กรุงเทพฯ--22 ธ.ค.--เดอะเวย์ คอมมิวนิเคชั่น
'บางกอกชีทเม็ททัล' หรือ BM ยื่นไฟลิ่งต่อสำนักงาน ก.ล.ต. แล้ว เพื่อเสนอขายหุ้นไอพีโอ 100ล้านหุ้น ระดมทุนเดินหน้าขยายกำลังการผลิตเหล็กแปรรูป เพิ่มขีดความสามารถการแข่งขัน
นายสมภพ ศักดิ์พันธ์พนม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอสเซท โปรแมเนจเม้นท์ จำกัด (APM) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินของบริษัท บางกอกชีทเม็ททัล จำกัด (มหาชน) หรือ BM เปิดเผยว่า บริษัทฯ ได้ยื่นไฟลิ่งของ บมจ.บางกอกชีทเม็ททัล ต่อสำนักงาน ก.ล.ต. เป็นที่เรียบร้อยแล้ว เพื่อเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ โดยที่บริษัทเตรียมเสนอขายหุ้น 100 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) 0.50 บาท โดยในขณะนี้ได้ยื่นไฟลิ่งหุ้นไอพีโอของ BM แล้ว ส่วนระยะเวลาเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ คาดว่าจะอยู่ในช่วงปี 2559 และ BM จะเป็นหุ้นไอพีโอน้องใหม่อีกหนึ่งบริษัท ที่จะได้รับความสนใจจากนักลงทุนเป็นอย่างดี
"ผมเชื่อว่า BM จะได้รับการตอบรับที่ดีในการเข้าตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ ด้วยองค์ประกอบของบริษัทที่มีความเชี่ยวชาญ และประสบการณ์อันยาวนานในการทำธุรกิจการผลิต และจัดจำหน่ายสินค้าแปรรูปผลิตภัณฑ์เหล็ก ราง และท่อร้อยสายไฟฟ้า ตู้สื่อสาร ตู้ไฟฟ้า ตู้โลหะ และแผงควบคุมไฟฟ้าที่ใช้ตามอาคาร คอนโดมิเนียม สำนักงาน ห้างสรรพสินค้า โรงงานอุตสาหกรรม สถานีไฟฟ้า ประกอบกับวิสัยทัศน์ของผู้บริหารที่ต้องการยกระดับเพื่อการขยายฐานลูกค้าทั้งใน และต่างประเทศ ซึ่งคาดหวังว่าจะทำให้ธุรกิจของบริษัทฯ มีความน่าสนใจต่อนักลงทุนเพิ่มมากยิ่งขึ้น" นายสมภพ กล่าว
นายธานิน สัจจะบริบูรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บางกอกชีทเม็ททัล จำกัด (มหาชน) หรือ BM ผู้ผลิต และจำหน่ายสินค้าแปรรูปผลิตภัณฑ์เหล็กภายใต้ตราสินค้า "BSM", "BM", "BS" และ "BEST"
และผลิตภัณฑ์ขึ้นรูปอื่น ๆ จากโลหะตามความต้องการของลูกค้า เปิดเผยว่า สำหรับผลการดำเนินงานของบริษัทในช่วง 3 ปีย้อนหลัง ตั้งแต่ปี 2555 - ปี 2557 มีดังนี้ รายได้จากการขายและบริการรวมในปี 2555 จำนวน 673.31 ล้านบาท กำไรสุทธิ 17.12 ล้านบาท และปี 2556 มีรายได้รวม 837.15 ล้านบาท กำไรสุทธิ 52.54 ล้านบาท ส่วนปี 2557มีรายได้รวม 695.70 ล้านบาท กำไรสุทธิ 45.34 ล้านบาท ในขณะที่รายได้ 9 เดือนแรกของปี 2558 อยู่ที่ 611.56 ล้านบาท กำไรสุทธิ 47.14 ล้านบาท
"การระดมทุนเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ mai นอกเหนือจากจะช่วยให้มีความมั่นคงทางธุรกิจ ยังเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน เพิ่มศักยภาพในการขยายตลาด รวมไปถึงมีเงินทุนในการขยายธุรกิจให้เติบโตแบบยั่งยืน และการเป็นบริษัทมหาชนแสดงให้เห็นถึงความโปร่งใส ช่วยสร้างความมั่นใจให้แก่คู่ค้า พันธมิตร และคาดจะช่วยหนุนให้กิจการเติบโตได้ในอนาคต" นายธานินกล่าว