กรุงเทพฯ--11 ก.ย.--โรงภาพยนต์กรุงไทย ไอแม็กซ์
ฮอนเท็ดคาสเซิ่ลเป็นภาพยนตร์ระทึกขวัญ 3 มิติบนจอขนาดใหญ่ จากเอ็นเวฟพิคเจอร์ (nWave pictures) ที่พลิกรูปแบบการดำเนินเรื่องแตกต่างจากภาพยนตร์ทั่วไป โดยใช้การเล่าเรื่องผ่านภาพแทนสายตาของนักแสดงนำตลอดระยะเวลาของความยาวเกือบ 40 นาที ภาพยนตร์เรื่องนี้จะนำผู้ชมไปพบกับสุดยอดของภาพกราฟฟิคแอนนิเมชั่นที่น่าตื่นตาตื่นใจ ซึ่งเกิดจากเทคโนโลยีการการสร้างภาพด้วยคอมพิวเตอร์อันทันสมัย นำมาถ่ายทอดลงบนจอภาพยนตร์ขนาดยักษ์ที่จะทำให้ผู้ชมเห็นภาพแอนนิเมชั่นขนาดใหญ่มาสั่นประสาทอยู่ตรงหน้าในแบบ 3 มิติ เสมือนร่วมอยู่ในปราสาทสยองแห่งนี้จริงๆ อีกครั้งกับประสบการณ์ครั้งใหม่ที่จะมาเขย่าหัวใจคุณให้ส่ำระทึก ฮอนเท็ดคาสเซิ่ล ที่สุดของภาพยนตร์สยอง 3 มิติบนจอขนาดยักษ์ของไอแมกซ์
ท่ามกลางภาพกว้างใหญ่ของท้องฟ้าเหนือเหนือชายฝั่งทะเลในประเทศแถบยุโรป รถยนต์คันหนึ่งกำลังแล่นมุ่งหน้าไปที่ปราสาทบนภูเขา เป็นฉากเริ่มต้นของฮอนเท็ดคาสเซิ่ล และเรื่องราวปริศนาชีวิตของจอห์นนี่ (รับบทโดยนักร้องนำวง Arid แจสเปอร์ สตีเวอร์ลิงค์) นักร้องหนุ่มผู้ที่ได้รับมรดกเป็นปราสาทลึกลับจากแม่ที่ทิ้งเขาไปตั้งแต่เมื่อวัยเด็กและเพิ่งเสียชีวิตลง เมื่อจอห์นนี่มาถึงหน้าปราสาทประตูหน้าก็ถูกเปิดออกดั่งมีอาถรรพ์เหมือนเชื้อเชิญให้เขาเข้ามาสู่ภายใน เมื่อถึงตอนนี้การเล่าเรื่องด้วยภาพจะถูกเปลี่ยนมุมมองมาเป็นภาพแทนสายตา ที่ถ่ายทอดออกมาแทนความรู้สึกสงสัยภายในใจของจอห์นนี่
ฮอนเต็ดคาสเซิ่ลเป็นผลงานการกำกับของ เบน สแตซเซ่น ในภาพยนตร์เรื่องนี้เขาและทีมงานได้ตัดสินใจที่จะทดลองใช้การเล่าเรื่องผ่านภาพแทนสายของจอห์นนี่ ซึ่งถือเป็นสิ่งที่ท้าทายความสามารถในการฉีกรูปแบบการถ่ายทอดเนื้อหาจากรูปแบบเดิมๆ ของภาพยนตร์เป็นอย่างยิ่ง แต่มันก็เป็นการตัดสินใจที่ได้ผลลัพธ์ที่คุ้มค่ากับการทำงาน โดยสแตซเซ่นให้คำอธิบายไว้ว่า "การสร้างภาพยนตร์ด้วยวิธีการแบบนี้เป็นความท้าทายที่ยิ่งใหญ่จริงๆ เพราะไม่ต้องมีการเปลี่ยนมุมกล้องในฉากเดียวกัน และเราเกือบจะไม่ต้องตัดต่อเลย ที่สำคัญก็คือยังได้สอดแทรกนัยของความรู้สึกที่เกี่ยวข้องกับสถานที่ลงไปได้ด้วยซึ่งอาจจะกลายเป็นประเด็นที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์จากผู้ชม เมื่อตัวแสดงหลักของภาพยนตร์กลายเป็นปราสาทแห่งนี้และพื้นที่ภายในที่ดูลึกลับ อย่างไรก็ตามภาพยนตร์ 3 มิติ บนจอขนาดใหญ่มักจะมีเนื้อหาเกี่ยวกับการสำรวจและค้นพาอยู่แล้ว ภาพยนตร์เรื่องนี้จึงอาจจะเป็นโอกาสที่น่าตื่นเต้นในการพาผู้ชมเดินทางเข้าไปท่องปราสาทภายใต้บรรยากาศลึกลับที่น่ากลัว"
เนื่องจากเป็นภาพยนตร์แบบ 3 มิติ ทำให้ฮอนเต็ดคาสเซิ่ลกลายเป็นปราสาทลึกลับที่ทำให้ผู้ชมรู้สึกราวกับว่าสามารถสัมผัสกับสภาพแวดล้อมและบรรยากาศต่างๆ ได้เหมือนจริง บางครั้งอาจจะมีบางอย่างที่คาดไม่ถึงเกิดขึ้นภายในปราสาทแห่งนี้ นับตั้งแต่ที่จอห์นนี่เริ่มต้นเดินสำรวจภายในปราสาทไปเรื่อยๆ จนกระทั่งเขาได้ยินเสียงของแม่ที่นำทางให้เขาเดินไปพบห้องนั่งเล่นขนาดใหญ่ที่ดูลึกลับ ที่นี่เขาได้พบแม่ (รับบทโดยนักร้องนำวง Lunascape เคียวโกะ บาร์ทโซน) ปรากฏร่างขึ้นพร้อมกับจดหมายที่เขียนด้วยลายมือของเธอ เพื่อส่งข้อความเตือนจอห์นนี่ให้ระวังภัยจากปีศาจร้ายที่สิงอยู่ภายในปราสาทแห่งนี้ สำหรับการสร้างภาพยนตร์ที่มีกราฟฟิคแอนนิเมชั่น มาผสมผสานกับการแสดงจากนักแสดงจริงๆ นั้น การเซ็ตฉากที่มีนักแสดงซึ่งจะต้องไปปรากฏรวมกับกราฟฟิคแอนนิเมชั่นบนจอภาพยนตร์ ต้องมีการเตรียมการถ่ายทำโดยมีการใช้สายโยงการเคลื่อนที่ของกล้องไปตามจุดต่างๆ นักแสดงจะถูกถ่ายทำบนฉากบลูสกรีน โดยแสดงไปตามเนื้อเรื่องที่ต้องอาศัยจินตนาการจากบทและฉากที่ถูกเตรียมขึ้น หลังจากนั้นการแสดงบนฉากบลูสกรีนจะถูกนำไปรวมกับภาพกราฟฟิคแอนนิเมชั่นที่ถูกสร้างขึ้นด้วยคอมพิวเตอร์ และทั้งหมดจะกลายเป็นภาพเหมือนจินตนาการที่กำหนดขึ้นปรากฏบนภาพยนตร์ที่ฉายจริง ในส่วนของงานสร้างภาพกราฟฟิคแอนนิเมชั่นนั้น ผู้กำกับภาพยนตร์จะต้องวางแผนกำหนดทุกๆ รายละเอียดในฉากต่างๆ ไว้ล่วงหน้าอย่างสมบูรณ์ ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องที่นักแสดงจะมองไปทางจุดไหน? จะตั้งกล้องห่างจากนักแสดงเพียงไร? จะตั้งกล้องมุมไหน? หรือจะใช้เลนส์แบบใดที่จะมั่นใจได้ว่าภาพของนักแสดงที่ปรากฏในภาพยนตร์จะลงตัวได้อย่างพอดีที่สุด เป็นต้น
หลังจากที่จอห์นนี่ได้ปรับความเข้าใจและรับคำเตือนจากวิญญาณของแม่ กล้องจะตัดภาพเร็วมาที่ประตูทางเข้าในดินแดนของมิสเตอร์ดี (ให้เสียงพากษ์โดยแฮร์รี่ เชียร์เรอร์ ซึ่งเคยให้เสียงพากษ์การ์ตูนชื่อดังหลายเรื่อง ไม่ว่าจะเป็น The Simpsons, This is spinal Tap) ด้วยข้อเสนอที่สัญญาจะให้ทั้งชื่อเสียงและโชคลาภมหาศาลเพื่อล่อลวงให้จอห์นนี่มอบวิญญาณให้ มิสเตอร์ดีพยายามเชิญชวนให้จอห์นนี่รับข้อเสนอ แต่ก่อนการตัดสินใจมันได้ส่งจอห์นนี่ไปท่องสำรวจภายในปราสาท ณ ดินแดนต้องห้ามที่มีแต่ความโหดร้ายของปราสาทแห่งนี้
ในส่วนของการสร้างฉากคุกใต้ดินของปราสาท ที่จะต้องทำให้มีบรรยากาศเหนือจริงนั้น เป็นหน้าที่ของทีมงานด้านคอมพิวเตอร์แอนนิเมชั่น ณ ศูนย์การทำงานที่ กรุงบรัสเซล ประเทศเบลเยี่ยม โดยทีมงานได้รับโอกาสให้สร้างฉากขึ้นตามอารมณ์ความคิดที่เกิดขึ้นจากจินตนาการอย่างเต็มที่ พวกเขาสรุปถึงการทำงานไว้ว่า "โอกาสในการสร้างภาพยนตร์ที่ฉายบนจอสูงขนาดตึกแปดชั้นไม่ได้เกิดขึ้นง่ายๆ กับทุกคน ในฐานะเป็นคนทำงานด้านแอนนิเมชั่นเราต้องรับผิดชอบสำหรับทุกๆ รายละเอียดของภาพที่จะปรากฏในภาพยนตร์ มันเป็นความกดดันในการทำงานที่จะต้องเติมรายละเอียดต่างๆ ของภาพลงไปบนจอขนาดยักษ์ ทำให้เราต้องสร้างภาพที่น่าตื่นตาตื่นใจเท่าที่เราจะคิดออกลงไปในภาพยนตร์เพื่อให้เกิดความลงตัวที่สุด"
การออกสำรวจคุกใต้ดิน ที่เป็นดินแดนต้องห้ามภายในปราสาท ทำให้จอห์นี่เรียนรู้ว่าจุดอ่อนที่จะสามารถทำลายมิสเตอร์ดีได้ก็คือ เพลงโอเปร่า ดังนั้นเมื่อเขากลับมาเผชิญหน้ากับมิสเตอร์ดีอีกครั้ง จอห์นนี่ได้ท้าทายให้มิสเตอร์ดียื่นข้อเสนอแลกเปลี่ยนวิญญาณกับชื่อเสียงและโชคลาภอันมหาศาลอีกครั้ง ในที่สุดเมื่อมันไม่ได้ระวังตัว จอห์นนี่ก็ได้รวมพลังร้องเพลงโอเปร่าพุ่งตรงไปทำลายมิสเตอร์ดีและอาถรรพ์ร้ายของปราสาทแห่งนี้ลงได้ทั้งหมด
สำหรับการถ่ายทำฉากการเผชิญหน้าระหว่างจอห์นนี่กับมิสเตอร์ดีนั้น นักร้องที่ผันตัวเองมาเป็นผู้แสดงอย่างแจสเปอร์ สตีเวอร์ลิงค์ มีภาระหนักที่ในการฝึกร้องเพลงโอเปร่า โดยต้องปรับโทนเสียงในการร้องให้ตรงกับคีย์ของเสียงเพลงโอเปร่าที่ชื่อว่า "ดอนน่า โมไบล์ (DonnaMobile)" เขากล่าวถึงเรื่องนี้ว่า "มันเป็นสิ่งที่ท้าทายมากเพราะผมไม่เคยร้องเพลงโอเปร่ามาก่อนเลย อีกทั้งยังต้องร้องเพลงที่เป็นภาษาอิตาเลี่ยนอีกด้วย เพราะปกติผมร้องแต่เพลงภาษาอังกฤษ ดังนั้นผมจึงต้องฝึกพูดภาษาอิตาเลี่ยน เพื่อที่จะร้องเพลงให้ถูกต้อง" แจสเปอร์ใช้เวลาอยู่หลายสัปดาห์ในการฝึกหัดร้องเพลงกับผู้เชี่ยวชาญ แต่หลังจากนั้น เขาก็สามารถร้องโอเปร่าที่แสดงถึงพลังในการร้องซึ่งสามารถทำลายปีศาจมิสเตอร์ดี และลบล้างอำนาจอาถรรพ์ออกไปจากปราสาทแห่งนี้ได้ในที่สุด โดยถ่ายทำการแสดงในฉากดังกล่าวเพียงครั้งเดียว ซึ่งอาจจะเป็นเพราะพลังความสามารถและพรสวรรค์ในการร้องเพลงที่ติดตัวเขามาแต่กำเนิดนั่นเอง
บทสรุปของภาพยนตร์ถ่ายทอดให้เห็นถึงผลลัพธ์จากความตั้งใจที่จะประสบความสำเร็จในเส้นทางดนตรีของจอห์นนี่ หลังออกเดินทางตระเวณเล่นดนตรีกับวงของเขาเป็นเวลาถึง 6 เดือน เขาปิดการแสดงที่เมดิสันสแควร์การ์เด้น กรุงนิวยอร์ค ในคอนเสิร์ตที่มีผู้ชมคับคั่งจนตั๋วถูกขายหมดเกลี้ยง ถึงจะไม่ได้รับการช่วยเหลือจากอำนาจมืดของมิสเตอร์ดี แต่ในที่สุดจอห์นนี่ก็สามารถประสบความสำเร็จได้ด้วยความมุ่งมั่นตามความฝันของตัวเอง
หลังเสร็จการถ่ายทำของนักแสดง ขั้นตอนการสร้างฮอนเต็ดคาสเซิ่ลยังมีงานสำคัญในส่วนของคอมพิวเตอร์แอนนิเมชั่นซึ่งทำเสร็จสมบูรณ์ที่กรุงบรัสเซล แต่ทีมงานต้องนำฟิล์มงานสร้างภาพจากคอมพิวเตอร์แปลงผ่านเครื่องบันทึกภาพยนตร์กลับมาทำงานในคอมพิวเตอร์อีกครั้ง เพื่อรวมภาพการแสดงของคนกับงานกราฟฟิคคอมพิวเตอร์เข้าด้วยกันที่ลอสแองเจิลลีส โดยเครื่องบันทึกภาพยนตร์ถือเป็นเครื่องมือที่มีความสำคัญในการทำงานร่วมกับคอมพิวเตอร์แอนนิเมชั่น พร้อมกับจอฉายภาพยนตร์ขนาดใหญ่ (65 มิลลิเมตร) ที่มีความละเอียดของภาพสูง ภาพที่ถูกสร้างโดยคอมพิวเตอร์จะถูกสแกนลงมอนิเตอร์ก่อนที่จะถูกแปลงลงบนฟิล์มภาพยนตร์ไปตามแม่สีทีละสี คือ แดง เขียว และน้ำเงิน หลังจากนั้นภาพทั้งหมดของทุกสี จะถูกฉายลงบนจอมอนิเตอร์อีกทีละครั้งตามสี 3 ครั้ง ด้วยกัน ก่อนจะมาถึงขั้นตอนของการแปลงมาสเตอร์ที่รวมสีทั้งหมดเข้าด้วยกันลงบนฟิล์มภาพยนตร์อีกครั้ง
ขั้นตอนสุดท้ายสำหรับ ฮอนเท็ดคาสเซิ่ล ซึ่งเป็นภาพยนตร์บนจอขนาดใหญ่ที่มีความละเอียดสูงคือ การแปลงงานที่เสร็จสมบูรณ์ทั้งหมดจากคอมพิวเตอร์มาเป็นฟิล์มภาพยนตร์ โดยเครื่องบันทึกภาพยนตร์จะใช้เวลาเกือบ 2 นาที ในการทำงานบันทึกภาพทีละเฟรมของภาพยนตร์ ซึ่งหากคิดแล้วภาพยนตร์เรื่องนี้มีความยาวประมาณ 40 นาที และต้องใช้ฟิล์มภาพยนตร์แยกชุดกันสำหรับเครื่องฉาย 3 มิติ ที่แบ่งเป็นภาพสำหรับตาซ้ายและตาขวา (นำมาฉายซ้อนกันเพื่อให้เกิดภาพ 3 มิติ) เนื่องจากเฉลี่ยแล้วในเวลา 1 วินาที ภาพยนตร์จะมีเฟรมภาพวิ่งผ่านสายตามนุษย์ 24 เฟรม ฮอนเท็ดคาสเซิ่ลมีจำนวนฟิล์มที่ถ่ายเฉลี่ยทั้งหมด 115,000 เฟรม ดังนั้นถ้าทำงานอย่างไม่หยุดพักทั้งวัน 24 ชั่วโมง ในขณะที่เครื่องบันทึกภาพยนตร์สามารถทำงานได้ในอัตรา 800 เฟรมต่อวัน ทั้งหมดจึงต้องใช้เวลาในการแปลงภาพยนตร์จากคอมพิวเตอร์สู่ฟิล์มเกือบ 5 เดือน แม้จะเป็นขั้นตอนที่ค่อนข้างจะละเอียดซับซ้อนกว่าจะเสร็จเป็นภาพยนตร์ที่สมบูรณ์พร้อมออกฉายสู่สายผู้ชมได้ แต่ผลลัพธ์ที่ได้รับก็คุ้มค่าแก่การรอคอย--จบ--
-อน-