กรุงเทพฯ--18 ส.ค.--กปน.
จากกรณีวิกฤตการณ์แม่น้ำท่าจีนเน่าเสียในช่วงเดือนเมษายน-พฤษภาคมที่ผ่านมา กปน. มั่นใจไม่ส่งผลกระทบต่อการผลิตน้ำประปา ทั้งยังติดตามเฝ้าระวังคุณภาพแหล่งน้ำ และคุณภาพน้ำประปาที่ผลิตได้อย่างสม่ำเสมอ มีมาตรการและอุปกรณ์รับวิกฤตน้ำเสียแล้ว
ร.ท.หญิง ชัชชฎา ญาณอุบล ผู้อำนวยการสำนักงานการประชาสัมพันธ์ การประปานครหลวง (กปน.) เปิดเผยว่า ตามที่เป็นข่าวว่าแม่น้ำท่าจีนเกิดวิกฤตการณ์เน่าเสียรุนแรงที่สุดในรอบ 100 ปี โดยเฉพาะความเสียหายตั้งแต่แม่น้ำท่าจีนตอนกลาง ในเขตอ.สองพี่น้อง จ.สุพรรณบุรี ผ่าน อ.บางเลน อ.นครชัยศรี อ.สามพราน จ.นครปฐม อ.กระทุ่มเบน และไหลออกสู่อ่าวไทยที่ อ.เมือง จ.สมุทรสาคร ระยะทาง 150 กิโลเมตร ตรวจพบค่าออกซิเจนละลายในน้ำต่ำมาก อาจจะส่งผลกระทบต่อการผลิตน้ำประปาฝั่งตะวันตก ซึ่งรับน้ำดิบจากแม่น้ำท่าจีน ที่อำเภอบางเลน มาผลิตและสูบจ่ายที่โรงงานผลิตน้ำมหาสวัสดิ์นั้น
ในเรื่องนี้ ร.ท.หญิง ชัชชฎา ย้ำว่าเหตุการณ์ดังกล่าวข้างต้นจะไม่มีผลกระทบต่อคุณภาพน้ำประปา ขอให้ประชาชนมั่นใจ ทั้งนี้เพราะ กปน. ได้วางแผนรับสถานการณ์นี้มาโดยตลอด โดยการจัดนักวิทยาศาสตร์เฝ้าระวังคุณภาพน้ำดิบตลอด 24 ชั่วโมง และได้ติดตั้งเครื่องเติมอากาศไว้หน้าสถานีสูบน้ำดิบ ซึ่งช่วยเพิ่มออกซิเจนในน้ำได้ เมื่อสูบน้ำดิบขึ้นมา จากบางเลนถึงโรงงานผลิตน้ำมหาสวัสดิ์ ด้วยระยะทางไกลถึง 35 กิโลเมตร น้ำดิบไหลผ่านตามคลองรับน้ำมา ต้องใช้เวลาเดินทางถึง 8 วัน ก่อนมาถึงโรงงานผลิตน้ำฯ จะเกิดการฟื้นตัวเองตามธรรมชาติ จากแสงแดด อากาศ ทำให้ออกซิเจนในน้ำเพิ่มขึ้นสู่ระดับปกติ ส่วนกลิ่นเหม็นนั้นสามารถกำจัดได้โดยสารเคมีในกระบวนการผลิต แต่ต้องใช้ในปริมาณที่สูงขึ้นทำให้ต้นทุนการผลิตสูงขึ้น คุณภาพน้ำประปาที่ผลิตได้มีคุณภาพดีได้มาตรฐานองค์การอนามัยโลก (WHO) ทุกประการ
อนึ่ง สาเหตุของน้ำเน่าเสียนี้มาจากภาคเกษตรกรรม การประปานครหลวงจึงได้เฝ้าระวังสารเคมีที่อาจมีผลต่อคุณภาพน้ำ อาทิ ยาฆ่าแมลง หรือสารอินทรีย์ที่ใช้ในภาคเกษตรอย่างใกล้ชิด ซึ่งในขณะนี้ยังไม่พบปริมาณที่น่าเป็นห่วงแต่ประการใด นอกจากนี้ การประปานครหลวง ยังได้เตรียมการเผื่อไว้ในกรณีที่น้ำในแม่น้ำท่าจีนจะเสื่อมสภาพลงไปอีก โดยการเพิ่มผงถ่านกัมมันต์ ซึ่งมีคุณสมบัติดูดซับความสกปรก กลิ่น และสี ไว้เรียบร้อยแล้ว จึงขอให้ประชาชนอย่าได้วิตกถึงผลกระทบกรณีแม่น้ำท่าจีนเน่าแต่อย่างใด--จบ--
-อน-