กรุงเทพฯ--15 ธ.ค.--IR network
ผู้บริหารหนุ่มไฟแรง "เชิดศักดิ์ วัฒนวิจิตรกุล" แห่ง TPCH ตั้งเป้าปี 59 รายได้โต 150 % รับอานิสงส์ 2 โรงไฟฟ้าชีวมวล "ช้างแรก ไบโอเพาเวอร์-แม่วงศ์ เอ็นเนอยี่" เดินเครื่องจ่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ได้เรียบร้อยแล้ว!!! พร้อมเดินหน้าสยายปีกลงทุนในอาเซียน ผุดโรงไฟฟ้าในกัมพูชา-ลาว คาดต้นปีหน้าได้ข้อสรุป มั่นใจภายในปี63 ก่อสร้างโรงไฟฟ้าชีวมวล 200 เมกะวัตต์ ตามแผน
นายเชิดศักดิ์ วัฒนวิจิตรกุล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ทีพีซี เพาเวอร์ โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) (TPCH) เปิดเผยว่า ตั้งเป้าปี 2559 รายได้เติบโต 150 % เพิ่มขึ้นจากปี 2558 เนื่องจากทยอยรับรู้รายได้จากโครงการโรงไฟฟ้าชีวมวลที่สามารถจ่ายไฟฟ้าได้เรียบร้อยแล้ว 2 โครงการ ได้แก่ โรงไฟฟ้าชีวมวลช้างแรก ไบโอเพาเวอร์ (CRB) และโรงไฟฟ้าชีวมวลแม่วงศ์ เอ็นเนอยี่ (MWE) และยังมีโรงไฟฟ้าชีวมวลที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างและคาดว่าจะจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบแบบ Feed in Tariff (FiT) เชิงพาณิชย์ได้เรียบร้อยภายในไตรมาส 1/2559 คือ โรงไฟฟ้าชีวมวลมหาชัย กรีน เพาเวอร์ (MGP) จึงทำให้มั่นใจได้ว่าผลการดำเนินงานของบริษัทในปี 2559 นี้จะรับรู้รายได้ทั้ง 3 โรงไฟฟ้า รวมจำหน่ายกระแสไฟฟ้าได้ทั้งสิ้น 30 เมกะวัตต์ ซึ่งจะช่วยสนับสนุนให้ผลประกอบการเติบโตอย่างก้าวกระโดด
ส่วนผลการดำเนินงานของบริษัทในไตรมาส 3/2558 มีรายได้จำนวน 51.54 ล้านบาท ส่วนงวด 9 เดือน สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2558 มีรายได้จำนวน 161.80 ล้านบาท กำไรสุทธิทั้งสิ้น 24.15 ล้านบาท โดยรายได้ดังกล่าวมาจากการจำหน่ายไฟฟ้าของบริษัท ช้างแรกไบโอเพาเวอร์ จำกัด
นายเชิดศักดิ์ กล่าวต่อไปว่าบริษัทฯ ยังมีแผนขยายการลงทุนก่อสร้างโรงไฟฟ้าชีวมวลออกไปในภูมิภาคอาเซียน ซึ่งจะเริ่มที่ประเทศกัมพูชาและสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว) เพราะพื้นที่ดังกล่าวมีศักยภาพเหมาะแก่การลงทุน โดยคาดว่าภายในต้นปีหน้าจะมีความชัดเจน ส่วนกรณีที่ บริษัท ไทยโพลีคอนส์ จำกัด (มหาชน) (TPOLY) ขายหุ้น TPCH ออกมาในสัดส่วน 9.35% ผู้ถือหุ้นและนักลงทุนไม่ต้องกังวล เพราะขายให้กับนักลงทุนสถาบัน ประกอบกับบริษัทมีปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่งและมีอนาคตที่ดี จึงมั่นใจว่านักลงทุนสถาบันจะถือลงทุนในระยะยาว
ส่วนในปัจจุบันโครงการของ TPCH อยู่ระหว่างการขออนุญาตดำเนินการก่อสร้างและผลิตโรงไฟฟ้าชีวมวล ทั้งหมด 106 เมกะวัตต์ ได้รับใบอนุญาตแล้วในขณะนี้ จำนวนกำลังการผลิต 83 เมกะวัตต์ มีโรงไฟฟ้าชีวมวลที่รับซื้อไฟฟ้าในระบบ Adder จำนวน 33 เมกะวัตต์ คือโรงไฟฟ้าชีวมวลช้างแรก ไบโอเพาเวอร์ (CRB) และโรงไฟฟ้าชีวมวล ปัตตานี กรีน เฟส1 (PTG) และรับซื้อไฟฟ้าในระบบ Feed in Tariff (FiT) จำนวน 50 เมกะวัตต์ คือโรงไฟฟ้าชีวมวลแม่วงศ์ เอ็นเนอยี่ (MWE) , โรงไฟฟ้าชีวมวลมหาชัย กรีน เพาเวอร์ (MGP), โรงไฟฟ้าชีวมวลทุ่งสัง กรีน (TSG) , โรงไฟฟ้าชีวมวลพัทลุง กรีน เพาเวอร์ (PGP) และโรงไฟฟ้าชีวมวลสตูล กรีน เพาเวอร์ (SGP)
"ยังมีโครงการที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างอีก 4 โครงการ กำลังการผลิตรวม 40 เมกะวัตต์ ประกอบด้วย โรงไฟฟ้าชีวมวลมหาชัย กรีน เพาเวอร์ (MGP) ที่คาดว่าจะจ่ายไฟฟ้าได้ในไตรมาสแรกของปี 59 ,โรงไฟฟ้าชีวมวลทุ่งสัง กรีน (TSG),โรงไฟฟ้าชีวมวลพัทลุง กรีน เพาเวอร์ (PGP) และโรงไฟฟ้าชีวมวลสตูล กรีน เพาเวอร์ (SGP) นอกจากนี้ ยังมีโครงการที่อยู่ระหว่างขั้นตอนการขอใบอนุญาตอีก 1 โครงการคือโรงไฟฟ้าชีวมวล ปัตตานี กรีน (PTG) มีกำลังการผลิต 46 เมกะวัตต์ โดยการก่อสร้างดังกล่าวเป็นไปตามแผนที่บริษัทวางไว้คือ 200 เมกะวัตต์ ภายในปี 2563 หรือ 5 ปีข้างหน้า " นายเชิดศักดิ์ กล่าวในที่สุด