กรุงเทพฯ--13 ม.ค.--อาร์เอส
หายหน้าวงวงการไปร่วม 15 ปี สำหรับ "ปณิธาน สังข์ประเสริฐ" หรือที่เรารู้จักกันดีในนาม "แห้ว รีเจนซี่" ที่วันนี้เจ้าตัวมาเปิดใจในรายการ "จุดเดือด" ทาง "ช่อง 2" บันเทิงมาเต็ม (หมายเลข 38) โดยพีธีกรคู่เดือด "อุ๊บ-วิริยะ พงษ์อาจหาญ" และ "โก้-ธีรศักดิ์ พันธุจริยา" ร่วมด้วย "ฝัน-ครุสุดา วันมา" ซึ่งเจ้าตัวมาเผยถึงการใช้ชีวิตที่อเมริกากว่า 14 ปีและต่อสู้โรคมะเร็งจนวันนี้เกือบจะหายเป็นปกติแล้ว
อาการตอนนี้เป็นยังไงบ้าง ?
"ในโรคเดิมคือมะเร็งดีขึ้นครับเกือบจะสมบูรณ์ เกือบจะเป็นปกติแล้ว เส้นเลือดในสมองตีบก็ปกติ เพราะคุมเรื่องอาหาร แล้วก็ออกกำลังกาย"
มะเร็งต้องรักษาอะไรอีกไหม ?
"ไม่ได้ให้ยาอะไรแล้วครับ ตั้งแต่เริ่มต้นมาก็ไม่ได้ให้ยา ไม่ได้คีโม สิ่งที่ทำก็เลยดูแลร่างกาย อาหาร ควบคุมโดยตลอด"
ตอนนี้พี่แห้วมีโรคอะไรบ้าง ?
"ที่อยู่ตอนนี้ ที่ห่วงก็คือเส้นเลือดในสองตีบ เพราะว่าต้องคุมเรื่องคอเลสเตอรอลสูงมาก มันจะมีอยู่ 2 ตัว บางทีตัวดีลด ตัวไม่ดีมันเพิ่ม เผลอนิดเดียวก็เอาแล้วทันที แต่ผมเชื่อนนะโรคนี้เหมือนโรคเวรโรคกรรมครับ วิถีทางแห่งชีวิตก็เลยไม่ค่อยอยากจะประมาทตรงนี้"
ชีวิตเราเปลี่ยนไปยังไงบ้าง ?
"ตอนที่ไปอยู่อเมริการค่อนข้างจะปรับตัวยากหน่อย ในส่วนของงาน เราเคยทำงานที่เบาๆ ด้านการแสดงมาตลอด 20 กว่าปี แต่ไปสัมผัสงานที่อเมริกาซึ่งเป็นงานซูเปอร์มาเก็ต ก็พยายามปรับตัว ตอนอยู่ที่โน้นอย่างเร็วพอสมควร แล้วก็ได้มีตำแหน่งเพิ่มขึ้น ทำให้ร่างกายยังพอไหว พอรับไหว งานที่โน้นถึงจะไม่หนัก แต่การปรับสภาพที่ไม่เคยรับงานที่ต้องยก ต้องจัด ต้องทำอะไรทุกอย่างตลอดเวลา ก็เลยรู้สึกว่า มันเป็นการปรับตัวที่ค่อนข้างยากลำบาก"
เป็นโรคมากี่ปี ?
"10 กว่าปีครับ รักษาที่อเมริกา หมอที่โน้นก็บำบัดด้วยยา แต่ไม่ได้ให้คีโม"
ไปที่โน้นตั้งแต่เมื่อไหร่ ?
"ตั้งแต่ ปี 2002 ตอนที่ทราบว่าเป็นก็ระยะที่ขึ้น 3"
ตอนนี้หายขาดแล้ว ?
"เกือบปกติ โรคนี้อาจจะกลับคืนมาอีกก็ได้"
ค่ารักษาเยอะไหม ?
"บุญยังส่งครับ ที่โน้นไม่เสียอะไร ไปอยู่ส่วนของผู้ที่มีรายได้ต่ำ ในชีวิตนี้ค่อนข้างจะโชคดีอย่างหนึ่งที่บุญกุศลที่ทำส่งผลให้ไปเจอผู้ที่ให้ความอนุเคราะห์ นำพาไปในส่วนที่เราไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายอะไรเลย แม้แต่ตอนที่บวชอยู่ตอนนั้นก็ได้รับความอนุเคราะห์จากคนไทยที่อยู่ที่นั้น พาไปในส่วนที่ ไม่มีรายได้ เป็นพระนะครับที่โน้นพระก็ถือว่าเป็นอาชีพหนึ่ง เขาจัดการให้ ไม่ว่าจะเป็นผ่าตัดตาซ้ายที่ตอนนั้นเป็นต้อก็ไม่เสียค่าใช้จ่าย ดูแลค่ายา เสียนิดเดียว เช่นค่ายายกตัวอย่างว่า 130 เหรียญ เราก็จะเสียประมาณ 1-2 เหรียญครับผม"
เราต่อสู้กับโรคนี้ยังไง ?
"พูดถึงเรื่องการต่อสู้ ผู้ใดที่มีโรคประจำตัว หรือว่ากำลังป่วยหนักถ้าคิดจะสู้ สิ่งหนึ่งนอกจากความรู้เกี่ยวกับโรคที่เราเป็นแล้ว สำคัญที่สุดคือดูแลตัวเองด้วยครับ ดูสาเหตุโรคนี้ ศึกษาด้านอาหารการกิน มีโอกาสออกกำลังกายได้ก็ยิ่งดีเลย ถ้าให้ยามากก็จะไปลงถึงไตกับตับ ทำงานมากก็จะมีผลต่อเนื่องอีก หายจากโรคนี้ก็จะเป็นโรคนี้ ถ้าวิถีทางแห่งชีวิตอดทนได้บางท่านนะครับ ผู้มีรายได้ต่ำผมจะได้ยินเสมอต้องรอนนาน บางทีจิตใจสำคัญครับ ขอพูดว่ายาที่สำคัญที่สุดคือใจ ถ้าใจเราคิดว่าเราจะสู้ เราต้องบอกใจเราด้วยว่าเราต้องดูแลอะไรบ้าง ผมจะบอกคนใกล้ตัวเสมอว่าถามครั้งเดียว ตอบครั้งเดียว เวลาไปเยี่ยมคนป่วยสิ่งแรกก็ต้องถามว่าเป็นไงบ้าง อย่าถภามเขาเลยครับคำถามนี้ คนไข้เขาอยากตอบอย่างอื่นมากกว่าสิ่งที่จะบอกว่าไม่ไหวแล้ว หรือดีขึ้น ถามเรื่องอื่นเลยครับ เมื่อคืนดูทีวีอะไรบ้าง เขาจะคุยได้มากกว่า อันนี้คือข้อคิดของปผมนะครับที่ผมได้กับตัวเอง"
ตอนนี้ร่างกายแข็งแรง ?
"แข็งแรงครับแข็งแรงเกือบจะปกติ"
เป็นได้ชีวิตใหม่อีกครั้ง ?
"ครับ เป็นชีวิตที่ถึงมันจะไม่... มันอทาจจะกลับมาอีกก็ได้ สิ่งเหล่านี้ผมไม่ประมาท สิ่งที่เราไม่ประมาทเป็นสิ่งที่ทำให้เรายังอยู่ได้อีกนาน"
กลับมาเมืองไทยเมื่อไหร่ ?
"เดินทางกลับมาตอนช่วงประมาณสิงหาคม(2015) คิดว่ายังมีอะไรหลายๆ อย่างที่ยังไม่ได้ทำ อยากทำทดแทนบุญคุณแผ่นดิน ไม่เคยลืมคำว่าแผ่นดินเกิด ยังนึกถึงตรงนั้นอยู่ตลอดเวลาแต่โอกาสและจังหวะที่นำทางไปเนี่ยทำให้รู้สึกว่าตัวเองต้องจากถิ่นที่เกิด ก็เลยรู้สึกว่าตัวยังไม่ได้ทำอะไรเลย ไม่ได้ทดแทน อย่างน้อยไปอยู่เมืองนอกก็ได้ข้อคิดอย่างหนึ่งว่า ถ้าลืมถิ่นเกิดแล้ว เราก็คงไม่เจริญหรอก"
กลับมาเมืองไทย ตั้งใจจะทำอะไร ?
"ตอนนั้นยังไม่ได้คิดทำอะไร แต่พอมาเห็นความเปลี่ยนแปลงหลายอย่างในเมืองไทย แล้วก็ได้ข้อคิดตอนบวชเรียน ก็เลยคิดว่าอยากจะทำเกี่ยวกับด้านออแกนิค ผัก ผลไม้ มองเห็นว่าวันหนึ่งข้างหน้าคงจะมีประโยชน์ อีกอย่างหนึ่งไม่บาป ไม่ใช้สารเคมี คิดว่าทำเป็นทานได้ด้วย หมายถึงว่าใหกับผู้ที่ปฏิบัติธรรม เขาจะได้กุศลในการบริโภคได้ด้วย ไม่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ"
แผนงานออแกนิคต้องใช้เงิน ?
"ผมคิดว่าจะดูที่ต้นทุนต่ำๆ อะไรที่หาได้ หาได้ง่าย ดูจากสารคดีเกี่ยวกับโครงการพระราชดำริผมีรู้สึกว่าผมชอบ ชอบที่จะทำ แต่ให้ลงแรงลงกายอย่างนั้นอาจจะทำไม่ได้ อาจจะเป็นตัวกลางแต่ก็คิดว่าจะทำตรงนี้"
งานในวงการจะกลับมาทำไหม ?
"ถ้าวาสนายังมี ก็รักครับ รักงานในวงการบันเทิงมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว แต่วิถีทางแห่งชีวิตมันไม่สดในเหมือนคนอื่นเขา คิดว่าเมื่อไหร่ได้มีโอกาสได้สัมผัสตรงนี้อีกก็ต้องขอบคุณบุยกุศลที่ยังเกื้อหนุนตัวเองอยู่"
เห็นว่ามีละครแล้ว ?
"มีครับ สิ่งหนึ่งที่อยู่ในใจคือ มีความกตัญญูต่อผู้มีพระคุณ กลับมาก็ไปกราบและทักทายผู้ที่ให้คงวามเคารพหลายๆ ท่าน ก็มีพี่กอบสุขนะครับ ท่านอนุเคราห์ให้ละครเล่น 1 เรื่อง เรื่องบุญหล่นทับ ก็เป็นจังหวะที่เปลกดีนะครับ สิ่งเหล่านี้มันชื่อเรื่องเหมือนกับบุญเรานะที่นำมาเรามาอยู่ตรงนี้ เราได้ตรงนี้ ก็ขอบพระคุณท่านอย่างสูงเลย"
ติดตามรายการ "จุดเดือด" ได้ทาง "ช่อง 2" บันเทิงมาเต็ม (หมายเลข 38) ทุกวันจันทร์-อาทิตย์เวลา 9.30/16.00/21.30 น. และติดตามความเคลื่อนไหวทั้งหมดได้ที่ www.facebook.com/thaich2