กรุงเทพฯ--30 ธ.ค.--สหมงคลฟิล์ม
เรียกได้ว่าฉากสำคัญของภาพยนตร์เรื่อง "พันท้ายนรสิงห์" ที่ได้มีการบอกกล่าวเล่าถึง เป็นข้อโต้แย้ง ต่างๆ มากมายทั้งจดหมายเหตุ หรือพงศาวดาร และการที่ ท่านมุ้ย หม่อมเจ้าตรีเฉลิม ยุคล ทรงหยิบเอาบทพระนิพนธ์ในพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าภาณุพันธ์ ยุคล ที่ทั้งคลาสสิค อมตะ และครองใจคนไทยมาตลอด 70 ปี มาถ่ายทอดในรูปแบบภาพยนตร์แอ็คชั่น-อิงประวัติศาสตร์ แน่นอนว่าฉากพระเจ้าเสือสั่งตัดคอ ประหารชีวิตพันท้ายนรสิงห์ ข้าราชผู้ซื่อสัตย์ ซึ่งเป็นทั้งสหายรัก ที่จะสะท้อนให้เห็นถึงตัวตนของพระเจ้าเสือเอง และพันท้ายนรสิงห์ผู้ที่ยอมสละได้แม้กระทั่งชีวิตของตนเองเพื่อกษัตริย์อันเป็นที่รักและความถูกต้องที่พึงยึดถือไว้
"สำหรับเรื่องราวของ "พันท้ายนรสิงห์" คือเป็นเรื่องที่ Controversial เป็นที่ถกเถียงกันมากๆ เลย คือเรื่องเกี่ยวกับพระเจ้าเสือกับพันท้ายซึ่งเราก็ไม่รู้เลยว่าเป็นจริงแท้แค่ไหน แต่ว่าเรื่องของพันท้ายเป็นเรื่องที่อยู่ในพงศาวดารพูดถึงนายสินที่ทำให้หัวเรือหัก และโดนประหารชีวิตในที่สุดซึ่งเป็นคนเดียวในประวัติศาสตร์ไทย เป็นคนเดียวที่ขอให้ตัดหัวเพื่อรักษาพระเกียรติของพระเจ้าเสือ ซึ่งทำให้เราคิดว่าพระเจ้าเสืออาจไม่เลวร้ายเหมือนอย่างที่บางข้อมูลมีการพูดถึง แต่จะว่าไปจริงๆ แล้วท่านต้องมีอะไรดีอย่างน้อยที่สุดพันท้ายถึงยอมถวายชีวิตให้พระเจ้าเสือ จากจุดนี้ทำให้เราเริ่มค้นคว้าลึกเข้าไปจนกระทั่งถ่ายทอดออกมาเป็นภาพยนตร์ในที่สุด"
หม่อมเจ้าชาตรีเฉลิม ยุคล ทรงเล่าให้ฟังถึงแก่นสำคัญของภาพยนตร์ที่เราจะได้ชมกัน สำหรับนักแสดงแล้วนี่คือฉากที่เต็มไปด้วยความท้าทายที่สุด ผู้พันเบิร์ด พันโทวันชนะ สวัสดี และเต้ย พงศกร เมตตาริกานนท์ ซึ่งท่านมุ้ยทรงเลือกที่จะถ่ายทำฉากนี้เป็นฉากสุดท้ายในการถ่ายทำ เพื่อให้ทั้งคู่ได้สวมชีวิต และบทบาทเป็นตัวละครทั้งสองเรียบร้อยแล้ว ซึ่งหนุ่มเต้ยเผยว่า
"สำหรับฉากนี้ท่านมุ้ยเลือกเอาไว้ถ่ายสุดท้ายเรื่องเลยจริงๆ ท่านรอให้เราเป็นตัวละครเต็มที่ 100 เปอร์เซ็นต์ ให้นักแสดงมีความสนิทสนมกัน เข้าใจกัน จนกระทั่งเป็นตัวละคร คือไอ้สินเลย พี่เบิร์ดคือพระเจ้าเสือเลย มันเป็นฉากที่แบบยากที่สุด พีคที่สุดของเรื่องเลย ซึ่งมันดีนะที่ท่านเอาไว้ถ่ายหลังสุด เพราะว่าเราได้เป็นตัวละครแล้ว มันเลยทำให้เราอินมากๆ ในฉากที่พระเจ้าเสือให้องครักษ์ออกไปหมด พระเจ้าเสือนั่งอยู่บนที่นั่ง แล้วพระเจ้าเสือยอมที่จะลุก แล้วก็เดินลงมาหาเรา เดินมาคุกเข่าพูดคุยกับเรา ทั้งๆ ที่เราเป็นสามัญชนธรรมดา เราเห็นตั้งแต่เขาเดินลงมา เราเชื่อว่าเขาเป็นกษัตริย์จริงๆ และกษัตริย์รักเราขนาดนี้ แต่พันท้ายนรสิงห์ก็ทำไม่ได้ เพราะว่าเราต้องรักษากฎมณเฑียรบาลที่เคยทำมา แล้วสิ่งที่พระเจ้าเสือทำมาตลอดทั้งชีวิต ถ้าไม่ทำตามกฎ สิ่งเหล่านั้นก็จะสูญสลายไปเลย สินก็ยืนยันที่จะยอมเสียสละชีวิตตัวเองเพื่อรุ่นลูกรุ่นหลานของคนไทยทุกคน เพื่อกษัตริย์ และก็เพื่อเพื่อน ผู้มีพระคุณ พระพิชัย แล้วก็คนรักของตัวเอง"
และแน่นอนว่าแค่ฉากนี้ฉากเดียวทำเอาทีมงาน และนักแสดงที่เข้าฉากถึงกับน้ำตาคลอกันเลยทีเดียว เมื่อถ่ายทำของฉากนี้จบลง หนุ่มเต้ยถึงกับโพสต์ข้อความลงในอินสตาแกรมหลังการถ่ายทำเลยว่า "ร้องไห้หนักมาก" ชนิดที่ว่าหนุ่มเต้ยถึงกับกุมขมับปวดหัวกันไปถึง 3 วันเลยทีเดียว
"ผมร้องไห้หนักมากตอนแสดง เพราะด้วยระยะเวลาการถ่ายทำเป็นซีนยาว แล้วเราถ่ายทำกันทั้งวันเลย กว่าจะจัดแสงเสร็จ เราถ่ายจนกระทั่งแสงหมด ซึ่งบอกเลยว่าถ่ายฉากนี้ไปเสร็จ นักแสดงทุกคนกลับมาคุยอีกทีว่าแบบ โห กลับไปยังปวดหัวอยู่เลย ปวดหัวประมาณ 2-3 วัน ซึ่งในตอนถ่ายร้องไห้หนักมาก ต้อง hashtag เลยว่าร้องไห้หนักมากซีนนี้"
ไปชมฉากนี้กันเต็มๆ กับเรื่องราว และการแสดงที่เรียกได้ว่าทุ่มสุดตัว และการกำกับภาพยนตร์โดย หม่อมเจ้าชาตรีเฉลิม ยุคล ที่ทรงตั้งใจที่จะนำเอาเรื่องราว มิตรภาพ ความรัก ศักดิ์ศรี เกียรติยศ และความดีงามของพระเจ้าเสือและพันท้ายนรสิงห์มาถ่ายทอดให้ผู้ชมได้ชื่นชมกันในยุคนี้ 30 ธ.ค. ส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ไปด้วยกัน