กรุงเทพฯ--18 ธ.ค.--มีเดีย แพลนเนอร์ คอนซัลแทนท์
บมจ.ยูเอซี โกลบอล เดินหน้าบุกขยายลูกค้าตลาดใหม่ ชูแผนสร้างความยั่งยืนธุรกิจ ระบุอยู่ระหว่างศึกษาลงทุนในเมียนมา-มองโอกาสลงทุนเพิ่มด้านพลังงานในกลุ่ม CLMV คาดเห็นความชัดเจนปี 59 "ชัชพล ประสพโชค" กรรมการผู้จัดการ แย้มเล็งซื้อกิจการโรงไฟฟ้าเพิ่ม มั่นใจรายได้ปี 59 เติบโตต่อเนื่องที่ระดับ 15-20%
นายชัชพล ประสพโชค กรรมการผู้จัดการ บริษัท ยูเอซี โกลบอล จำกัด (มหาชน) หรือ UAC กล่าวว่า บริษัทฯมีทิศทางการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยธุรกิจ Trading มีการปรับกลยุทธ์การขยายตลาดในธุรกิจดังกล่าว เพื่อต่อยอดธุรกิจ หลังจากการควบรวมกิจการ UAPC โดยในปี 2559 บริษัทฯได้มุ่งเน้นการขยายฐานลูกค้า โดยที่บริษัทฯ เตรียมแผนจะขยายธุรกิจ Trading ไปยัง กัมพูชา ลาว เมียนมา เวียดนาม หรือกลุ่มประเทศ CLMV เพื่อเป็นการขยายฐานลูกค้ากลุ่มใหม่
ซึ่งทางบริษัทฯ มองว่าการดำเนินธุรกิจให้ยั่งยืน ควรมองหาโอกาสและตลาดใหม่ๆ ทั้งนี้ ตลาดดังกล่าวเป็นตลาดที่กำลังพัฒนาและมีความพร้อมในหลายด้าน อาทิ ด้านเศรษฐกิจ การเมือง และสังคม รวมทั้งโอกาสทางการค้าและการลงทุนที่ยังเปิดกว้าง อีกทั้งแนวโน้มการขยายตัวทางเศรษฐกิจก็อยู่ในระดับดี มีแหล่งทรัพยากรธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ และยังเป็นแหล่งที่นักลงทุนให้ความสนใจ โดยเบื้องต้นบริษัทอยู่ระหว่างศึกษาการลงทุนที่จะไปประเทศเมียนมาก่อน คาดว่าจะเริ่มขยายไปช่วงไตรมาส1ของปี 2559 พร้อมกันนี้ได้ทำการศึกษาการลงทุนและพัฒนาโอกาสการลงทุนในธุรกิจด้านพลังงานชีวภาพและชีวมวลในกลุ่ม CLMV เช่นเดียวกัน และคาดว่าจะเห็นความชัดเจนภายในปี 2559
กรรมการผู้จัดการ บมจ. ยูเอซี โกลบอล (UAC) กล่าวอีกว่า บริษัทฯยังมองหาโอกาสในการเข้าซื้อกิจการ (M&A)ที่น่าสนใจ ซึ่งปัจจุบันก็อยู่ระหว่างการเตรียมการเข้าซื้อกิจการโรงไฟฟ้า ขนาด 7 เมกะวัตต์เพื่อต่อยอดในธุรกิจที่มีอยู่เดิม โดยที่ผ่านมามีอุปสรรคทำให้ล่าช้าแต่ก็ได้แก้ไข และคาดว่าจะทำการควบรวมแล้วเสร็จได้ในช่วงไตรมาสแรกปี 2559 โดยบริษัทมั่นใจว่ามีศักภาพในการลงทุนด้านพลังงานและอื่นๆต่อปีราว 1,000 ล้านบาท
อย่างไรก็ตามบริษัทยังคงให้ความสำคัญกับโครงการผลิตไฟฟ้าพลังงานทดแทนในประเทศเป็นหลัก โดยเตรียมเข้ายื่นประมูลโครงการโรงไฟฟ้าไบโอแมส จำนวน 10 เมกะวัตต์ และโครงการผลิตไฟฟ้าจากหญ้าเนเปียร์ ขนาด 20 เมกะวัตต์ ซึ่งคาดว่ารัฐบาลน่าจะเปิดประมูลรับซื้อไฟฟ้าจากพลังงานทดแทนได้อย่างเร็วที่สุดในช่วงปลายไตรมาสแรกของปีหน้า ซึ่งจะส่งผลทำให้รายได้และกำไรสุทธิของบริษัทเติบโตได้ตามเป้าหมายในอนาคต
สำหรับปี 2559 บริษัทตั้งเป้าหมายจะมีรายได้เติบโตราว 15-20% หรือแตะระดับ 1,800 ล้านบาท จากปีนี้มั่นใจรายได้เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ที่ 1,500 ล้านบาท โดยจะมีสัดส่วนรายได้มาจากธุรกิจ เทรดดิ้งและธุรกิจเคมีภัณฑ์-พลังงานทดแทน 50:50 จากปีนี้มีสัดส่วนอยู่ที่ 75:25 ตามลำดับ