กรุงเทพฯ--15 ม.ค.--โทเทิล ควอลิตี้ พีอาร์
คริสตัล ลากูนส์ (Crystal Lagoons) บริษัทนวัตกรรมชั้นสูงในการก่อสร้างลากูนน้ำใสประดุจคริสตัลขนาดใหญ่แบบไร้ขีดจำกัดที่ล้ำสมัยและมีชื่อเสียงโด่งดังทั่วโลก ซึ่งได้นำลากูนแห่งอนาคตระดับโลกสู่ประเทศไทย ณ มหาสมุทร คันทรี่ คลับ หัวหิน เมกะโปรเจกต์ขนาดยักษ์ ในขณะนี้ ช่วยเร่งยอดการขายและเพิ่มมูลค่าต่อตารางเมตรในโครงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ไม่ว่าจะอยู่ในพื้นที่ใดก็ตาม ด้วยเทคโนโลยีอันล้ำสมัย ยกตัวอย่างเช่นโครงการ "โมฮัมเหม็ด บิน ราชิด อัล มักตูม ซิตี้" ในดูไบ ซึ่งขณะนี้ เป็นโครงการที่ราคาขายพื้นที่ต่อหน่วยที่สูงที่สุดของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ อันเป็นผลสืบเนื่องมาจากการก่อสร้างลากูนน้ำใสประดุจคริสตัลที่ออกแบบโดยบริษัทระดับนานาชาติอย่าง คริสตัล ลากูนส์
เนื่องด้วยราคาต่อตารางเมตรที่เริ่มต้นตั้งแต่ 7,500 ดอลลาร์สหรัฐฯ (หรือประมาณ 272,300 บาท) และวิลล่าอันหรูหราที่มีมูลค่าสูงสุดถึง 12 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (หรือประมาณ 435.6 ล้านบาท) ต่อหลัง ซึ่งตัวเลขเหล่านี้ได้ทำสถิติสูงสุดครั้งใหม่สำหรับสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ทั้งนี้ เมกะโปรเจกต์ดังกล่าวพัฒนาโดย คริสตัล ลากูนส์ ภายใต้ความร่วมมือกับการร่วมทุนกับบริษัท เมย์ดัน กรุ๊ป (Meydan Group) ซึ่งเป็นหน่วยงานด้านอสังหาริมทรัพย์ของรัฐบาลของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และบริษัท โซบา (Sobha) ซึ่งเป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์ที่โดดเด่นที่สุดในประเทศอินเดีย
โครงการพัฒนาดังกล่าวมีลากูนน้ำใสประดุจคริสตัลขนาดใหญ่ถึง 40 เฮกตาร์ หรือประมาณ 250 ไร่ ซึ่งจะทำสถิติครั้งใหม่ในการบันทึกสถิติโลกกินเนสส์ (Guinness World Record) ให้กับ คริสตัล ลากูนส์ เป็นครั้งที่ 3 ทั้งนี้ ลากูนขนาดใหญ่แห่งนี้จะทอดยาวไปถึง 7 กิโลเมตร และล้อมรอบด้วยหาดทรายขาวพร้อมทางเดิน โดยสภาพแวดล้อมจะเป็นภูมิทัศน์สีเขียวที่ทำให้มีลักษณะเหมือนอยู่ในโอเอซิสอย่างแท้จริง
นอกจากนี้ ลากูนขนาดใหญ่แห่งนี้ยังจะถูกล้อมรอบด้วยสำนักงาน นิคมอุตสาหกรรม สิ่งอำนวยความสะดวกทางด้านกีฬา พื้นที่สาธารณะซึ่งมีขนาดใหญ่กว่าไฮด์ปาร์คในกรุงลอนดอน สวนน้ำ รวมถึง เมย์ดัน มอลล์ (Meydan Mall) ซึ่งเป็นโครงการที่ประกอบด้วยโรงแรมกว่า 100 แห่งและคอนโดมีเนียมอันหรูหราแห่งใหม่จำนวน 1,500 แห่ง ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก โดยมีราคาขายเริ่มต้นตั้งแต่ 4 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (หรือประมาณ 145.2 ล้านบาท) ไปจนถึง 12 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (หรือประมาณ 435.6 ล้านบาท) นอกจากนี้ โครงการดังกล่าวยังจะทำสถิติโลกครั้งใหม่ถึง 5 รายการ ได้แก่ อาคารที่พักอาศัยที่สูงที่สุด ลานสกีในร่มที่ยาวที่สุด จุดชมวิวดาดฟ้า 360 องศาที่สูงที่สุด ร้านอาหารที่สูงที่สุด และน้ำพุเต้นระบำที่ใหญ่ที่สุด
มร. อัล เคยัท ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของกลุ่มบริษัท เมย์ดัน กรุ๊ป กล่าวว่า "สิ่งที่เรากำลังสร้างขึ้นนั้นไม่ได้เป็นเพียงแค่ชุมชนที่พักอาศัยเท่านั้น แต่เป็นจุดหมายปลายทางในการท่องเที่ยวที่พร้อมสรรพและครบวงจร" ขั้นตอนการพัฒนาขั้นแรกของลากูนได้เริ่มดำเนินการแล้ว ซึ่งเมื่อการพัฒนาลากูนเสร็จสมบูรณ์ ลากูนที่มีน้ำใสประดุจคริสตัลจะมีบทบาทสำคัญในการเป็นศูนย์กลางในการดึงดูดผู้คนมาสู่เมกะโปรเจกต์นี้
"ภูมิภาคตะวันออกกลางและแอฟริกาเหนือแสดงเห็นถึงโอกาสครั้งใหญ่สำหรับ คริสตัล ลากูนส์ เนื่องจากการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานด้านการท่องเที่ยวมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง เทคโนโลยีของเราเป็นแนวคิดแห่งนวัตกรรมที่แปลกใหม่และมีความได้เปรียบเชิงเปรียบเทียบที่แข็งแกร่ง ที่ได้นำประสบการณ์ครั้งใหม่มาสู่ตลาดระดับภูมิภาคในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและอสังหาริมทรัพย์ เช่นเดียวกับทุกตลาดที่บริษัท คริสตัล ลากูนส์ ได้ทำการพัฒนาโครงการ ณ ตอนนี้กำลังได้สัมผัสอยู่" มร. คาร์ลอส ซาลาส ผู้อำนวยการประจำภูมิภาคตะวันออกกลางของ คริสตัล ลากูนส์ กล่าว ในปัจจุบัน บริษัทนานาชาติแห่งนี้มีโครงการจำนวนทั้งหมดกว่า 40 โครงการซึ่งอยู่ในขั้นตอนการพัฒนาที่แตกต่างกันไปในภูมิภาคตะวันออกกลาง เช่น สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ โอมาน จอร์แดน ซาอุดิอาระเบีย และประเทศอื่นๆ
ทั้งนี้ โครงการ มหาสมุทร หัวหิน และ บินตัน เทรเชอร์ เบย์ อินโดนีเซีย ถือเป็นส่วนหนึ่งของผลงานของ คริสตัล ลากูนส์ ซึ่งมีอยู่กว่า 300 โครงการใน 60 ประเทศทั่วโลก