กรุงเทพฯ--15 ม.ค.--ฮิลล์ แอนด์ นอลตัน สแตรทีจีส์
เมื่อเร็วๆ นี้ ฟอร์ดได้ประกาศเพิ่มการลงทุนจำนวน 4.5 พันล้านเหรียญสหรัฐ ภายในปี พ.ศ. 2563 ในด้านรถยนต์พลังงานไฟฟ้า รวมถึงทำการปรับเปลี่ยนแนวทางการพัฒนาประสบการณ์การขับขี่ของลูกค้า ทั้งหมดนี้ก็เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้บริโภคให้ดียิ่งขึ้นด้วยการเปลี่ยนวิธีการเดินทางของผู้คนทั่วโลก
ฟอร์ดจะทำการเพิ่มรถยนต์ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าจำนวน 13 รุ่น ภายในปี พ.ศ. 2563 โดยกว่าร้อยละ 40 ของรถฟอร์ดทั่วโลกจะมาพร้อมกับระบบขับเคลื่อนไฟฟ้า การลงทุนครั้งนี้นับเป็นการลงทุนในส่วนรถยนต์พลังงานไฟฟ้าครั้งใหญ่ที่สุดของฟอร์ดในรอบ 5 ปี
สำหรับในปีนี้ ฟอร์ดได้เตรียมนำเสนอรถฟอร์ด โฟกัส อิเล็กทริก ใหม่ ที่สามารถชาร์จที่สถานีชาร์จไฟสำหรับรถยนต์แบบสาธารณะได้ โดยสามารถชาร์จไฟได้เต็ม 80 เปอร์เซ็นต์ภายในเวลาเพียง 30 นาที และสามารถวิ่งได้ไกลถึง 100 ไมล์ ซึ่งเร็วกว่ารถฟอร์ด โฟกัส อิเล็กทริก รุ่นปัจจุบัน ถึง 2 ชั่วโมง
ฟอร์ด โฟกัส อิเล็กทริก ใหม่ ซึ่งจะเริ่มการผลิตในปลายปีนี้ จะมาพร้อมเทคโนโลยีและความสะดวกสบายแก่ลูกค้าในภูมิภาคอเมริกาเหนือและยุโรป ดังนี้
· ระบบมาตรวัดอัจฉริยะ (SmartGauge) ที่แสดงผล EcoGuide บนหน้าจอแอลซีดี ซึ่งสามารถแสดงข้อมูลมากมาย และสามารถกำหนดการตั้งค่าต่างๆ ได้ ช่วยให้ผู้ขับขี่อ่านค่าการใช้งานพลังงานไฟฟ้า (EV power usage) ได้แบบเรียลไทม์ เพื่อการขับขี่อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด
· ระบบ Brake Coach อัจฉริยะที่จะช่วยแนะนำผู้ขับขี่เกี่ยวกับวิธีการเหยียบเบรกอย่างนิ่มนวล เพื่อให้สามารถใช้งานพลังงานได้สูงสุด ผ่านระบบเบรกแบบจ่ายพลังงานคืน (Regenerative Braking System) โดยระบบดังกล่าวจะคืนพลังงานไฟฟ้าที่เก็บได้จากการเหยียบเบรกกลับเข้าไปที่แบตเตอรี่รถ
· เอกลักษณ์การขับขี่ที่สนุกสนานกับพวงมาลัยที่ได้รับการออกแบบมา เพื่อการควบคุมที่ฉับไว ทำให้ผู้ขับขี่สัมผัสได้ถึงทุกการเชื่อมต่อบนท้องถนน
การปรับเปลี่ยนแนวทางสู่รถยนต์พลังงานไฟฟ้าของฟอร์ดในครั้งนี้ ตอบโจทย์กระแสความนิยมจากทั่วโลกที่มองหารถยนต์เปี่ยมประสิทธิภาพ และใช้พลังงานที่สะอาดยิ่งขึ้น
การออกแบบโดยอิงจากประสบการณ์ผู้ขับขี่
ฟอร์ดได้คิดค้นแนวทางเพื่อยกระดับตนเองให้โดดเด่นเหนือคู่แข่งอื่นๆ ฟอร์ดไม่เพียงมุ่งเน้นความสนใจไปที่การพัฒนารถยนต์อย่างเดียว แต่ยังอ้างอิงประสบการณ์ของผู้ขับขี่ในการคิดค้นและพัฒนารถยนต์ด้วยเช่นกัน การปรับเปลี่ยนกระบวนการการพัฒนาผลิตภัณฑ์ของฟอร์ดก็เพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงในครั้งนี้
"ความท้าทายต่อจากนี้ไม่ได้ขึ้นอยู่ที่ว่าใครจะสามารถนำเสนอเทคโนโลยีจำนวนมากเข้าภายในรถยนต์ได้ แต่ขึ้นอยู่กับว่าใครจะสามารถมอบเทคโนโลยีที่สร้างความตื่นตาตื่นใจ และทำให้ผู้บริโภคพึงพอใจได้ดีที่สุด" ราจ แนร์ รองประธานฝ่ายพัฒนาผลิตภัณฑ์ กล่าว "การสังเกตพฤติกรรมผู้บริโภค จะทำให้เราสามารถเข้าใจได้ดียิ่งขึ้น ว่ามีฟีเจอร์และจุดแข็งใดบ้างที่ผู้ขับขี่นำไปใช้งานจริงๆ รวมไปถึงความสามารถในการเข้าใจคุณค่าและความสามารถในการสร้างสรรค์ประสบการณ์ที่เหนือชั้นยิ่งขึ้นต่อไป"
นอกเหนือจากการค้นคว้าวิจัยด้านการตลาดแล้ว ฟอร์ดยังได้ลงทุนทำการศึกษาค้นคว้าด้านสังคมศาสตร์ทั่วโลก โดยได้สังเกตปฏิกิริยาการโต้ตอบระหว่างผู้บริโภคกับรถยนต์ และได้ทราบถึงข้อมูลเชิงลึกที่แตกต่างกันไปในแง่ขององค์ความรู้ สังคม วัฒนธรรม เทคโนโลยี และเศรษฐกิจ ซึ่งจะส่งผลต่อการออกแบบผลิตภัณฑ์ด้วยเช่นกัน
"แนวทางการทำงานแบบใหม่ ซึ่งนำข้อมูลทางด้านการตลาด การค้นคว้าวิจัย วิศวกรรมศาสตร์ และการออกแบบสมัยใหม่มาประยุกต์รวมกันนี้ จะช่วยสร้างสรรค์ประสบการณ์ของผู้บริโภคได้อย่างมีจุดมุ่งหมาย มากกว่าการแยกพัฒนาเทคโนโลยี่และฟีเจอร์ ที่ท้ายสุดแล้วต้องนำไปรวมกับผลิตภัณฑ์ในขั้นตอนสุดท้าย" แนร์ กล่าว "เราได้ประยุกต์และนำข้อมูลเชิงลึกใหม่ๆ จากนักมานุษยวิทยา นักสังคมวิทยา นักเศรษฐศาสตร์ สื่อมวลชน และนักออกแบบ รวมทั้งเทคนิคทางธุรกิจต่างๆ มาใช้ เพื่อสร้างสรรค์กระบวนการพัฒนาผลิตภัณฑ์แบบใหม่ เพื่อมอบประสบการณ์ใหม่ๆ และช่วยให้ชีวิตของผู้คนอีกนับล้านดียิ่งขึ้น"
สำหรับในปีนี้ ฟอร์ดจะเพิ่มจำนวนโครงการที่ใช้การค้นคว้าด้านมานุษยวิทยามากกว่าปีที่แล้วขึ้นอีกเท่าตัว โดยทีมนักสังคมวิทยาได้ใช้เวลาหลายเดือนในการเสาะหาหัวข้อต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น หัวข้อเรื่องการเดินในระดับหรูในอนาคต ความสัมพันธ์ของผู้ขับขี่กับรถยนต์ และบทบาทของรถกระบะในหมู่คนอเมริกัน
ฟอร์ดยังได้ยกระดับการพัฒนาผลิตภัณฑ์ขึ้นไปอีกขั้น โดยที่ผู้ออกแบบไม่เพียงแต่ร่างผลิตภัณฑ์ด้วยภาพ สเก็ตช์ แต่ยังออกแบบผลิตภัณฑ์ที่ถ่ายทอดไปถึงประสบการณ์ที่ได้จากการใช้ผลิตภัณฑ์นั้นๆ รวมเข้าไปด้วย โดยโครงร่างภาพสเก็ตช์ทั้งหลายล้วนสะท้อนประสบการณ์จากผู้ใช้ผลิตภัณฑ์ทั้งทางตรงและทางอ้อมเข้าไว้ด้วยกันอย่างลงตัว
วิธีการออกแบบอันทันสมัยนี้ มีบทบาทสำคัญในการพัฒนาแผนการสัญจรอัจฉริยะของฟอร์ดในอนาคต ซึ่งจะช่วยนำพาบริษัทไปสู่อีกขั้นของความสำเร็จในเรื่องการเชื่อมต่อสื่อสาร การสัญจร รถยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติ การสร้างประสบการณ์ที่ดีให้แก่ผู้ขับขี่ รวมทั้งการบริหารจัดการฐานข้อมูลที่และการนำฐานข้อมูลมาวิเคราะห์ในเชิงลึก
"ในฐานะบริษัทด้านยานยนต์และการสัญจร ฟอร์ดมุ่งมั่นที่จะนำเสนอมากกว่าการออกแบบผลิตภัณฑ์ที่สามารถเคลื่อนย้ายคนจากสถานที่หนึ่งไปยังอีกสถานที่หนึ่งได้" แนร์ กล่าวเสริม "ฟอร์ดยังใส่ใจและให้ความสำคัญกับประสบการณ์ที่ลูกค้ามีต่อรถยนต์ฟอร์ดเสมอ และมุ่งมั่นในการนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่สร้างความพึงพอใจสูงสุดและยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้บริโภคให้ดียิ่งขึ้นต่อไป"