กรุงเทพฯ--23 ธ.ค.--ทริสเรทติ้ง
ทริสเรทติ้งมีความเห็นว่าอันดับเครดิตของธนาคารธนชาต จำกัด (มหาชน) จะไม่ได้รับผลกระทบจากการถอนการลงทุนที่อาจเกิดขึ้นของผู้ถือหุ้นหลักของธนาคารรายหนึ่งคือ Bank of Nova Scotia (BNS)
ทั้งนี้ บริษัท ทุนธนชาต จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นหลักในสัดส่วน 50.96% ของธนาคารธนชาต ได้แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยว่า BNS ซึ่งถือหุ้น 48.99% ในธนาคารธนชาตได้ปรับเปลี่ยนกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิคโดย BNS มีแผนจะถอนการลงทุนในธนาคารธนชาตด้วยการเสนอขายหุ้นที่ถือครองทั้งหมดแก่สถาบันการเงินต่างประเทศขนาดใหญ่ที่มีชื่อเสียงและมีฐานะการเงินที่มั่นคง โดยผู้ถือหุ้นรายใหม่ต้องได้รับการยอมรับจากบริษัททุนธนชาต อีกทั้งยังต้องได้รับการอนุมัติจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ด้วย
BNS เป็นพันธมิตรเชิงกลยุทธ์ของบริษัททุนธนชาตและเป็นผู้ถือหุ้นหลักรายหนึ่งของธนาคารธนชาตมาตั้งแต่ปี 2550 โดยได้นำประสบการณ์และความรู้ความชำนาญของบริษัทมาช่วยในการพัฒนากระบวนการทำงานรวมถึงระบบบริหารความเสี่ยงของธนาคารธนชาต อย่างไรก็ตาม การถอนการลงทุนของ BNS จะไม่ส่งผลกระทบต่อสถานะเครดิตของธนาคารธนชาตเนื่องจากความช่วยเหลือดังกล่าวได้หลอมรวมจนเป็นส่วนหนึ่งของการดำเนินงานของธนาคารธนชาตแล้ว โดยธนาคารธนชาตจะยังคงดำเนินธุรกิจต่อไปได้หลังจาก BNS ถอนการลงทุนออกไป ทั้งนี้ ทริสเรทติ้งจะยังคงติดตามการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างการถือหุ้นของธนาคารธนชาต รวมถึงผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นต่อสถานะเครดิตของธนาคารธนชาตในระยะกลางถึงระยะยาวต่อไป
ธนาคารธนชาตมีสถานะเป็นบริษัทย่อยหลักของบริษัททุนธนชาตและเป็นธนาคารพาณิชย์ไทยที่มีขนาดสินทรัพย์รวมใหญ่เป็นอันดับ 6 โดย ณ เดือนกันยายน 2558 ธนาคารมีส่วนแบ่งทางการตลาดของสินเชื่อที่ 6.5% และเงินรับฝากที่ 6.0% ธนาคารเป็นผู้ให้บริการสินเชื่อรถยนต์รายใหญ่ที่สุดในประเทศไทยโดยมีส่วนแบ่งทางการตลาด ณ สิ้นปี 2557 ประมาณ 22%
ปัจจุบันทริสเรทติ้งจัดอันดับเครดิตองค์กรให้แก่ธนาคารธนชาตที่ระดับ "AA-" รวมทั้งจัดอันดับเครดิตหุ้นกู้ด้อยสิทธิของธนาคารที่ระดับ "A+" และอันดับเครดิตหุ้นกู้ด้อยสิทธิลักษณะคล้ายทุนที่นับเป็นเงินกองทุนชั้นที่ 2 ที่ระดับ "A" ด้วยแนวโน้ม "Stable" หรือ "คงที่"