กรุงเทพฯ--18 ธ.ค.--ทีวี ไดเร็ค
หัวเรือใหญ่ TVD "ทรงพล ชัญมาตรกิจ" มั่นใจปี58 โกยรายได้เข้าเป้า 2.88 พันล้านบาทและมีโอกาสพลิกกลับมามีกำไร รับอานิสงส์ตลาดโฮมช้อปปิ้งและออนไลน์ช้อปปิ้งไปได้สวยเหนือความคาดหมาย ชูจุดเด่นสินค้าหลากหลายตรงใจผู้บริโภค แถมมีพันธมิตรต่างชาติหนุน พร้อมเดินหน้าลุยงานเต็มสูบ
นายทรงพล ชัญมาตรกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทีวี ไดเร็ค จำกัด (มหาชน) หรือ TVD เปิดเผยว่าผลประกอบการในไตรมาส 4/2558 มีแนวโน้มออกมาดีขึ้นกว่าไตรมาสที่ผ่านมา เหตุเพราะธุรกิจ Home Shopping และ Online Shopping เติบโตเกินคาดทั้งยอดขายและผลกำไร คาดว่าในไตรมาสดังกล่าวกำลังซื้อของผู้บริโภคน่าจะฟื้นและกลับเข้าสู่ภาวะปกติในช่วงไฮซีซั่นนี้ บริษัทฯ ได้เพิ่มความสะดวกให้ผู้บริโภคในการช้อปปิ้งมากยิ่งขึ้น เช่น การสั่งซื้อสินค้า การสมัครสมาชิก และช่องทางการชำระเงินที่หลากหลาย ให้ผู้บริโภคได้เลือกจ่ายได้ตามสะดวก รวมถึงการเก็บเงินปลายทางเมื่อได้รับสินค้า พร้อมบริการส่งทุกพื้นที่ทั่วไทย ด้วยกำลังการจัดส่ง 90,000 ออเดอร์ต่อเดือน และยังมีระบบ track & trace ที่สามารถตรวจสอบสถานะออเดอร์ได้อีกด้วย
"ขณะเดียวกันพันธมิตรทางธุรกิจจากญี่ปุ่นที่ได้เล็งเห็นถึงศักยภาพของ TVD ที่สามารถนำจุดแข็งของแต่ละฝ่ายมาแลกเปลี่ยนองค์ความรู้และช่วยสร้างความโดดเด่นให้กับบริษัท เพื่อรองรับการเติบโตของตลาดและโอกาสในการดำเนินธุรกิจในอนาคต ตลอดจนการขยายช่องทางการจัดจำหน่ายสินค้า เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า รวมทั้งช่วยผลักดันรายได้ของบริษัทให้เติบโตอย่างต่อเนื่องอีกด้วย" นายทรงพล กล่าว
อย่างไรก็ตามรายได้ในปีนี้บริษัทยังคงมั่นใจว่าจะทำได้ตามเป้าหมายคือ 2,880 ล้านบาท จากปี 2557 ที่มีรายได้อยู่ที่ 2,563 ล้านบาท งบการเงินรวมในไตรมาสที่ 3/2558 รายได้รวม 731.06 ล้านบาท ขาดทุนสุทธิ 62.40 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 59.42 ล้านบาท จากไตรมาสที่ 3/2557
เหตุที่ผลประกอบการในไตรมาส 3 ปีนี้ขาดทุน เป็นผลจาก 1.การตัดมูลค่าทรัพย์สินจากการปิดสาขาร้านค้าปลีก TV Direct Showcase จำนวน 10 สาขาพร้อมกัน ในไตรมาสสาม 2.การตั้งสำรองของสินค้าคงคลัง สินค้าล้าสมัย สินค้าที่รับคืนจากลูกค้า สินค้าตัวอย่างทดลองใช้ เป็นต้น 3.การตัดจำหน่ายหนี้สูญที่ดำเนินการฟ้องร้องดำเนินการจนถึงที่สุดแล้ว 4.การลงทุนด้าน content ของสถานีโทรทัศน์ดาวเทียมทั้งสามสถานีของบริษัทเพื่อสร้างฐานคนดูให้เพิ่มขึ้น
ด้านค่าใช้จ่ายนั้น บริษัทสามารถบริหารค่าใช้จ่ายได้ตามเป้าหมายและลดลงได้เกือบ 2% สินค้าใหม่ที่จะเข้าทดแทนสินค้าปัจจุบัน โดยเฉพาะเครื่องสำอางและผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ยังเข้ามาไม่ทันในไตรมาสสาม เนื่องจากมีกระบวนการขอใบอนุญาตจากอย. ทั้งสินค้าและการ โฆษณาสินค้า แต่พร้อมขายในไตรมาสสี่ ซึ่งได้รับการตอบรับอย่างดีจากกลุ่มลูกค้าเดิมของบริษัท ส่วนธุรกิจ Home Shopping มีการเติบโต เหนือความคาดหมายทั้งยอดขายและผลกำไร กลายเป็นบริษัทโฮมช้อปปิ้งที่ทำกำไรได้รวดเร็วที่สุดในกลุ่ม momo home shopping ประเทศไต้หวันอีกด้วย
"ในไตรมาสที่สามนี้ บริษัทฯ ได้ดำเนินการตั้งสำรองสินค้าคงคลังตามนโยบายของผู้สอบบัญชีและเตรียมแนวทางจำหน่ายสินค้าเหล่านั้นแล้ว เชื่อมั่นว่าจะสามารถ Reverse กลับมาได้ไม่น้อยกว่า 80% และเป็นจังหวะที่การดำเนินการฟ้องร้องลูกหนี้หลายรายได้ดำเนินการมาถึงที่สุด จึงตั้งสำรองทั้งหมดสะท้อนงบที่หมดจรด พร้อมสมบูรณ์สำหรับการเติบโตในปี 2016" นายทรงพล กล่าว