กรุงเทพฯ--12 ม.ค.--สปาร์ค คอมมิวนิเคชั่นส์
ในปีที่ผ่านมา มีเหตุการณ์ที่ส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมการท่องเที่ยวในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิคหลากหลายเหตุการณ์ ไม่ว่าจะเป็นมลพิษหมอกควันข้ามแดนในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้, การระบาดของโรค MERS ที่ประเทศเกาหลีใต้, เหตุระเบิดที่แยกราชประสงค์ และการเปลี่ยนแปลงของค่าเงินภายในหลากหลายประเทศ เช่น ญี่ปุ่น, เกาหลี และออสเตรเลีย ถึงแม้จะมีเหตุการณ์เกิดขึ้นมากมาย แต่รายงานขององค์การการท่องเที่ยวโลก หรือ UNWTO World Tourism Barometer เผยว่าการท่องเที่ยวในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิคยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง
นักท่องเที่ยวส่วนมากมักมองหานวัตกรรมและทางเลือกในการจองห้องพักที่สะดวกและรวดเร็ว โดย Hotels.com™ ยังคงเดินหน้าพัฒนาบริการการจองห้องพักออนไลน์สำหรับนักท่องเที่ยวอย่างต่อเนื่อง ซึ่งในปี 2558 ที่ผ่านมา Hotels.com ได้มองเห็นว่าการจองห้องพักออนไลน์นั้นเติบโตอย่างรวดเร็วภายในหลากหลายพื้อน รวมไปถึงภูมิภาคเอเชียแปซิฟิคด้วย
อับฮิราม ชาวด์ดรี, รองประธานและกรรมการผู้จัดการ, Hotels.com ภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก (APAC) เผยว่า "ความต้องการของนักท่องเที่ยวมักเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ โดยเฉพาะความต้องการของนักท่องเที่ยวในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกที่มีการเปลี่ยนแปลงมากสุดเลยก็ว่าได้ ผมจึงอยากกล่าวถึงเทรนด์การท่องเที่ยว 10 อันดับสำหรับปี 2559 โดยมีดังต่อไปนี้"
10 อันดับเทรนด์การท่องเที่ยวสำหรับปี 2559:
1. การจองห้องพักผ่านดีไวซ์: นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ต้องการความคล่องตัวในการเดินทาง ซึ่งในปัจจุบัน ดีไวซ์ในมือของพวกเขาสามารถตอบโจทย์การเดินทางได้เป็นอย่างดี ทั้งนี้ Hotels.com ได้เล็งเห็นว่าความต้องการของนักท่องเที่ยวที่ต้องการความสะดวกสบายในการจองห้องพักนั้นสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2558 จำนวนนักท่องเที่ยวที่จองห้องพักผ่านสมาร์ทโฟนนั้นนับเป็น 1 ใน 3 ของการจองทั้งหมดบน Hotels.com
2. บริการพิเศษสำหรับลูกค้า: นักท่องเที่ยวที่จองห้องพักผ่าน Hotels.com มีสิทธิ์ได้รับสิทธิพิเศษต่างๆ อาทิ ส่วนลดค่าธรรมเนียมวีซ่า, ประกันการเดินทาง, เครื่องกระจายสัญญาน Wi-Fi เคลื่อนที่ (Wi-Fi egg) และทัวร์ในพื้นที่ 1 วัน จึงทำให้การวางแผนการเดินทางล่วงหน้าเป็นเรื่องที่ง่ายยิ่งขึ้น เราเชื่อว่าบริการพิเศษของเรายังจะคงดึงดูดลูกค้าอย่างต่อเนื่องในปี 2559
3. กลายเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านโรงแรม: นักท่องเที่ยวที่คุ้นเคยกับเทคโนโลยีมักชอบอ่านและเขียนรีวิว จึงทำให้สิ่งเหล่านั้นกลายเป็นหัวใจสำคัญสำหรับการจองห้องพัก ด้วยรีวิวจริงจากนักท่องเที่ยวกว่า 17 ล้านคน บนเว็บไซต์ Hotels.com ลูกค้าสามารถเลือกห้องพักโดยอ้างอิงจากการจัดอันดับในหมวดหมู่ต่างๆ เช่น ความสะดวกสบาย, การให้บริการ และความสะอาด เราคิดว่าในปี 2559 นี้ นักท่องเที่ยวจะเชี่ยวชาญทางด้านการรีวิวมากขึ้น อีกทั้งยังจะชื่นชอบการรีวิวที่จริงใจมากขึ้นอีกด้วย
4. การสร้างลอยัลตี้โปรแกรม: การสมัครลอยัลตี้โปรแกรมต่างๆถือเป็นวิธีที่ยอดเยี่ยมในการประหยัดค่าใช้จ่ายสำหรับการท่องเที่ยว ผลสำรวจล่าสุดเผยว่า กว่า 50% ของผู้เข้าร่วมตอบแบบสำรวจได้สมัครลอยัลตี้โปรแกรม และให้ความสำคัญกับสิทธิพิเศษอย่าง ของแถม, บัตรของขวัญ และส่วนลด ทั้งนี้ สมาชิกของ Hotels.com Rewards กว่า 20 ล้านคนสามารถสะสมคืนที่เข้าพัก โดยเมื่อจองห้องพักผ่าน Hotels.com ครบ 10 คืน รับห้องพักฟรี 1 คืน*
5. การเดินทางที่เร่งรีบ : นักท่องเที่ยวอาจจะมีเวลาไม่เพียงพอสำหรับการจองห้องพักล่วงหน้า ในช่วงมกราคม – กันยายนของปี 2558 นักท่องเที่ยวกว่า 25% จากทั่วโลกจองห้องพักในนาทีสุดท้ายผ่านทาง Hotels.com เนื่องจากพวกเขาจะได้รับส่วนลดและห้องพักที่ดีที่สุด ซึ่งคาดว่าในปี 2559 นี้ การจองห้องพักนาทีสุดท้ายก็ยังคงจะเติบโตอย่างต่อเนื่อง
6. สถานที่ท่องเที่ยวที่มีแนวโน้มว่าจะได้รับความนิยมในปี 2559 - รีโอเดจาเนโร, กัวลาลัมเปอร์, ฮ่องกง และกรุงเทพฯ: เมื่อมองในระดับนานาชาติ เราคาดการณ์ว่า ประเทศบราซิล จะได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในปี 2559 เนื่องจากจะเป็นสถานที่จัดงานกีฬาที่ใหญ่ที่สุดในโลก – โอลิมปิก 2016 ซึ่งจะจัดขึ้นที่ รีโอเดจาเนโร ในเดือนสิงหาคมที่จะถึงนี้ โดยมีแนวโน้มที่จะดึงดูดนักท่องเที่ยวที่ชื่นชอบกีฬาและการเดินทางจากทั่วโลกได้เป็นจำนวนมาก เมื่อมองย้อนกลับมาที่ทวีปเอเชีย เราคิดว่าเมืองที่จะได้รับความนิยมมากขึ้นได้แก่ กัวลาลัมเปอร์, ฮ่องกง และกรุงเทพฯ เนื่องจากดัชนีราคาห้องพักโรงแรม Hotels.com Hotel Price Index™ (HPI™) ล่าสุดเผยว่าห้องพักภายเมืองที่กล่าวไปมีราคาลดลง ในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2558 ราคาเฉลี่ยของห้องพักในกัวลาลัมเปอร์อยู่ที่ 2,026 บาทต่อคืน ซึ่งลดลง 28 เปอร์เซนต์เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า นอกจากนี้ดัชนี HPI ยังแสดงให้เห็นว่าฮ่องกง และประเทศไทย (โดยเฉพาะกรุงเทพฯ) ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากสำหรับนักท่องเที่ยวที่มาจากภูมิภาคเอเชียแปซิฟิค
7. Bleisure หรือการเดินทางเพื่อท่องเที่ยวและทำงาน: ในเอเชีย การเดินทางสำหรับติดต่อธุรกิจอยู่ในช่วงขาขึ้น โดย Global Business Travel Association คาดการณ์ว่าในปีพ.ศ. 2561 ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิคจะมีส่วนแบ่งตลาด 5% ขณะที่สหรัฐอเมริกาจะมีส่วนแบ่งตลาดลดลง 3% และยุโรปตะวันตกลดลง 2% เราคาดว่าการท่องเที่ยวเชิงธุรกิจจะเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง และมีแนวโน้มว่านักธุรกิจที่เดินทางไปทำงานจะยืดเวลาพักออกไป เพื่อเพิ่มการท่องเที่ยวเพื่อพักผ่อนกับครอบครัวมากขึ้น
8. นักท่องเที่ยวกลุ่มมิลเลนเนียล: ชาวมิลเลนเนียลถือว่าเป็นกลุ่มคนที่มีความรู้เรื่องเทคโนโลยีมาก เมื่อเปรียบเทียบกับคนยุคก่อนๆ โดยพวกเขานิยมการแชร์เรื่องราวชีวิตผ่านโซเชียลเน็ตเวิร์คอย่างต่อเนื่อง ในปี 2559 ที่จะถึงนี้ นักท่องเที่ยวกลุ่มนี้จะเข้ามามีบทบาททางสังคมอย่างต่อเนื่อง โดยมีการคาดการณ์ว่านักท่องเที่ยวกลุ่มมิลเลนเนียลชาวเอเชียจะใช้จ่ายเกี่ยวกับการเดินทางมากขึ้น 1.6 เท่า หรือสูงถึง 3 แสน 4 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ[1]ภายในปี 2563
9. การใช้จ่ายเกี่ยวกับการเดินทางจะเพิ่มมากขึ้น: ในปีที่ผ่านมา สถานที่ท่องเที่ยวหลายแห่งได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงของค่าเงิน รายงานล่าสุดจากองค์การการท่องเที่ยวโลก (UNWTO World Tourism Barometer) เผยว่าจำนวนผู้โดยสารขาออกในประเทศจีนโตขึ้นระดับเลข 2 หลัก ทำให้ญี่ปุ่น, ไทย, สหรัฐอเมริกา และหลายประเทศในทวีปยุโรปได้รับผลประโยชน์ อินเดียเป็นอีกหนึ่งตลาดที่กำลังเติบโตทางด้านการท่องเที่ยว ซึ่งรายงานเผยว่าการใช้จ่ายเพื่อการท่องเที่ยวขยายตัวขึ้น 2 หลัก
10.สร้างประสบการณ์การท่องเที่ยวตามความต้องการ: ในปัจจุบัน นักท่องเที่ยวทำทุกวิถีทางเพื่อให้ได้ประสบการณ์การท่องเที่ยวที่พวกเขาต้องการ ที่ Hotels.com เราพยายามส่งมอบเครื่องมือที่ลูกค้าต้องการผ่านแอพพลิเคชั่นของเรา เพื่อจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้กับ
[1] The Travel Gold Rush 2020, Oxford Economics, Amadeus (2010)
1. ของพวกเขา รวมไปถึงนำเสนอบริการเสริม อาทิ ทางเลือกสำหรับยานพาหนะ, การบอกทิศทางไปที่พัก, วิธีการซื้อบัตรสำหรับงานอีเว้นท์ต่างๆในพื้นที่ และสื่อกลางสำหรับการแชร์ประสบการณ์การท่องเที่ยว ด้วยการอัพโหลดภาพถ่ายและการรีวิวแบบรีลไทม์ (real time reviews)
*การเข้าพักฟรี 1 คืน นั้นไม่รวมภาษีและค่าธรรมเนียม ดูรายละเอียดและเงื่อนไขได้ที่นี่: http://th.hotels.com/hotel-rewards-pillar/hotelscomrewards.html