กรุงเทพฯ--17 ธ.ค.--อินเด็กซ์ ครีเอทีฟ วิลเลจ
อินเด็กซ์ ครีเอทีฟ วิลเลจ ปิดยอดปี 58 ตามคาด ส่งท้ายปีเก่าสร้างความสนุกต้อนรับปีใหม่ จัดงานเคาท์ดาวน์ 5 แห่ง ทั่วประเทศไทย เซ็นทรัลเวิลด์ เชียงใหม่ ศาลายา หาดใหญ่ และอุดรธานี เชื่อปี 59 ขาขึ้นของภาคธุรกิจอีเว้นท์ ผลพวงจากเทรนด์ไลฟสไตล์ของผู้บริโภคไทยที่ใช้ชีวิตอยู่นอกบ้านมากขึ้น นักการตลาดเดินหน้าวางแผนใช้งบประมาณ ในการจัดกิจกรรมทางการตลาดอย่างคึกคักรับปีลิง หลังจากชะลอการใช้เม็ดเงินตลอดปี 58 ที่ผ่านมา
นายเกรียงไกร กาญจนะโภคิน ผู้ก่อตั้ง และประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม บริษัท อินเด็กซ์ ครีเอทีฟ วิลเลจ จำกัด (มหาชน) ผู้นำด้านการสื่อสารการตลาดในภูมิภาคอาเซียน บริษัทอีเว้นท์อันดับ 7 ของโลก 3 ปีซ้อน รับรองจากสหรัฐอเมริกา เปิดเผยว่า "ภาพรวมอีเว้นท์ทั้งปี 58 ต้องบอกว่าอยู่ในภาวะทรงตัว ซึ่งมูลค่าตลาดธุรกิจอีเว้นท์โดยรวมอยู่ที่ 1.23 หมื่นล้านบาท เชื่อว่าในปีหน้า ทั้งในเรื่องของนโยบาย และโครงการของทางภาครัฐต่างๆ จะส่งผลให้ภาพรวมของภาคเอกชน และองค์กรต่างๆ เดินหน้าใช้งบประมาณจัดกิจกรรมทางการตลาด เพื่อกระตุ้นยอดขายมากขึ้น แต่จะเป็นการเน้นหนักในเรื่องของการลด แลก แจก แถมเป็นหลัก ในส่วนของภาพรวมของธุรกิจอีเว้นท์ปี 59 เชื่อว่าจะดีขึ้น เนื่องด้วยปัจจัยที่เข้ามาหนุนครึ่งปีหลังของปี 58 จากภาครัฐที่มีนโยบาย และโครงการต่างๆ อย่างโครงการด้านรถไฟฟ้าใต้ดิน รวมถึงโครงการใหญ่ๆ ที่ภาครัฐเร่งประมูลให้แล้วเสร็จภายในสิ้นปี 58 นี้ เป็นปัจจัยที่สำคัญที่กระตุ้นระบบการไหลเวียนของเม็ดเงินในเศรษฐกิจได้เป็นอย่างดี ส่งผลด้านกำลังการซื้อ (Purchasing Power) ของผู้บริโภคให้มีมากขึ้น ด้านนักการตลาดหลังจากที่ชะลอการใช้งบประมาณด้านการตลาดมาในช่วงปี 58 เริ่มวางแผนใช้งบประมาณในปี 59 ซึ่งหนึ่งในเครื่องมือที่สำคัญที่ขาดไม่ได้ คือ งานด้านอีเว้นท์ ที่ทยอยออกมาในรูปแบบที่หลากหลาย โดยลักษณะของอีเว้นท์ปี 59 นี้ จะถูกแบ่งออกเป็น 2 สเกลหลัก คือ 1.อีเว้นท์ที่มีสเกลขนาดใหญ่ (Big Event) และ 2.อีเว้นท์สเกลขนาดเล็ก (Small Event) ส่วนอีเว้นท์สเกลขนาดกลางจะถูกลดทอนลงไปเรื่อยๆ ด้วยลักษณะของตัวงานที่แบ่งกลุ่มเป้าหมายชัดเจน มากขึ้น ประกอบกับปัจจัยที่สำคัญที่สุดที่เข้ามามีอิทธิพลต่อธุรกิจอีเว้นท์ คือ เทรนด์ด้านไลฟสไตล์ของผู้บริโภคคนไทยที่มีการเปลี่ยนแปลง กล่าวคือคนไทยในยุคปัจจุบัน จะใช้ชีวิตอยู่นอกบ้านมากขึ้น หรือเรียกว่า มีชั่วโมงในการใช้ชีวิตนอกบ้านมากกว่าอยู่กับที่ใดที่หนึ่งเป็นเวลานานๆ นั่นเอง จึงเป็นช่องทาง และโอกาสที่ดีที่ธุรกิจอีเว้นท์จะขยาย และพัฒนารูปแบบของงาน เพื่อตอบโจทย์พฤติกรรมที่เปลี่ยนแปลงไป และสอดคล้องกับความต้องการของผู้บริโภค"
นายเกรียงไกร กาญจนะโภคิน กล่าวเพิ่มเติมว่า "ด้านธุรกิจของอินเด็กซ์ฯ ในปี 58 หลังจากที่มีการจัดทัพใหม่ และปรับโครงสร้างกลยุทธ์เมื่อกลางปีที่ผ่านมา ออกเป็น 4 กลุ่มธุรกิจหลัก คือ 1.ครีเอทีฟ โซลูชั่น (Creative Solutions) 2. มาร์เก็ตติ้ง เซอร์วิส (Marketing Services) 3. ธุรกิจในภูมิภาคอาเซียน (ASEAN Wings) และ 4. ไลฟ์สไตล์ เอ็กซ์พีเรี่ยน (Lifestyle Experience) เพื่อความคล่องตัวในการทำงาน และเดินหน้าธุรกิจ ซึ่งแน่นอน สัดส่วนรายได้หลัก โดยในช่วงแรกอินเด็กซ์ฯ ได้ให้น้ำหนักกับกลุ่มครีเอทีฟ โซลูชั่น และมาร์เก็ตติ้ง เซอร์วิส คืองาน ในกลุ่มอีเว้นท์ รวมถึง รายการทีวี, ดิจิตอล ออนไลน์, อินสโตร์ มีเดีย, งานด้านการสื่อสาร การวางแผนกลยุทธ์การสื่อสารและการประชาสัมพันธ์ และงานในส่วนของ เอ็กซ์ซิบิชั่น และนิทรรศการถาวร ซึ่งคิดเป็น 55% เป็นสัดส่วนหลักของรายได้ สำหรับอีเว้นท์ในปลายปีปิดท้าย อินเด็กซ์ฯ ได้จัดเคาท์ดาวน์ 5 แห่ง ได้แก่ บริเวณหน้าห้างเซ็นทรัลเวิลด์ ศาลายา หาดใหญ่ เชียงใหม่ และอุดรธานี ด้วยคอนเซ็ป "ลิง Jump Jump ล้ำจริงๆ" ภายใต้ธีม 'Monkey in Electric Jungle สุข สนุก สุดล้ำรับปีลิง' ซึ่งนี่ก็จะเป็นอีกหนึ่งงานที่ท้าทายด้วยโจทย์ใหม่ทุกปี พร้อมกับการพัฒนาวิธีนำเสนอที่แปลกใหม่ พร้อมด้วยนวัตกรรมที่สร้างสรรค์ขึ้นมาใหม่ทุกปีเช่นกัน นอกเหนือจากงานด้านอีเว้นท์ สิ่งที่ทางอินเด็กซ์ฯ โฟกัสเพื่อขยายธุรกิจไปสู่กลุ่มลูกค้าผู้บริโภค หรือ บีทูซี (Business to Consumers) มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการทำโชว์วัฒนธรรมเมียนมาในชื่อ "ดันดารี" ณ พระราชวังทองพุกาม ณ เมืองพุกาม ปีที่ 2 แล้ว โดยได้รับกระแสตอบรับอย่างดี รวมถึง "วิลเลจ เทเลวิชัน" กลุ่มบริการผลิตรายการโทรทัศน์ ป้อนให้กับช่องทีวีดิจิตอลในประเทศไทย และต่างประเทศ โดยล่าสุดเป็นเจ้าของคอนเท็นต์รายการ "The Dog Partner" ช่อง 9 MCOT HD รวมถึงการทำรายการทีวีทั้งในประเทศพม่า และเวียดนาม ถือเป็นธุรกิจใหม่ๆ ของอินเด็กซ์ฯ ที่กำลังเติบโตอย่างต่อเนื่อง ในปีหน้า อินเด็กซ์ฯ ยังคงให้ความสำคัญกับการสร้างรากฐานที่มั่นคง ด้วยความหลากหลายของธุรกิจที่ไม่ใช่เพียงแค่การจัดงานอีเว้นท์เท่านั้น แต่สามารถตอบสนองงานด้านการตลาดได้ครบทุกมิติ พร้อมเครือข่ายที่เข้มแข็งกับประเทศเพื่อนบ้าน ที่พร้อมเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ดีที่สุดที่จะสามารถเชื่อมโยงทุกธุรกิจในภูมิภาคอาเซียนเข้าด้วยกัน"