กรุงเทพฯ--6 ม.ค.--ฮิลล์ แอนด์ นอลตัน สแตรทิจีส์
คิมเบอร์ลี่ย์-คล๊าค ผู้นำในตลาดโลกทางด้านผลิตภัณฑ์เพื่อสุขอนามัยของโลก แต่งตั้ง บริษัท เมก้า ไลฟ์ไซแอ็นซ์ จำกัด (มหาชน) ผู้นำด้านเวชภัณฑ์คุณภาพสูงและผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพของไทย เป็นผู้จัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ภายใต้เครื่องหมายการค้าที่เป็นที่รู้จัก อาทิ ผ้าอ้อมเด็กฮักกี้ส์ (Huggies) และผ้าอนามัยโกเต๊ก (Kotex) ในประเทศเมียนมาร์ นับตั้งแต่ปี 2554 ตลาดสินค้าอุปโภคบริโภคและเครื่องใช้ส่วนตัวในเมียนมาร์มีอัตราการเจริญเติบโตถึงร้อยละ 15 ต่อปี ดังนั้น การร่วมมือกันของทั้งสองบริษัทในครั้งนี้เป็นสิ่งที่แสดงให้เห็นถึงศักยภาพการเติบโตที่มีอยู่มากมายของตลาดนี้ รวมถึงความต้องการสินค้าแบรนด์ระดับโลกในประเทศเมียนมาร์ด้วย
นาย วิเวก ดาวัน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและชีฟโค้ช บริษัท เมก้า ไลฟ์ไซแอ็นซ์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า "เมก้า ไลฟ์ไซแอ็นซ์รู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้ร่วมมือกับบริษัทยักษ์ใหญ่อย่าง คิมเบอร์ลี่ย์-คล๊าค ในการทำธุรกิจในประเทศเมียนมาร์ ความร่วมมือครั้งนี้แสดงให้เห็นถึงความเปลี่ยนแปลงในทางบวกของตลาดเมียนมาร์ที่กำลังขยายตัวอย่างรวดเร็วด้วยอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจจากร้อยละ 3.6 ในปี 2551 เป็นร้อยละ 8.7 ในปี 2557 และเราคาดว่าตลาดในกลุ่มของผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ส่วนตัวจะยังคงเติบโตเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง"
การลงนามในสัญญาเรื่องการจำหน่ายสินค้าได้แล้วเสร็จเมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา และภายในเดือนธันวาคมนี้จะมีสินค้าพร้อมจำหน่ายในร้านค้ารวมกว่า 1,000 ร้านทั่วประเทศเมียนมาร์ และบริษัทมีแผนจะขยายการจัดจำหน่ายเพิ่มมากขึ้นผ่านช่องทางจัดจำหน่ายของเมก้า ไลฟ์ไซแอ็นซ์ที่มีอยู่แล้ว เพื่อให้ครอบคลุมทั่วประเทศเมียนมาร์ในปี 2559
สินค้าบางส่วนภายใต้เครื่องหมายการค้า Huggies และ Kotex ที่มีวางจำหน่ายแล้วในประเทศเมียนมาร์การทำสัญญาความร่วมมือกับ Maxxcare ซึ่งเป็นบริษัทจัดจำหน่ายสินค้าในเครือเมก้า จะช่วยให้การจัดจำหน่ายสินค้าของ คิมเบอร์ลี่ย์-คล๊าค ซึ่งมีธุรกิจอยู่ในประเทศต่าง ๆ กว่า 175 ประเทศอยู่แล้วนั้น เป็นไปได้อย่างทั่วถึงและมีประสิทธิภาพมากขึ้น และยังเป็นการส่งเสริมการพัฒนาด้านสุขอนามัยของเมียนมาร์อีกด้วย
"การพัฒนาด้านต่าง ๆ ภายในประเทศเมียนมาร์เมื่อไม่นานมานี้ ส่งผลให้ชาวเมียนมาร์สามารถเข้าถึงผลิตภัณฑ์สุขอนามัยที่มีคุณภาพ ซึ่งช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตประจำวันของพวกเขาได้มากขึ้น คิมเบอร์ลี่ย์-คล๊าคมุ่งมั่นยกระดับมาตรฐานชีวิตให้กับลูกค้าของเราอย่างยั่งยืนตลอดมา เราเชื่อว่าความร่วมมือกับเมก้าในครั้งนี้จะช่วยให้ธุรกิจของทั้งสองบริษัทประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี" นายปรานีต เยนดามูรี กรรมการผู้จัดการภาคพื้นอินโดจีน บริษัท คิมเบอร์ลี่ย์-คล๊าค กล่าว
เศรษฐกิจที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็วของเมียนมาร์ รวมถึงประชากรรุ่นใหม่ที่มีรายได้เพิ่มขึ้นส่งผลทำให้เกิดโอกาสทางธุรกิจเพิ่มมากขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ โดยเฉพาะเมื่อผนวกกับความต้องการสินค้าอุปโภคบริโภคที่เพิ่มมากขึ้นของประชากรกว่า 53 ล้านคนในประเทศ ข้อมูลจากปี 2558 เผยว่าผู้บริโภคชาวพม่าโดยเฉลี่ยใช้จ่ายไปกับการซื้อสิ่งของอุปโภคบริโภคและของใช้ส่วนตัวถึงร้อยละ 47 จากค่าใช้จ่ายภายในบ้านทั้งหมด
ในฐานะบริษัทต่างชาติรายแรกๆที่เข้าไปดำเนินธุรกิจในประเทศเมียนมาร์ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2538 เมก้า ไลฟ์ไซแอ็นซ์ ได้สร้างเครือข่ายและช่องทางจัดจำหน่ายไว้อย่างแข็งแกร่งทั่วประเทศเพื่อจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ที่มาจากประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และใช้เงินลงทุนมหาศาลในการวางระบบโครงสร้างพื้นฐานและสื่อสารสนเทศเพื่อช่วยเสริมสมรรถภาพของการจัดจำหน่ายสินค้าให้มีประสิทธิภาพขั้นสูงสุด ปัจจุบัน เมก้า ไลฟ์ไซแอ็นซ์ มีอาคารสำนักงานทั้งสิ้น 8 แห่งและมีช่องทางจัดจำหน่ายกว่า 30,000 สาขาซึ่งครอบคลุมกว่าร้อยละ 85 ของประเทศเมียนมาร์ ทั้งหมดนี้นับเป็นส่วนหนึ่งของการบริหารงานของเมก้าที่มีอยู่ทั้งหมด 31 ประเทศทั่วโลก
"เมก้า ไลฟ์ไซแอ็นซ์ เป็นบริษัทรายแรก ๆ ที่เล็งเห็นว่าเมียนมาร์เป็นประเทศที่มีการเจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว และเราได้ขยายคลังสินค้าด้วยเทคโนโลยีที่มีความก้าวหน้าทันสมัยอย่างต่อเนื่อง ทำให้สามารถเข้าถึงตลาดเมียนมาร์ได้อย่างทั่วถึง และเรามีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ขยายตลาดนี้ร่วมกับ บริษัท คิมเบอร์ลี่ย์-คล๊าค ในปี 2559 " นาย วิเวก ดาวัน กล่าวสรุป