กรุงเทพฯ--17 ธ.ค.--พีอาร์ดีดี
สภาวะตลาดวันที่ 17 ธันวาคม 2558 ราคาทองคำแกว่งตัวในกรอบที่ระดับ 1,065.20-1,072.70 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ขณะที่ราคาทองคำแท่ง 96.5% ภายในประเทศขายออกอยู่ที่ 18,250 บาทต่อบาททองคำ โดยราคาปรับตัวเพิ่มขึ้น 50 บาทจากวันก่อนหน้าที่ระดับ 18,200 บาทต่อบาททองคำ ขณะที่โกลด์ฟิวเจอร์ส GFZ15 อยู่ที่ 18,360 บาท โดยราคาปรับตัวเพิ่มขึ้น 70 บาทจากวันก่อนหน้าที่ระดับ 18,290 บาท
(หมายเหตุ: ข้อมูลนี้จัดทำขึ้น ณ เวลา 17.09 น.ของวันที่ 17/12/15)
แนวโน้มวันที่ 18 ธันวาคม 2558
คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ตัดสินใจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับระหว่าง 0.25-0.50% เมื่อเศรษฐกิจสหรัฐแข็งแกร่งเพียงพอที่จะรับมือกับอัตราดอกเบี้ย แม้ประเด็นดังกล่าวจะส่งผลในเชิงลบต่อราคาทองคำ แต่ในวันที่เฟดประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ย ราคาทองคำสปอตพุ่งขึ้นประมาณ 12.20 ดอลลาร์ ปิดตลาดที่ระดับ 1,072.56 ดอลลาร์ต่อออนซ์ในช่วงท้ายตลาดของคืนวันพุธ เนื่องจากนางเจเน็ต เยลเลน ประธานเฟดกล่าวย้ำว่า การคุมเข้มนโยบายการเงินในช่วงต่อจากนี้จะดำเนินไปอย่างค่อยเป็นค่อยไป และจะขึ้นอยู่กับตัวเลขเศรษฐกิจ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงการประนีประนอมกันระหว่างกลุ่มผู้กำหนดนโยบายที่ต้องการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยมานานหลายเดือนเบาบางลง ผลให้นักลงทุนคลายความวิตกกังวล ประกอบกับ ผู้กำหนดนโยบายของเฟดคาดว่า อัตราดอกเบี้ยเป้าหมายอาจอยู่ที่ 1.375% ในปี 2016 ซึ่งบ่งชี้ว่า เฟดอาจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งละ 0.25% เป็นจำนวน 4 ครั้งในปี 2016 สอดคล้องกับการณ์คาดว่า เฟดอาจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งถัดไปในเดือน เม.ย. 2016 และสอดคล้องกับ โพลล์รอยเตอร์ในวันที่ 9 ธ.ค.เคยคาดว่าอัตราดอกเบี้ยเฟดอาจอยู่ที่ 1.0-1.25% ใน ช่วงสิ้นปี 2016 และอยู่ที่ 2.25% ในช่วงสิ้นปี 2017 อย่างไรก็ตาม นักลงทุนในตลาดทองคำยังคงจับตา อัตราดอกเบี้ยจำนองระยะยาว, สินเชื่อเพื่อผู้บริโภค และสินเชื่อประเภท อื่นๆเพื่อดูว่าสิ่งเหล่านี้แสดงปฏิกิริยาอย่างไรต่อการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด หลังจากเฟดจะใช้วิธีจ่ายดอกเบี้ย 0.50% ให้แก่ธนาคารพาณิชย์ที่ฝากเงินสดส่วนเกินไว้ที่เฟด และ เฟดจะเสนอวงเงินจำนวนมากในการทำข้อตกลง Reverse Repurchase หรือ Reverse Repo เพื่อดูดซับเงินสดส่วนเกินออกจากตลาดการเงินผ่านการขายหลักทรัพย์ในพอร์ทลงทุนของเฟดออกมาโดยทำข้อตกลงซื้อคืนหลักทรัพย์ดังกล่าวในภายหลัง ซึ่งขณะนี้ยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่า การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในครั้งนี้จะส่งผลกระทบอย่างไรต่อไป
กลยุทธ์การลงทุน ทางวายแอลจีมีมุมมองว่า ราคาทองคำยังคงอยู่ในลักษณะเคลื่อนไหวในกรอบเพื่อรอปัจจัยเข้ามากระทบ โดยกรอบของราคาในช่วงนี้จะอยู่ระหว่างแนวรับที่ 1,060-1,055 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และแนวต้านที่ 1,077-1,088 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แนะนำนักลงทุนเข้าซื้อเมื่อราคามีการปรับตัวลงเข้าใกล้กรอบล่างของราคา โดยให้รอจังหวะเข้าซื้อเมื่อราคาย่อตัวลงมาและไม่หลุดบริเวณแนวรับ 1,055 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แต่หากราคาหลุดแนวรับยังสามารถเข้าซื้อสะสมที่บริเวณแนวรับถัดไปหากราคาไม่หลุดโซน 1,046 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ซึ่งนักลงทุนสามารถทำกำไรเมื่อราคาปรับตัวสูงขึ้นทดสอบแนวต้าน 1,077 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หรือนักลงทุนที่รับความเสี่ยงสูงได้อาจรอทำกำไรบริเวณ 1,088 ดอลลาร์ต่อออนซ์
ทองคำแท่ง (96.50%)
แนวรับ 1,060 (18,080บาท) 1,055 (18,800บาท) 1,046 (17,840บาท)
แนวต้าน 1,077 (18,370บาท) 1,088 (18,600บาท) 1,102 (18,800บาท)
GOLD FUTURES (GFZ15)
แนวรับ 1,060 (18,240บาท) 1,055 (18,150บาท) 1,046 (18,000บาท)
แนวต้าน 1,077 (18,530บาท) 1,088 (18,720บาท) 1,102 (18,960บาท)
หากต้องการทราบทิศทางราคาทองคำและแนวทางลงทุนทองคำ ขอคำปรึกษาเพิ่มเติมจากทีมที่ปรึกษาการลงทุนด้านโกล์ดฟิวเจอร์ส โทร.02-687-9999 และการลงทุนด้านทองคำแท่ง โทร.02-687-9888
สนใจลงทุนทองคำแท่งและโกลด์ฟิวเจอร์ส สามารถติดตามสัมมนาทุกสัปดาห์ได้ที่ www.ylgbullion.co.th หรือ www.ylgfutures.co.th สอบถามเพิ่มเติมติดต่อ 02-687-9999 ต่อ 4148