กรุงเทพฯ--24 ธ.ค.--มีเดีย แพลนเนอร์ คอนซัลแทนท์
กองทรัสต์ เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่าดับบลิวเอชเอ พรีเมี่ยม โกรท หรือ WHART เพิ่มทุน(ครั้งที่1) จำนวน 365.88 ล้านหน่วย ตั้งแต่วันที่ 21 จนถึง วันที่ 25 ธันวาคมนี้ ด้านผู้บริหาร เผย บริษัทฯเตรียมนำเงินจากซื้อสินทรัพย์เข้ากองทุนเพิ่ม ดันมูลค่าสินทรัพย์เกิน 9 พันล้านบาท หรือเติบโตเกินเท่าตัว พร้อม ขยับสัดส่วน Freehold เฉลี่ยกว่า70% ส่งผลให้WHART เป็นกองทรัสต์ประเภทคลังสินค้าและศูนย์กระจายสินค้าใหญ่ที่สุดในประเทศไทย
นางสาวจรีพร จารุกรสกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และ รองประธานกรรมการ บริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน ) หรือ WHA ในฐานะผู้บริหารอสังหาริมทรัพย์ให้กับกองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่าดับบลิวเอชเอ พรีเมี่ยม โกรท เปิดเผยว่า กองทรัสต์ WHART พร้อมที่จะขยายมูลค่ากองทุน โดยเสนอขายหน่วยลงทุนเพิ่มอีก 365.88 ล้านหน่วย เพื่อเสนอขายแก่ผู้ถือหน่วยเดิมและนักลงทุนทั่วไป โดยเปิดให้ผู้ถือหน่วยทรัสต์เดิม ใช้สิทธิในการจองซื้อตั้งแต่วันที่ 21 ถึง 25 ธ.ค. 2558 โดยกำหนดอัตราการใช้สิทธิ 1.20 หน่วยลงทุนเดิม ต่อ 1 หน่วยลงทุนใหม่ ส่วนนักลงทุนทั่วไป สามารถจองซื้อได้ตั้งแต่วันที่ 23จนถึง 25 ธ.ค.2558 เช่นเดียวกัน
สำหรับรายละเอียดที่เกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ที่จะเสนอขายให้กับกองทรัสต์ที่เข้าลงทุนในการเพิ่มทุนครั้งนี้ของกองทรัสต์ คือ อสังหาริมทรัพย์ 3 โครงการ มูลค่าไม่เกิน 4,650 ล้านบาท ได้แก่ โครงการ WHA Mega Logistics Center (ชลหารพิจิตร ก.ม. 4) โครงการ WHA Mega Logistics Center (วังน้อย 61) และโครงการ WHA Mega Logistics Center (สระบุรี) มีพื้นที่เช่าอาคารรวมประมาณ 174,913.55 ตารางเมตร และพื้นที่เช่าหลังคาประมาณ 94,856.25 ตารางเมตร บนที่ดินตามโฉนดรวม ประมาณ 184 ไร่ 3 งาน 43.9 ตารางวา โดยการซื้อสินทรัพย์เพิ่มครั้งนี้ จะทำให้สัดส่วนสินทรัพย์ที่เป็น Freehold เฉลี่ยปรับเพิ่มขึ้นเป็น 70% จากเดิมอยู่ที่ 68% ซึ่งจะเป็นการสร้างความน่าสนใจในการลงทุน แก่นักลงทุน และจะสร้างผลตอบแทนที่น่าพอใจให้กับนักลงทุนได้ในระยะยาว
ด้าน นายปิยะพงศ์ พินธุประภา กรรมการ บริษัท ดับบลิวเอเชเอ เรียล เอสเตท แมเนจเม้นท์ จำกัด ในฐานะผู้จัดการกองทรัสต์ของทรัสต์ เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่าดับบลิวเอชเอ พรีเมี่ยม โกรท ( WHART ) กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับเม็ดเงินที่คาดว่าจะได้รับเงินระดมทุนจากการขายหน่วยลงทุนเพิ่ม เป็นเม็ดเงินประมาณ 3,658.8 ล้านบาท และกองทรัสต์ WHART จะดำเนินการกู้เงินจากสถาบันการเงินอีก 1,400 ล้านบาท เพื่อซื้อสินทรัพย์เพิ่ม ส่งผลให้มูลค่าสินทรัพย์เพิ่มขึ้นอีก 4,650 ล้านบาท จากเดิมที่กองทรัสต์ WHART มีมูลค่าสินทรัพย์ 4,400 ล้านบาท ทำให้มูลค่าสินทรัพย์รวมจากการขายหน่วยเข้ากองทรัสต์ในครั้งนี้ เพิ่มเป็นกว่า 9 พันล้านบาท หรือ คิดเป็นการขยายตัวมากกว่า 1 เท่าตัว
ทั้งนี้ ภายหลังการเข้าซื้อสินทรัพย์เพิ่มครั้งนี้ กองทรัสต์ WHART จะมีพื้นที่คลังสินค้าเพิ่มอีก 174,913 ตารางเมตร จากเดิมที่มีพื้นที่คลังสินค้า 167,333 ตารางเมตร รวมเป็น 342,246 ตารางเมตร และมีพื้นที่หลังคาเพิ่มอีก 94,856 ตารางเมตร จากเดิมที่มีพื้นที่หลังคา 74,617 ตารางเมตร รวมเป็น 169,473 ตารางเมตร
" การเพิ่มขนาดกองทุนและมูลค่าสินทรัพย์ครั้งนี้ จะนำเงินที่ได้จากการระดมทุนไปใช้ซื้อสินทรัพย์เพิ่ม ซึ่งสินทรัพย์ที่เข้าลงทุนใหม่ 72% เป็นประเภท Freehold ทำให้สัดส่วนสินทรัพย์ Freehold เพิ่มขึ้นเป็นเฉลี่ย 70% ทั้งนี้คาดการณ์ว่า กองทรัสต์ WHARTจะยังคงสามารถรักษาอัตราผลตอบแทนเงินปันผลให้ผู้ถือหน่วยในอัตราประมาณเดิมก่อนเพิ่มทุน " นายปิยะพงศ์ กล่าว
นอกจากนี้ การที่กองทรัสต์ WHART กระจายพื้นที่คลังสินค้าให้อยู่ในโลเคชั่น ที่หลากหลาย ทำให้สามารถให้บริการลูกค้าได้ตรงตามความต้องการมากขึ้น โดยเฉพาะลูกค้ากลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค ที่มีความต้องการใช้พื้นที่คลังสินค้าและศูนย์กระจายสินค้าบนพื้นที่แถบกทม.ตอนบน เพื่อเชื่อมโยงเส้นทางการขนส่งและกระจายสินค้าไปยังจังหวัดแถบภาคกลางตอนบน และภาคเหนือได้อย่างครอบคลุมยิ่งขึ้น
" กลุ่มลูกค้าหลักที่เป็นผู้เช่าสินทรัพย์ของกองทรัสต์ WHART อาทิ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด, บริษัท บาจา (ประเทศไทย) จำกัด , บริษัท ฮิตาชิ ทรานสปอร์ต ซิสเต็ม (ประเทศไทย) จำกัด , ยูเซ่น ,บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) และ เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ ฯลฯ" นายปิยะพงศ์ กล่าว
ผู้ถือหน่วยท่านใด หรือประชาชนทั่วไปที่สนใจลงทุน สามารถติดต่อได้ที่ บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย ธนาคารกสิกรไทย ธนาคารซีไอเอ๊มบี ไทย และ บริษัทหลักทรัพย์ เอเชียเวลล์ จำกัด