กรุงเทพฯ--7 เม.ย.--กระทรวงคมนาคม
กระทรวงคมนาคม เพิ่มเที่ยวรถยนต์โดยสาร บขส.อีก 1,500 คัน และขบวนรถไฟพิเศษอีก 66 เที่ยว รองรับผู้โดยสารกลับภูมิลำเนาไม่ต่ำกว่า 3 ล้านคน ในช่วงเทศกาลสงกรานต์และวันลงคะแนนเสียงเลือกตั้ง ส.ว.ล่วงหน้า นายสนธยา คุณปลื้ม รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ปีนี้ คาดว่า จะมีผู้เดินทางกลับภูมิลำเนาทั้งทางรถยนต์ รถไฟ และเครื่องบินไม่ต่ำกว่า 3 ล้านคน เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมา เนื่องจากเป็นวันหยุดติดต่อกันหลายวัน อีกทั้งเป็นวันลงคะแนนเสียงเลือกตั้ง ส.ว. ล่วงหน้าด้วย โดยในส่วนของ บขส.คาดว่าจะมีผู้ใช้บริการวันละ 200,000 คน ขณะที่ บขส.มีรถบริการได้เพียงวันละ 160,000 - 180,000 คน ดังนั้นจึงได้จัดรถบริการเพิ่มขึ้นอีกร้อยละ 35 ทั่วภูมิภาค หรือ เพิ่มเที่ยวรถอีกวันละกว่า 1,500 เที่ยว จากเดิมที่ให้บริการวันละ 4,500 เที่ยว เป็นวันละกว่า 6,000 เที่ยว ซึ่งจะทำให้สามารถรองรับผู้โดยสารได้วันละ 240,000 คน ขณะเดียวกันได้เสริมรถจากองค์การขนส่งมวลชน หรือ ขสมก. เพื่อวิ่งในช่วงสั้น เช่น กรุงเทพฯ - นครราชสีมา หรือกรุงเทพฯ - พระนครศรีอยุธยา เป็นต้น อีก 50 คัน สำหรับในวันที่ 11 และ 12 เมษายน ที่ปรากฎว่าตั๋วจองรถโดยสารเต็มแล้วนั้น นายสนธยา คุณปลื้ม ย้ำว่าในส่วนของการให้บริการแต่ละวันยังคงมีรถโดยสารให้บริการเช่นเดิม โดยเฉพาะในวันที่ 13 เมษายน ที่ยังมีตั๋วจองเหลืออยู่ ซึ่งผู้โดยสารสามารถมาจองและซื้อตั๋วได้ที่สถานีทุกวัน ทางด้าน นายสราวุธ ธรรมศิริ ผู้ว่าการการรถไฟแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ปีนี้ การรถไฟฯ ได้เตรียมรองรับด้วยการจัดเดินขบวนรถเร็วพิเศษรับส่งผู้โดยสารไป-กลับ 66 เที่ยว ในระหว่างวันที่ 10-12 เมษายน และระหว่างวันที่ 16-23 เมษายน โดยเฉพาะในเส้นทางที่มีสถิติผู้โดยสารหนาแน่นมาก คือ ในเส้นทางสายเหนือและสายตะวันออกเฉียงเหนือ ทั้งในการจัดเดินขบวนรถพิเศษครั้งนี้ สามารถรองรับผู้โดยสารเพิ่มขึ้นได้อีกประมาณวันละ 30,000 คน พร้อมกันนี้ ยังได้เพิ่ม สิ่งอำนวยความสะดวกให้ผู้ใช้บริการได้รับความสะดวกมากยิ่งขึ้น โดยการจัดเจ้าหน้าที่เพิ่มขึ้น จัดหน่วยประชาสัมพันธ์ตามสถานีที่มีผู้โดยสารหนาแน่น รวมทั้งจัดเจ้าหน้าที่ตำรวจรถไฟ พนักงานรักษาความปลอดภัยคอยดูแลความปลอดภัยจากมิจฉาชีพ ขณะเดียวกันได้จัดแพทย์และพยาบาลพร้อมอุปกรณ์ปฐมพยาบาลในการรักษาพยาบาลเบื้องต้นทั้งบนขบวนรถและที่สถานี ตลลดจนจัดเจ้าหน้าที่ตรวจ แอลกอฮอลล์ผู้ปฏิบัติงานทั้งที่สถานีและบนขบวนรถ และผู้ขับขี่ยานพาหนะในบริเวณสถานีรถไฟเพื่อป้องกันอุบัติเหตุอีกด้วย
ผู้ว่าการการรถไฟแห่งประเทศไทย ย้ำในตอนท้ายว่า ได้กำชับให้เจ้าหน้าที่และผู้ปฏิบัติงานด้านบริการ รวมทั้งเจ้าหน้าที่ซ่อมบำรุงรถจักร รถโดยสาร ให้มีความพร้อมตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อสามารถอำนวยความสะดวกและแก้ปัญหาได้ทันท่วงทีหากมีเหตุการณ์ฉุกเฉินเกิดขึ้น--จบ--
-สส-