กรุงเทพฯ--6 ม.ค.--บลจ.วรรณ
บลจ.วรรณ ชี้ ตลาดหุ้นจีนในปี 2559 น่าจะเผชิญกับความผันผวนมากขึ้นเมื่อเปรียบเทียบกับปี 2558 จากความกังวลการชะลอตัวของเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง และ มาตราการแทรกแซงด้านตลาดเงินและอัตราแลกเปลี่ยน แนะทยอยสะสมหุ้นขนาดใหญ่ปัจจัยพื้นฐานดีและลงทุนระยะยาว
ดร.วิน อุดมรัชตวนิชย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม วรรณ จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทฯ ยังคงติดตามความต่อเนื่องของนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลจีน ซึ่งที่ผ่านมารัฐบาลจีนดำเนินนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศมาโดยตลอด อาทิ การอนุมัติสินเชื่อ 1.00 แสนล้านหยวนแก่สถาบันการเงินจีนภายใต้โครงการปล่อยเงินกู้ระยะกลาง(MLF) ในระยะเวลาไถ่ถอน 6 เดือน ในอัตราดอกเบี้ย 3.25% เพื่อรับประกันสภาพคล่องในระบบธนาคาร อีกทั้งยังมีการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานอื่นๆ โดยจะเป็นผลดีต่อระบบเศรษฐกิจของจีนในระยะยาว
อย่างไรก็ดี จากการที่ราคาหุ้นบริษัทขนาดใหญ่ของจีนปรับลงมาค่อนข้างมาก ทำให้ราคาหุ้นอยู่ในระดับที่น่าสนใจ ประกอบกับแนวโน้มการทำกำไรของบริษัทขนาดใหญ่มีแนวโน้มปรับดีขึ้นต่อเนื่องสวนกระแสเศรษฐกิจ และนโยบายการการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล บริษัทมองว่าจะเป็นปัจจัยหลักสนับสนุนให้ความเชื่อมั่นของผู้ลงทุนกลับมาได้
"การปรับตัวลงของตลาดหุ้นจีนในช่วงนี้ มองว่าโดยหลักๆ เป็นความกังวลต่อตัวเลขเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจของจีนที่ออกมาต่ำกว่าตลาดคาดการณ์ รวมถึงมาตรการที่ทางการจีนสั่งห้ามไม่ให้ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ขายหุ้นออกได้หมดอายุลง ประกอบกับการที่ภาครัฐเข้ามาแทรกแซงในตลาดอัตราแลกเปลี่ยนอย่างต่อเนื่องในช่วงสั้น ทำให้นักลงทุนกังวลและกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนในตลาดหุ้นจีน แต่เนื่องจากปัญหาของเศรษฐกิจจีนเป็นปัญหาเกี่ยวกับโครงสร้าง ซึ่งต้องใช้ระยะเวลาอย่างเร็วประมาณ 1-2 ปี ถึงจะเริ่มเห็นการฟื้นตัว แต่หากมองจากความตั้งใจดูแลแผนเศรษฐกิจและตลาดหุ้นของรัฐบาลจีน ตลาดหุ้นจีนยังมีความน่าสนใจ เพียงแต่เป็นการลงทุนในระยะยาว โดยมองว่ารัฐบาลจีนยังมีศักยภาพในการเพิ่มมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอื่นๆ เนื่องจากทุนสำรองในประเทศที่ยังอยู่ในระดับสูงประมาณ 20% หรือแม้แต่อัตราดอกเบี้ยของจีนยังอยู่ในระดับสูง หากเทียบกับประเทศอื่นๆ "ดร.วิน กล่าว
ดร.วิน กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับผู้ลงทุนที่ต้องการกระจายการลงทุนไปยังตลาดต่างประเทศ ในช่วงที่ตลาดหุ้นทั่วโลกมีความผันผวน บริษัทแนะนำให้เน้นหุ้นในตลาดพัฒนาแล้วที่มีพื้นฐานที่แข็งแกร่ง อาทิ ตลาดหุ้นในกลุ่มยูโรโซน และ ญี่ปุ่น ที่จะมีความผันผวนของราคาหุ้นค่อนข้างต่ำกว่าเมื่อเปรียบเทียบกับหุ้นของตลาดเกิดใหม่
อย่างไรก็ดี สำหรับภาพการลงทุนในตลาดหุ้นในประเทศจีน บริษัทมองว่า ในช่วงปีนี้ ยังคงต้องติดตามเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจจีน ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อบรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นจีน และตลาดหุ้นในแถบภูมิภาคเอเชียอื่นๆ โดยบริษัทฯ มองว่า ตลาดหุ้นจีนมีโอกาสผันผวนน้อยลงในช่วงครึ่งปีหลัง โดยระยะสั้นเหมาะสำหรับการเก็งกำไร ซึ่งธรรมชาติของการลงทุนในตลาดหุ้นจีนยังคงเหมาะสำหรับผู้ลงทุนที่รับความผันผวนได้สูง