนี้ดำเนินการได้แล้ว 5,233 ตำบล จะเร่งให้ครบ 100 เปอร์เซ็นต์ในปี 2559
สำหรับค่านิยม 3 อ.ประกอบด้วยเรื่องอาหารการกิน ไม่กินอาหารสุกๆดิบๆ เช่นก้อยปลา ปลาจ่อม ไม่รับประทานอาหารที่มีราขึ้น ลดกินอาหารปิ้งย่างรมควัน ลดอาหารที่มีไขมัน โดยเฉพาะอาหารประเภทผัด เพิ่มการกินผัก ผลไม้ ให้มากขึ้นวันละอย่างน้อยครึ่งกิโลกรัม เพื่อเพิ่มกากใยช่วยในการขับถ่ายให้เป็นปกติทุกวัน ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมออย่างน้อยสัปดาห์ละ 3 -5 วัน วันละอย่างน้อย 30 นาที การออกกำลังกายจะทำให้สุขภาพแข็งแรง มีอารมณ์แจ่มใส ไม่เครียด ช่วยเพิ่มภูมิต้านทานโรค
ส่วน 2 ส.ได้แก่การรณรงค์ลดหรืองดการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิด เนื่องจากฤทธิ์ของแอลกอฮอล์จะทำลายอวัยวะภายใน จนไม่สามารถทำงานตามปกติได้ และรณรงค์หยุดหรือเลิกสูบบุหรี่ การไม่สูบบุหรี่จะลดผู้ป่วยมะเร็งปอดได้ปีละประมาณ 8,000 คน คนที่หยุดสูบบุหรี่จะลดโอกาสเกิดโรคมะเร็งปอดได้ร้อยละ 60-70 ซึ่งในปี 2558 กรมสบส.ได้ร่วมกับมูลนิธิไม่สูบบุหรี่และภาคีต่างๆ จัดโครงการ 1 อสม.ขอประชาชน 1 คนเลิกสูบบุหรี่ เพื่อถวายสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ 60 พรรษา กำหนดเป้าหมาย 1 แสนคน โครงการนี้ได้ผลดี ช่วยคนหยุดสูบบุหรี่ได้ 3 เดือน จำนวน 98,634 คน ซึ่งในปี 2559 นี้ จะขยายผลติดตามคนกลุ่มนี้ ให้เลิกบุหรี่เป็นเวลา 1 ปี ซึ่งจะเพิ่มโอกาสการหยุดสูบได้ถาวรสูงขึ้น นาวาอากาศตรีนายแพทย์บุญเรืองกล่าว