กรุงเทพฯ--16 ธ.ค.--กลุ่มบิวท์ ทู บิวด์
"กลุ่มบิวท์ ทู บิวด์" เผยเป้าปี 58 ประสบความสำเร็จตามที่ตั้งไว้ ชี้ธุรกิจรับสร้างบ้านปีหน้ายังคงเหนื่อยหากผู้ประกอบการไม่เร่งปรับตัว พร้อมกำหนดนิยามสร้างความยั่งยืนให้แก่ธุรกิจด้วยการสร้างบ้านคุณภาพ สร้างแบรนด์ที่แข็งแกร่ง ปี 59 จ่อคิวลุยแผนงานประเดิมโปรเจกต์ด้าน Brand Loyalty และเปิดตัวแบบบ้านใหม่หลากหลายดีไซน์
"สุธี เกตุศิริ" กรรมการผู้จัดการ กลุ่มบิวท์ ทู บิวด์ ผู้นำธุรกิจรับสร้างบ้านคุณภาพ ซึ่งประกอบด้วย บริษัท บิวท์ ทู บิวด์ จำกัด บริษัท บางกอกเฮ้าส์บิวเดอร์ จำกัด และ บริษัท สมอลล์เฮ้าส์บิวเดอร์ จำกัด เปิดใจถึงแนวทางการดำเนินธุรกิจรับสร้างบ้านจากที่ได้สั่งสมประสบการณ์การบริหารงานที่มีคุณภาพอย่างมืออาชีพ และอยู่ในแวดวงของธุรกิจรับสร้างบ้านมายาวนานกว่า 30 ปี โดยเป็นที่รู้กันดีถึงสถานการณ์เศรษฐกิจในปี 2558 ที่ไม่ค่อยสู้ดีมากนัก ซึ่งเกิดจากภาวะเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวและซบเซาส่งผลต่อเศรษฐกิจภายในประเทศ โดยมีปัจจัยหลักอาทิ การส่งออกติดลบ การลงทุนทั้งภายในประเทศและต่างประเทศที่ซบเซาไม่เป็นไปตามคาดการณ์ ปัญหาหนี้ครัวเรือนที่สูงขึ้น ล้วนมีผลต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและกำลังซื้อที่ชะลอตัว ซึ่งนับว่าเป็นวิกฤตที่ต่อเนื่องมาเกือบตลอดทั้งปีนี้
ในการดำเนินธุรกิจรับสร้างบ้านของกลุ่มบิวท์ ทู บิวด์ นั้น คุณสุธีเปิดเผยว่า "เราไม่ได้มองหรือคาดการณ์กันแบบปีต่อปี แต่เรามีการวางกลยุทธ์ในระยะยาวว่าในอีก 10 ปีข้างหน้าเราจะอยู่จุดไหนของธุรกิจ เราจะอยู่อย่างมั่นคงและแข็งแกร่งได้อย่างไร จึงทำให้เรารู้ถึงหัวใจหลักในการทำธุรกิจอย่างยั่งยืนนั่นก็คือ การสร้างแบรนด์ที่มีความแข็งแกร่ง มีคุณภาพ จนทำให้ลูกค้าเกิดการยอมรับ โดยกลยุทธ์ในการสร้าง แบรนด์ที่จะช่วยให้ธุรกิจอยู่ในตลาดได้อย่างแข็งแกร่งนั้น ประการแรกเราต้องรู้จักลูกค้า รู้ความต้องการและความคาดหวังของของลูกค้าแต่ละกลุ่มอย่างลึกซึ้งและเข้าใจ ซึ่งลูกค้าแต่ละกลุ่มมีความต้องการและความคาดหวังโดยเฉพาะ ที่ไม่เหมือนกัน ประการที่สอง ทีมงานต้องมีความชำนาญและเชี่ยวชาญในงานอย่างเพียงพอ สามารถตอบสนองความคาดหวังของลูกค้าในแต่ละกลุ่มได้อย่างตรงจุด ประการที่สาม ต้องมีความรับผิดชอบ ความรับผิดชอบนี้ไม่ใช่มีความหมายเฉพาะเพียงรับผิดชอบต่อความบกพร่องเสียหาย แต่มีความหมายถึงมีจิตสำนึกและตระหนักดีถึงความรับผิดชอบต่อภาระงานในหน้าที่ ที่จะต้องทำให้ถูกต้องสมบูรณ์ตั้งแต่เริ่มต้นงาน โดยไม่ให้มีข้อบกพร่องหรือให้มีน้อยที่สุดเข้าหลัก "Do the right things at the first time" เพื่อให้ลูกค้าได้บ้านที่มีคุณภาพมาตรฐานตามงบประมาณและระยะเวลาที่ตกลงกันไว้"
โดยในส่วนการสร้างแบรนด์ของกลุ่มบิวท์ ทู บิวด์ ได้เริ่มตั้งแต่การกำหนดแบรนด์บิวท์ ทู บิวด์ เพื่อรองรับลูกค้าตั้งแต่บ้านระดับราคา 7-30 ล้านบาทขึ้นไป ต่อมาด้วยแบรนด์บางกอกเฮ้าส์บิวเดอร์ที่รองรับลูกค้าตั้งแต่บ้านระดับราคา 3-7 ล้านบาท และแบรนด์สมอลล์เฮ้าส์บิวเดอร์ ระดับราคาบ้านตั้งแต่ 1-3 ล้านบาทตามลำดับ ซึ่งทำให้บริษัทฯ สามารถรองรับลูกค้าได้ในทุกระดับราคาบ้าน โดยตั้งอยู่บนพื้นฐานของคุณภาพงานก่อสร้างที่ทัดเทียมกัน ตลอดจนนโยบายในเรื่องการบริการที่ดูแลเอาใจใส่ลูกค้าตลอดระยะเวลาของการสร้างบ้านและงานบริการหลังการขาย
สำหรับทิศทางของธุรกิจรับสร้างบ้านในปี 2559 มองว่าในช่วงแรกเศรษฐกิจไทยยังคงต้องเผชิญกับสภาวะชะลอตัวและจึงค่อยๆฟื้นตัวตามลำดับ คงยังไม่เติบโตแบบก้าวกระโดด ซึ่งผู้ประกอบการอาจจะต้องเหนื่อยอยู่บ้างหากไม่มีการปรับตัวให้ถูกจุด ถึงแม้ว่าจะมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและภาคอสังหาริมทรัพย์จากรัฐฯ รวมถึงการอัดฉีดงบประมาณเพื่อขับเคลื่อนการลงทุนด้านระบบสาธารณูปโภคที่ส่งผลในเชิงจิตวิทยาต่อการกระตุ้นกำลังซื้อของผู้บริโภค แต่คาดว่าภาคเศรษฐกิจจะเข้าสู่ภาวะปกติและเป็นรูปธรรมชัดเจนมากขึ้นในปี 2560 เป็นต้นไป โดยผู้บริโภคที่ยังมีความตั้งใจปลูกสร้างบ้านในปี 2559 ก็ถือว่ายังเป็นเวลาที่ดีและได้ราคาที่เหมาะสมที่สุด เพราะเชื่อว่าในปี 2560 ไปแล้วราคาบ้านน่าจะขยับสูงขึ้นมาก
นายสุธีกล่าวต่อว่า การดำเนินงานในปี 2559 และในช่วงต่อจากนี้ กลุ่มบิวท์ ทู บิวด์ ยังคงเน้นการดำเนินการธุรกิจเพื่อสร้างความแข็งแกร่งและการเติบโตอย่างยั่งยืนให้แก่ธุรกิจ โดยเน้นกลยุทธ์ด้านการบริการเพื่อช่วยให้ผลการดำเนินธุรกิจเป็นไปตามเป้าหมายอย่างต่อเนื่องนั่นก็คือ การดำเนินโครงการในเรื่องของลูกค้าสัมพันธ์โดยจัดให้มีกิจกรรมที่เชื่อมความสัมพันธ์ร่วมกันระหว่างลูกค้าและบริษัทฯให้เป็นครอบครัวเดียวกันทั้งในส่วนของผู้บริหารและทีมงานทุกฝ่ายให้ใกล้ชิดกันมากขึ้น ซึ่งบริษัทฯมองว่าโครงการในรูปแบบดังกล่าวจะช่วยสร้าง Brand Loyalty สร้างความสัมพันธ์อันดีให้เกิดขึ้น ทั้งยังเป็นการสร้างความเชื่อมั่น ความไว้วางใจ และความประทับใจจนสามารถเกิดการบอกต่อแนะนำกันในกลุ่มของลูกค้าได้อย่างน่าเชื่อถือมากยิ่งขึ้น
นอกจากนี้บริษัทฯยังคงเน้นให้ความสำคัญในด้านของคุณภาพการก่อสร้าง การมุ่งพัฒนาออกแบบบ้านดีไซน์ใหม่ๆ ให้ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้ามากยิ่งขึ้น ซึ่งเป็นการสร้างแบรนด์ที่มั่นคงและครองใจลูกค้าได้ยาวนานกว่า สำหรับการจัดกิจกรรมและการออกบูธที่บริษัทฯ ยังคงให้ความสำคัญอย่างเช่น กิจกรรม Site Seeing ซึ่งยึดถือแนวคิดในการ "สร้างบ้าน ต้องเห็นบ้าน" โดยนำลูกค้าเข้าเยี่ยมชมไซต์งานก่อสร้างจริงและโรงงานผลิตโครงสร้างชิ้นส่วนสำเร็จรูป ซึ่งบริษัทฯได้ดำเนินการเป็นบริษัทแรกของธุรกิจรับสร้างบ้าน และลูกค้าก็ยังให้การตอบรับอย่างต่อเนื่อง โดยในส่วนของการจัดกิจกรรมทางการตลาดบริษัทฯ ได้จัดให้มีขึ้นในแต่ละช่วงโอกาสที่เหมาะสม แต่จะเน้นในเรื่องคุณภาพบ้านและการให้บริการ ซึ่งถือเป็นปัจจัยหลักในการผลักดันให้ กลุ่มบิวท์ ทู บิวด์ ก้าวสู่ความสำเร็จตามเป้าหมายที่วางไว้ คุณสุธีกล่าวสรุปท้ายสุด