กรุงเทพฯ--15 ธ.ค.--โทเทิล ควอลิตี้ พีอาร์
· ท่าอากาศยานนานาชาติจอห์น เอฟ เคนเนดี้ (JFK) เป็นสนามบินแรกในสหรัฐฯ ที่เข้าร่วมเครือข่ายเครื่องบิน เอ380 ของสายการบินเอทิฮัด
· จำนวนที่นั่งเพิ่มขึ้นสำหรับเส้นทางระหว่างกรุงอาบู ดาบี และ นครนิวยอร์ก ทันเวลาสำหรับช่วงวันหยุดเทศกาล และการแข่งรถฟอร์มูล่าวัน เอทิฮัด แอร์เวย์ส อาบู ดาบี กรังด์ปรีซ์ 2558 (2015 Formula 1 Etihad Airways Abu Dhabi Grand Prix)
· นวัตกรรมล้ำสมัยสุดพิเศษสำหรับการเดินทางของผู้โดยสารด้วยชั้นโดยสาร เดอะเรสสิเดนซ์ บาย เอทิฮัด™ เฟิร์สท อพาร์ทเมนท์ บิสิเนส สตูดิโอ และอีโคโนมี สมาร์ทซีท
สายการบินเอทิฮัด สายการบินแห่งชาติของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ได้เฉลิมฉลองการบริการด้วยเครื่องบินแอร์บัส เอ380 ณ ท่าอากาศยานนานาชาติจอห์น เอฟ เคนเนดี้ แห่งนครนิวยอร์ก ซึ่งเป็นที่คาดหวังรอคอยเป็นอย่างยิ่ง พร้อมได้ต้อนรับผู้โดยสารที่เดินทางบนเที่ยวบินแรกระหว่างสองเมืองที่ซึ่งเป็นจุดหมายปลายทางชั้นนำของโลก
การเปิดตัวบริการสุดพิเศษด้วยเอ380 ในสหรัฐฯ ครั้งนี้ของสายการบินฯ รวมถึงการให้บริการด้วยชั้นโดยสาร เดอะ เรสสิเดนซ์ บาย เอทิฮัด™ ซึ่งเป็นชั้นโดยสารเชิงพาณิชย์เดียวที่จัดเป็นห้องสวีทแบบ 3 ห้องบนฟากฟ้า ชั้นโดยสารที่หรูหราอย่าง เฟิร์สท อพาร์ทเมนท์ ชั้นโดยสารบิสิเนส สตูดิโอ อันแสนสะดวกสบายและ ชั้นโดยสารอีโคโนมี สมาร์ทซีท โดย เอ380 นี้จะให้บริการบนเที่ยวบิน 1 ใน 2 เที่ยวบินรายวันระหว่างกรุงอาบู ดาบี และนครนิวยอร์ก
"การเริ่มให้บริการด้วย เอ380 ของเราที่ท่าอากาศยานนานาชาติจอห์น เอฟ เคนเนดี้นั้น เป็นก้าวที่สำคัญสำหรับสายการบินเอทิฮัด ซึ่งเราได้ตอบสนองกับความต้องการในการเดินทางที่เพิ่มขึ้นของผู้โดยสารของเราระหว่างกรุงอาบู ดาบี และนครนิวยอร์ก และสิ่งนี้แสดงให้เห็นถึงการเติบโตอย่างมีนัยสำคัญของสายการบินฯ ภายในเวลาเพียง 12 ปีของการดำเนินงาน" มร. เจมส์ โฮแกน ประธานและกรรมการบริหารของสายการบินเอทิฮัดกล่าว "สายการบินเอทิฮัด ได้ก้าวล้ำหน้าการแข่งขัน โดยมอบทั้งความหรูหรา ความสะดวกสบาย และอัธยาศัยอันอบอุ่นให้แก่ผู้โดยสารของเราตามที่พวกเขาได้คาดหมายไว้เมื่อเดินทางกับเรา และเรายังคงมุ่งเน้นที่จะยกระดับประสบการณ์การเดินทางทางอากาศในทุก ๆ ชั้นของการให้บริการ"
มร. โฮแกน กล่าวต่อไปว่า "ผลิตภัณฑ์ที่ปฏิวัติโฉมบนฝูงบิน เอ380 ของสายการบินเอทิฮัดนั้น ได้เปลี่ยนรูปแบบมาตรฐานของการบินพาณิชย์ไปอย่างสิ้นเชิง และเราภูมิใจที่ได้นำสิ่งเรานี้มาให้บริการแก่ผู้โดยสารของเราที่เดินทางระหว่างสหรัฐฯ และกรุงอาบู ดาบี"
การเปิดให้บริการประสบการณ์การเดินทางอันเป็นสัญลักษณ์ของสายการบินด้วย เอ380 นี้พร้อมบริการทันเวลาในช่วงเทศกาลการเดินทางท่องเที่ยวนี้ ในขณะเดียวกันก็ให้บริการแก่ผู้โดยสารที่จะเดินทางไปชมการแข่งขันรถฟอร์มูล่าวันเอทิฮัด แอร์เวย์ส อาบู ดาบี กรังด์ปรีซ์ ซึ่งมีขึ้นระหว่างวันที่ 27 – 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558 ที่ผ่านมา
เที่ยวบินปฐมฤกษ์ด้วย เอ380 จากกรุงอาบู ดาบีไปนิวยอร์ก เที่ยวบิน EY103 ลงจอดที่ท่าอากาศยานนานาชาติจอห์น เอฟ เคนเนดี้ ในวันจันทร์ ส่วนเที่ยวบินขากลับจากเจเอฟเค ไปยังกรุงอาบู ดาบีนั้น เดินทางมาถึงกรุงอาบู ดาบีในตอนบ่าย ตามเวลาท้องถิ่น
ผู้โดยสารในชั้นโดยสาร เดอะ เรสสิเดนซ์ บาย เอทิฮัด จะได้เพลิดเพลินไปกับสุดยอดความหรูหราในการเดินทางทั้งบนพื้นดินและในอากาศ ตั้งแต่บริการรถลิมูซีนรับส่ง บริการพนักงานต้อนรับ พร้อมพื้นที่เช็คอินส่วนตัวที่สนามบิน ซึ่งในทุก ๆ ขั้นตอนของการเดินทางนั้นจะได้สัมผัสกับประสบการณ์อันราบรื่นและมีรสนิยม ผู้โดยสารในเดอะ เรสสิเดนซ์ ยังสามารถเพลิดเพลินกับห้องรับรองเฟิร์สทคลาสและบิสิเนสคลาสของสายการบินที่เพิ่งเปิดให้บริการใหม่ที่ท่าอากาศยานนานาชาติจอห์น เอฟ เคนเนดี้ ซึ่งจะจัดพื้นที่พิเศษไว้ให้บริการโดยเฉพาะ
ห้องโดยสารเดอะ เรสสิเดนซ์ ซึ่งอยู่ที่ชั้นบนด้านหน้าของเครื่องบินเอ380 ในเส้นทางระหว่างกรุงอาบู ดาบีและนครนิวยอร์กนั้น มีราคาอยู่ที่ 32,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 1.15 ล้านบาทต่อเที่ยว สำหรับผู้โดยสาร 1 หรือ 2 คน ห้องโดยสารที่มีความเป็นส่วนตัวสูงสุดแบบห้องสวีท 3 ห้องนั้น มีห้องนั่งเล่นที่มีจอ LCD ขนาด 32 นิ้ว ห้องนอนเตียงคู่ และห้องน้ำที่มีห้องอาบน้ำในตัวแยกต่างหาก พร้อมบัตเลอร์ที่ได้รับจากฝึกฝนจากสถาบันซาวอย (Savoy Academy) ในกรุงลอนดอนที่จะดูแลความต้องการต่าง ๆ ของผู้โดยสารพิเศษโดยเฉพาะ นอกจานนี้ ห้องโดยสารที่ให้ประสบการณ์ครั้งใหม่เช่นนี้ยังมีเชฟส่วนตัวที่พร้อมจะรังสรรค์เมนูให้ตามที่ผู้โดยสารต้องการ
ห้องโดยสารเฟิร์สท อพาร์ทเมนท์จำนวน 9 ที่นังในชั้นโดยสารชั้นหนึ่งนั้นถือเป็นพื้นที่ส่วนตัว ซึ่งมีเก้าอี้เลานจ์หนังโพลโทรน่า ฟราว ที่สามารถปรับเอนได้ และเก้าอี้ออตโตมัน พร้อมที่พักเท้า ซึ่งสามารถปรับแยกมาเป็นเตียงราบขนาด80.5 นิ้ว ซึ่งจะมีพื้นที่เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 74 จากห้องโดยสารชั้นหนึ่งแบบสวีทในปัจจุบันที่ได้รับรางวัลของสายการบินเอทิฮัด แต่ละห้องอพาร์ทเมนท์มีโทรทัศน์จอแบนขนาด 24 นิ้ว ตู้แช่มินิบาร์ส่วนตัว โต๊ะเครื่องแป้ง และตู้เสื้อผ้า รวมถึงห้องอาบน้ำที่มีอุปกรณ์ครบครันมีให้บริการสำหรับผู้โดยสารชั้นหนึ่งโดยเฉพาะ
บิสิเนสสตูดิโอมีจำนวนทั้งหมด 70 ที่นั่ง ในห้องโดยสารจัดเรียงแบบ 1-2-1 ซึ่งอยูชั้นบนของเครื่องบินเอ380 ทุกที่นั่งอยู่ติดทางเดิน และปรับเป็นเตียงราบขนาด 80.5 นิ้ว และมีพื้นที่ส่วนตัวเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 20
เดอะ ล็อบบี้ ห้องรับรองหรูตั้งอยู่ระหว่างห้องโดยสารชั้นหนึ่งและชั้นธุรกิจ มีโซฟาหนังสองตัว และบาร์ที่มีพนักงานคอยบริการเครื่องดื่มและอาหารว่างหลากหลาย เหมาะสมอย่างยิ่งสำหรับการผ่อนคลายและการสังสรรค์
ห้องโดยสารหลักประกอบด้วยที่นั่งอีโคโนมี สมาร์ทซีทจำนวน 415 ที่นั่ง ซึ่งมีที่พักศีรษะที่ถูกหลักสรีระอันเป็นเอกลักษณ์แบบฟิกซ์วิง พนักพิงที่รองรับช่วงเอว และจอส่วนตัวความละเอียดสูงขนาด 11 นิ้ว ซึ่งผู้โดยสารสามารถเพลิดเพลินกับภาพยนตร์และซีรีส์ตามความต้องการได้กว่า 750 ชั่วโมง พร้อมเกมส์ที่ได้รับการพัฒนาไปอีกขั้น และรายการโทรทัศน์ถ่ายทอดสด ผ่านระบบความบันเทิง พานาโซนิค อีเอ็กซ์ 3 ที่ทันสมัย
เดอะ เรสสิเดนซ์ บาย เอทิฮัด เป็นบริการพิเศษเฉพาะบนฝูงบิน เอ380 ของสายการบินเอทิฮัด ซึ่งปัจจุบันให้บริการในเส้นทาง ซิดนีย์ ลอนดอน ฮีทโธรว์ และนิวยอร์ก เจเอฟเค โดยการบริการไปยังมุมไบ และเมลเบิร์นนั้นมีกำหนดจะเริ่มขึ้นในวันที่ 1 พฤษภาคม และ 1 มิถุนายน พ.ศ. 2559 ตามลำดับ และฝูงบิน เอ380 ของสายการบินฯ จะเพิ่มจำนวนขึ้นเป็นทั้งหมด 10 ลำ
ผู้โดยสารบนเที่ยวบินของสายการบินเอทิฮัด จากท่าอากาศยานนานาชาติอาบู ดาบี ไปยังจุดหมายปลายทางของสายการบินทั้ง 6 แห่งในสหรัฐฯ ซึ่งรวมถึงท่าอากาศยานนานาชาติจอห์น เอฟ เคนเนดี้ จะต้องผ่านด่านตรวจศุลกากรและตรวจคนเข้าเมืองของสหรัฐฯ ล่วงหน้า ซึ่งทำให้พวกเขาสามารถผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมืองและศุลกากรของสหรัฐได้ตั้งแต่ที่กรุงอาบู ดาบี และเดินทางไปถึงจุดหมายปลายทางในสหรัฐฯ เสมือนหนึ่งเป็นผู้โดยสารในประเทศ ส่วนสนามบินอื่น ๆ ในสหรัฐฯ ที่สายการบินเอทิฮัดให้บริการได้แก่ ชิคาโก (ORD) ดัลลัส-ฟอร์ทเวิร์ธ (DFW) ลอสแอนเจลิส (LAX) ซานฟรานซิสโก (SFO) และวอชิงตัน ดีซี (IAD)
ตารางเที่ยวบินรายวันระหว่างกรุงอาบู ดาบี และนครนิวยอร์ก (มีผลตั้งแต่ 23 พฤศจิกายน 2558)