กรุงเทพฯ--5 ม.ค.--เดอะเวย์ คอมมิวนิเคชั่น
แพทย์เตือนสัญญาณอันตรายปัญหา 'โลหิตจางในเด็ก' เสี่ยงต่อสติปัญญา ไอคิวต่ำ แนะตรวจเลือดเมื่อทารกอายุ 6-12 เดือน รู้เร็ว รักษาไว ป้องกันผลกระทบต่อศักยภาพการเรียนรู้อย่างถาวร
ภาวะโลหิตจางจากการขาดธาตุเหล็กเป็นปัญหาสาธารณสุขไทยมาตลอดจากงานวิจัยของกรมอนามัยเมื่อปีที่แล้ว ได้มีการสุ่มตรวจเลือดเด็กนักเรียนชั้น ป.1 ทั่วประเทศจำนวนกว่า 5,000 คน พบว่าเด็กไทยทุก 100 คน จะมีผู้ที่โลหิตจางสูงถึง 30 คน จึงมีการตั้งข้อสังเกตว่าภาวะโลหิตจางในเด็กมีโอกาสที่จะเกิดขึ้นก่อนหน้านี้ ซึ่งถือว่าน่าเป็นห่วง และที่สำคัญที่สุด คือ เด็กที่ขาดธาตุเหล็กและโลหิตจาง เมื่อนำไปทดสอบศักยภาพความฉลาดทางสติปัญญาหรือไอคิว พบว่าเด็กกลุ่มเหล่านี้มีไอคิวที่ต่ำกว่าเด็กที่ไม่มีภาวะโลหิตจาง ยิ่งขาดธาตุเหล็กนาน ๆ โดยไม่รู้ตัวยิ่งมีผลเสียต่อสติปัญญา
ศาสตราจารย์ นายแพทย์ ดร.อิศรางค์ นุชประยูร วิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ผู้เชี่ยวชาญเรื่องโรคเลือดในเด็กกล่าวว่า ร่างกายคนเรามีธาตุเหล็กอยู่ในเม็ดเลือดแดงในรูปของฮีโมโกลบิน และเก็บสะสมอยู่ที่ตับและม้าม ตั้งแต่ในระยะที่อยู่ในครรภ์มารดา ทารกแรกเกิดมีปริมาณฮีโมโกลบินสูง เมื่อคลอดแล้วทารกจะหยุดสร้างเลือดเป็นเวลา 6-8 สัปดาห์ แล้วจึงเริ่มสร้างเลือดโดยใช้ธาตุเหล็กที่สะสมไว้ตั้งแต่ขณะที่อยู่ในครรภ์ ธาตุเหล็กจะถูกใช้หมดเมื่ออายุประมาณ 6 เดือน หลังจากนั้น ธาตุเหล็กจากน้ำนมแม่จะไม่เพียงพอ ควรให้ยาเสริมธาตุเหล็กแก่ทารกและให้อาหารเสริมที่มีธาตุเหล็กสูงเช่นตับและเลือด ตั้งแต่อายุ 6 เดือนขึ้นไป เนื่องจากธาตุเหล็กเป็นแร่ธาตุที่มีความจำเป็นต่อพัฒนาการเรียนรู้ของเด็ก
ส่วนวิธีการป้องกันภาวะโลหิตจางในเด็ก แนะนำคุณพ่อคุณแม่ให้พาลูกไปตรวจเลือดเฉพาะค่า "ฮีโมโกลบิน" เมื่ออายุระหว่าง 6-12 เดือน หากพบว่าโลหิตจางแล้วเริ่มรักษาด้วยธาตุเหล็กเลย แม้ว่าการเจาะเลือดเด็กอาจจะดูโหดร้ายสำหรับเด็ก แต่ปัจจุบันมีวิธีตรวจที่ง่ายๆ แค่เจาะเลือดปลายนิ้วเพียงหยดเดียวใช้เวลาไม่ถึงหนึ่งนาที สามารถรู้คำตอบได้ทันที ดังนั้น ภาวะโลหิตจางจากการขาดธาตุเหล็กนั้น หากค้นพบช้าก็จะเสียโอกาสในการพัฒนาศักยภาพของสมอง หากตรวจแล้วเลือดยังดีก็ควรเสริมธาตุเหล็กไว้ ด้วยยาหรืออาหาร
ด้านนางสุนทรี จรรโลงบุตร กรรมการผู้จัดการ บริษัท เทคโนเมดิคัล จำกัด หรือ TM ผู้นำเข้าและจำหน่ายอุปกรณ์ทางการแพทย์ กล่าวว่า เด็กที่มีภาวะโลหิตจางควรได้รับการดูแล และใส่ใจให้มากๆ เพราะเด็กที่โลหิตจาง ส่งผลเสียต่อการเจริญเติบโตของสมอง และทำให้เด็กมีพัฒนาการได้ช้ากว่าเด็กคนอื่น ๆ และเมื่อพบว่ามีอาการควรหาวิธีควบคุม และป้องกันด้วยการตรวจเลือด เพราะตอนนี้มีเทคโนโลยีที่ทันสมัย และง่ายแก่การตรวจรักษา คือเครื่องที่ตรวจฮีโมโกลบินแบบพกพา เป็นเครื่องตรวจที่สามารถเจาะเลือดที่ปลายนิ้วนางด้านใดด้านหนึ่งซึ่งจะมีตัวดูดเลือดแล้วนำเลือดที่ได้มาใส่เครื่อง และรอผลเพียง 15 วินาทีเท่านั้น ซึ่งถือเป็นเทคโนโลยีที่ง่ายสำหรับเด็ก เพื่อเป็นการสะดวกในการป้องกันและหาวิธีการรักษาในลำดับต่อไป