กรุงเทพฯ--19 พ.ย.--แม็กซิม่า คอนซัลแตนท์
บริษัท ฟากอร์ โฮม อัพไพลแอนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด ตัวแทนจำหน่ายผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้าในครัวเรือนจากประเทศสเปน จัดงาน "ฟากอร์ แฟมิลี่ สไตล์" ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในงานแฟร์ บ้านและสวน 2001 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ โดยได้เชิญ อาจารย์เพ็ญพรรณสิทธิไตรย์ ผู้มีผลงานดีเด่นทางด้านวัฒนธรรม สาขาช่างฝีมืองานแกะสลักผักผลไม้ ใบตองและดอกไม้สด จากสำนักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ พร้อมด้วย สมิง ดวงทิพย์ หัวหน้าห้องเครื่องหวาน วังสวนจิตรลดา แนะนำเคล็ดลับพร้อมสาธิตการทำอาหารคาวหวานไทยแบบโบราณ โดยได้นำเสนอเมนูที่ถูกปากคนไทยและง่ายต่อการปรุง อีกทั้งยังคงคุณค่าอาหารไว้ โดยเลือกใช้วิธีการนึ่ง โดยได้เลือกสรร มัจฉาพาชิม กุ้งปรุงตะไคร้ และ ทองพันชั่ง ซึ่งทั้ง 3 รายการ อาจารย์เป็นผู้ตั้งชื่อ เพราะต้องการสื่อให้คนสนใจและชวนติดตามในอาหารนั้นๆ โดยสูตรอาหารแต่ละอย่างนั้นล้วนแล้วแต่มีส่วนผสมและเครื่องปรุงที่เป็นผักสมุนไพรไทยเข้าไปด้วย เพื่อประโยชน์ของร่างกาย
มัจฉาพาชิม เป็นปลากระพงขาวนึ่ง เสิร์ฟพร้อมน้ำจิ้ม โดยนำปลากระพงขาวมาแล่ออกเป็นสี่ชิ้น ใส่ซีอิ้วขาว พร้อมกับผักสมุนไพรอาทิ ช่อกวางตุ้ง, ช่อดอกข่า และดอกแคขาว(ซึ่งช่วยในระบบขับถ่ายและโลหิตหมุนเวียนของร่างกาย) นำไปนึ่งไฟแรง และไม่ควรสุกจนเกินไปเพราะจะทำให้เนื้อปลานั้นแข็งได้ หรือจะนึ่งในเตาอบไอน้ำของฟากอร์ ประมาณ 20 นาที ส่วนเครื่องปรุงของน้ำจิ้มนั้น ประกอบไปด้วย เต้าเจี้ยว,กระเทียมสับ,ขิงสับเล็กๆ,พริกขี้หนูซอย,น้ำตาลทราย,มะนาว,น้ำส้มสายชู และ ผักชี โดยอาจารย์ได้แนะถึงวิธีการเลือกซื้อปลาว่า ปลาที่สดนั้นเหงือกต้องมีสีชมพู และเมื่อใช้นิ้วโป้งกดจะต้องไม่บุ๋ม ตาไม่แดง และการล้างปลาไม่ให้คาวมีเคล็ดลับอยู่ที่ว่า เมื่อนำปลาออกมาจากช่องแช่แข็ง ควรจะให้ไอน้ำแข็งละลายหมดแล้วจึงล้างผ่านน้ำ จากนั้นควรแช่น้ำเกลือไว้ประมาณ 30 นาที ในกรณีที่ซื้อปลาตัวใหญ่ ไม่ควรแช่ทั้งตัว ควรแบ่งเป็นส่วนๆ เพื่อสะดวกในการนำออกมาใช้ในแต่ละครั้ง ส่วนวิธีการถอดก้างปลานั้น สิ่งที่สำคัญ ที่สุดคือ มีดต้องคม โดยเริ่มแล่จากส่วนหัวไล่ลงมาถึงส่วนหาง และต้องแล่ทั้ง 2 ข้าง แล้วจึงเลาะก้างออก
สำหรับกุ้งปรุงตะไคร้ เป็นเมนูของคาวอีกรายการหนึ่ง ประกอบด้วย กุ้งแม่น้ำตัวใหญ่ 3 ตัวกุ้งกุลาดำหั่นชิ้นเล็กๆ เพราะกุ้งกุลาดำนั้นจะให้สีที่สวยงาม เนื้อเหนียวรสชาติหวานอร่อย นำกุ้งแม่น้ำมาปลอกเปลือกชักเส้นดำออก โดยเหลือส่วนหัวและหางไว้ จากนั้นนำเครื่องปรุง อาทิ ขิงอ่อน, ตะไคร้, หอมหัวแดง, กระเทียม, รากผักชี, มาหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ คลุกเข้ากับกุ้งกุลาดำ และปรุงรสตามใจชอบ บรรจุใส่หลังกุ้งที่ผ่าแล้ว และนำไปนึ่ง หรือใส่ในเตาอบไอน้ำฟากอร์ประมาณ 15 นาที ส่วนคนที่ชอบรสจัดสามารถนำน้ำจิ้มของมัจฉาพาชิมมาราดอีกชั้นก็ได้ สำหรับวิธีการเลือกกุ้งที่สด อาจารย์ได้แนะนำว่า ควรเลือกกุ้งที่ตัวออกเขียวๆ นอกจากนี้ยังแนะเคล็ดลับว่าถ้าต้องการให้สีของผักนั้นดูน่ารับประทานมากยิ่ง ให้นำมีดที่จะใช้หั่นผักมากรีดลงที่ลูกมะนาวฉาบที่ใบมีด ซึ่งจะทำให้ผักนั้นคงสีสวนได้นาน
นอกจากนี้อาจารย์เพ็ญพรรณ ยังได้สาธิตการทำขนมหวาน ทองพันชั่ง โดยมีฟักทองเป็นส่วนผสมหลัก ซึ่งวิธีการเลือกฟักทองนั้นควรจะเลือกที่แก่จัดๆ ซึ่งจะได้สีสวยชวนน่ารับประทาน ทั้งยังเนื้อเหนียวอีกด้วย หั่นเป็นชิ้นเล็ก เพื่อง่ายต่อการนึ่งให้สุกเร็ว และนำมายีกับกระชอน ผสมกะทิ แป้งข้าวเจ้า แป้งมัน และเกลือลงไปคนผสมให้เข้ากัน และตักใส่ในใบตอง โรยหน้าด้วยมะพร้าวขูด หรือเลือกมะพร้าวมาทำเตี่ยวรัด แล้วจึงกลัดไม้โดยกลัดให้สูงๆ ห่างจากฐานและตัวขนมให้มากๆ เพื่อทรงห่อขนมเวลาสุกแล้วจะออกมาสวยชวนน่ารับประทาน และขนมจะไม่ติดข้างใบตอง ซึ่งเมนูนี้อาจารย์ให้ความสำคัญกับกะทิมากที่สุดเพราะกะทินั้นต้องสดจริงๆ และควรต้มให้เดือดเพื่อป้องกันการบูด หรือถ้าไม่สะดวกสามารถใช้กะทิสำเร็จรูปก็ได้
หากต้องการรายละเอียดเพิ่มเติมกรุณาติดต่อ
บริษัท แม็กซิม่า คอนซัลแตนท์ จำกัด โทร.0-2434-8300
สุจินดา, แสงนภา, วสาวดี, ระริน--จบ--
-นห-