กรุงเทพฯ--28 ธ.ค.--กลุ่มสารนิเทศการคลัง กระทรวงการคลัง
วันนี้ (วันศุกร์ที่ ๒๕ ธันวาคม ๒๕๕๘) เวลา ๑๑.๐๐ น. นายกุลิศ สมบัติศิริ อธิบดีกรมศุลกากรนายชูชัย อุดมโภชน์ ที่ปรึกษาด้านพัฒนาระบบสิทธิประโยชน์ทางศุลกากร นายประยุทธ์ มณีโชติ ผู้อำนวยการสำนักงานศุลกากรกรุงเทพ และนายวิจักษณ์ อภิรักษ์นันท์ชัย ผู้อำนวยการสำนักสืบสวนและปราบปราม ร่วมกันแถลงข่าวกรมศุลกากรจับกุมบุหรี่สำแดงเท็จเพื่อหลีกเลี่ยงอากร ข้อห้ามข้อกำกัด จำนวน 1,000,000 ซอง (20 ล้านมวน) มูลค่ากว่า ๒๕ ล้านบาท ณ บริเวณหน้าลานจอดรถคลังของกลาง สำนักสืบสวนและปราบปราม กรมศุลกากร คลองเตย
ตามที่กรมศุลกากรมีนโนบายควบคุมทางศุลกากร ป้องกันและปราบปรามการลักลอบและหลีกเลี่ยงภาษีศุลกากร โดยมุ่งเน้นการปฏิบัติการ กวาดล้าง จับกุม สินค้าประเภทบุหรี่ที่มีอัตราอากรสูง
เมื่อวันที่ ๒๔ ธันวาคม ๒๕๕๘ เวลา ๑๕.๐๐ น. เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนและปราบปราม ส่วนควบคุมทางศุลกากร สำนักงานศุลกากรกรุงเทพ โดย นายประพันธ์ จันทร์ไทยศรี ผู้อำนวยการส่วนควบคุมทางศุลกากร นายกรณ์ชัย ปัญญาวัฒนพงศ์ หัวหน้าฝ่ายสืบสวนและปราบปราม และเจ้าหน้าที่สำนักสืบสวนและปราบปราม ได้ขออนุมัติทำการตรวจสอบสินค้าที่นำเข้าโดย บริษัท ยูแอนด์มี อินเตอร์เทรด จำกัด ที่บรรจุในตู้คอนเทนเนอร์ ขนาด ๔๐ ฟุต จำนวน ๒ ตู้คอนเทนเนอร์ หมายเลข FCIU9121385 และ FSCU8586237 ตามใบขนสินค้าขาเข้าเลขที่ A๐๒๔-๐-๕๘๑๒-๐๗๙๔๑ โดยมีเหตุอันควรสงสัยว่า มีเจตนาจะหลีกเลี่ยงภาษีอากรและข้อห้ามข้อกำกัดซึ่งสำแดงชนิดสินค้าเป็นกระดาษ จำนวน ๒,๐๐๐ หีบห่อ น้ำหนัก ๑๓,๓๐๐ กิโลกรัม ประเทศกำเนิด CHINA ประเภทพิกัดฯ ๔๘๑๓.๒๐.๐๐ อัตราอากรร้อยละ ๕ แต่จากการตรวจสอบพบสินค้าเป็นบุหรี่ ยี่ห้อ NISE จำนวน ๒,๐๐๐ หีบห่อๆ ละ ๕๐ แท่ง จำนวน 1,000,000 ซอง (20 ล้านมวน) ประเทศกำเนิด CHINA ต้องชำระอากรในประเภทพิกัดฯ ๒๔๐๒.๒๐.๙๐ อัตราอากรร้อยละ ๖๐
กรณีดังกล่าวเป็นการกระทำความผิดฐานสำแดงเท็จเพื่อที่จะหลีกเลี่ยงอากร โดยมีเจตนาจะฉ้อภาษีรายได้ของรัฐ และนำของต้องห้ามต้องกำกัดเข้ามาในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาตอันเป็นความผิดตามมาตรา ๙๙ และมาตรา ๒๗ แห่งพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ.๒๔๖๙ และกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง และได้นำของกลางส่งกรมศุลกากร เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
สถิติการจับกุมบุหรี่ของกรมศุลกากรปีงบประมาณ 2558
- คดีลักลอบ จำนวน 588 ราย จำนวน 4,535,699 มวน มูลค่า 47,288,832 บาท
- คดีหลีกเลี่ยง จำนวน 4 ราย จำนวน 4,280 มวน มูลค่า 188,633.61 บาท