MovieTHE MONKEY KING 2 (ไซอิ๋ว 2 ตอน ศึกราชาวานรพิชิตมาร)

ข่าวบันเทิง Monday January 18, 2016 09:19 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--18 ม.ค.--โมโนฟิล์ม ชื่อเรื่อง The Monkey King 2 / ไซอิ๋ว 2 ตอน ศึกราชาวานรพิชิตมาร ประเภท Action / Adventure กำหนดฉาย 5 กุมภาพันธ์ บริษัทจัดจำหน่าย โมโนฟิล์ม อำนวยการสร้าง คีเฟอร์ หลิว โรเบิร์ต แฮร์ริส (The Monkey King) หว่อง ฟุง กำกับ เจิ้งป๋อไช่ (SPL 2, The Monkey King) แสดงนำ กัวฟู่เฉิง (Cold War, The Storm Riders) กงลี่ (Shanghai, Curse of Golden Flower) เผิงเส้าเฝิง (Dragon Blade) เรื่องย่อ ภายหลังจากการถูกจองจำกว่า 500 ปี เห้งเจียได้ถูกปลดปล่อยโดยพระถังซัมจั๋ง โดยมีภารกิจเพื่ออัญเชิญพระไตรปิฎก ณ ชมพูทวีป ร่วมด้วย ตือโป๊ยก่ายและ ซัวเจ๋ง แต่พวกเขาต้องพบกับบทพิสูจน์ครั้งใหญ่ด้วยการพบกับศัตรูตัวฉกาจ อย่างปีศาจกระดูกขาว Teaser Trailer: https://www.youtube.com/watch?v=0gMQE0YV6V8 ? เกี่ยวกับงานสร้าง ภาพยนตร์เรื่อง The Monkey King เป็นภาพยนตร์ที่ประสบความสำเร็จทางรายได้อย่างสูงในประเทศจีน โดยเหตผุลหลักๆ มาจากการทุ่มทุนสร้างอย่างมหาศาลกว่า 7 ล้านเหรียญสหรัฐเพื่อเนรมิตฉากคอมพิวเตอร์กราฟฟิกอลังการ พร้อมทั้งการตัดสินใจใช้นักแสดงอย่าง โจว เหวิน ฟะ ดอนนี่ เยน และ กัวฟู่เฉิง ที่เด่นชัดที่สุดคือการใช้เทคโนโลยี 3 มิติ ซึ่งเป็นการเปิดมิติใหม่แห่งภาพยนตร์ไซอิ๋วที่เคยสร้างมาหลายครั้ง แต่ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่จะใช้ภาพยนตร์ 3 มิติ เป็นตัวชูโรง และครั้งนี้เป็นครั้งที่ลงทุนสูงที่สุดและได้การตอบรับที่ดีที่สุดด้วยเช่นกัน หว่อง ฟุง ผู้อำนวยการสร้างได้เผยว่า "ความสำเร็จของภาคแรกคือแรงผลักที่สำคัญมากในการเกิดภาคต่อนี้ ตอนที่เราทำภาคแรก เราเสี่ยงมากเพราะเราลงทุนไปสูงมาก ทั้งเรื่องของนักแสดง และการสร้างคอมพิวเตอร์กราฟฟิกให้ดูดีและสมจริงที่สุด ประสบการณ์ทำให้เราเรียนรู้อะไรหลายต่อหลายอย่าง และ เมื่อเราตัดสินใจเริ่มโปรเจคท์ภาค 2 เราก็ไม่กลัวมันอีกแล้ว" ภาพยนตร์เรื่องนี้เริ่มถ่ายทำในเดือน ธันวาคม 2014 ในสตูดิโอที่จีน และย้ายไปถ่ายทำเพิ่มเติมที่ประเทศนิวซีแลนด์และได้ทีมสร้างสเปเชี่ยลเอฟเฟคจากผู้ที่เคยกุมผลงานอย่าง The Lord of the Rings และ The Hobbit มาร่วมงาน นอกจากนี้พวกเขายังได้หงจินเป่ามาร่วมงานในฐานะผู้ออกแบบการต่อสู้อีกด้วย The Monkey King 2 เป็นโปรเจคท์ที่ไม่เกิดขึ้นไม่ได้เพราะ เรื่องราวไซอิ๋วที่แท้จริงยังไม่ได้เริ่มต้นขึ้นเลย ในภาคแรกเป็นการเล่าเรื่องราวก่อนที่ซุนหงอคงจะเริ่มออกเดินทางไปชมพูทวีปพร้อมกับตัวละครหลักอย่าง พระถังซัมจั๋ง ตือโป๊ยก่าย และซัวเจ๋ง ซึ่งแน่นอนว่าสิ่งที่จะเริ่มขึ้นนี้จะเป็นการเริ่มต้นการผจญภัยอันโด่งดังและน่าติดตามของทุกตัวละคร หลังจากที่ซุนหงอคงได้ถูกจองจำกว่า 500 ปี ในที่สุด พระถังซัมจั๋ง ก็มาเพื่อปลดปล่อยซุนหงอคง และเขาได้พบกับตัวละครอื่นๆ อย่าง ตือโป๊ยก่าย และ ซัวเจ๋ง ซึ่งแรกเริ่มแน่นอนว่าพวกเขาเข้ากันไม่ได้เลย เพราะแต่ละคนต่างมีเอกลักษณ์และลักษณะนิสัยที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง เจิ้งป๋อไช่ ผู้กำกับภาพยนตร์ได้กล่าวว่า "นี่คือสิ่งที่ผมต้องการเล่า มันไม่ง่ายเลยที่ซุนหงอคง จะเข้ากับใครได้ เขาต้องพิสูจน์ตัวเองในขณะเดียวกันเขาต้องเรียนรู้ที่จะเติบโตและต่อสู้แบบเป็นทีมให้ได้" การเดินทางเพื่อการไปเอาคำภีร์พระไตรปิฏกไม่ใช่เรื่องง่าย นอกจากจะต้องพบมารต่างๆ นานา หลากหลายรูปแบบแล้ว สิ่งที่ต้องประสบ ประการแรกคือการเชื่อใจและการต่อสู้แบบเป็นทีมให้ได้ หว่อง ฟุง ยอมรับว่า ดอนนี่ เยน ที่รับบท หงอคง จะไม่กลับมารับบทในภาคต่อนี้ พวกเขาจึงต้องหันไปหาตัวเลือกอื่นโดยผู้ที่ยินดีกลับมาเล่นคือ กัวฟู่เฉิง ที่เคยรับบทเป็น ปีศาจกระทิงในภาคที่แล้ว "กัวฟู่เฉิง เป็นนักแสดงที่ยอดเยี่ยม เขาเป็นคนที่มีทักษะในการแสดงสูงมาก เขาสามารถปรับตัวและเรียนรู้ได้อย่างยอดเยี่ยม" เจิ้งป๋อไช่ กล่าว "ผมยินดีมากที่ได้ร่วมงานกับเขาอีกครั้งและครั้งนี้เขาก็ทำได้อย่างยอดเยี่ยม เขาสามารถเปลี่ยนคาแรกเตอร์ตัวเองที่เป็นคนเงียบขรึมให้เป็นหงอคงในฉบับที่แตกต่างออกไป" เราทุกคนรู้ดีว่าหงอคงในภาคแรกนั้นจะเป็นคนซุกซนและไม่ค่อยคำนึงถึงเรื่องอะไรอื่นใดมากนัก แต่ในภาคนี้หงอคง โตขึ้น และมีความผยองในตนเอง แม้ว่าธรรมชาติเขาจะเป็นคนที่ทำอะไรอย่างไม่ระมัดระวังและดื้อรั้น แต่การกลับมาครั้งนี้เขาต้องการพิสูจน์ให้ทุกคนเห็นว่าเขานั้นก็เป็นคนที่ดีและเก่ง "ผมเปรียบตัวละครหงอคงในภาคนี้ว่าเขาเป็นวัยรุ่นที่กำลังต้องการการยอมรับในสังคม แน่นอนเขาเป็นเทพที่เก่ง ฉลาด มีไหวพริบ แต่ก็ทำอะไรที่ประมาทเลินเล่อจนทุกคนต่างเอือมระอา แต่เขาก็ต้องการพิสูจน์ให้ทุกคนยอมรับในตัวเขาด้วยเช่นกัน" เจิ้งป๋อไช่ กล่าว "เมื่อผมรู้ว่าพวกเขาอยากให้ผมกลับไปเล่นเป็นตัวละครอย่าง ซุนหงอคง ผมรีบตอบรับไปในทันที เหตุเพราะผมชื่นชอบในทีมงาน และผลงานที่ออกมา งานสร้างคอมพิวเตอร์กราฟฟิก แบบอลังการ คือสิ่งที่ผมตื่นเต้นที่จะได้ร่วมงานอีกครั้ง" ในช่วงของการฝึกซ้อมบทเจิ้งป๋อไช่ได้บอกถึงลักษณะที่เขาอยากให้หงอคงเป็น "เขาบอกผมว่า เขาต้องการเห็นหงอคงในฉบับที่ดุขึ้น แกร่งมากขึ้น แต่ในขณะเดียวกันเขาก็มีความพยายามที่จะเป็นที่ยอมรับในกลุ่มเพื่อนๆ เช่นกัน" และสิ่งที่เกิดขึ้นในหนังคือการที่เราได้เห็นหงอคงที่แกร่งขึ้นทั้งทางด้านจิตใจและอารมณ์ แต่ในขณะเดียวกันเขาก็ต้องก้าวพ้นช่วงแรกที่ต้องอาศัยความไว้เนื้อเชื่อใจให้ได้ กัวฟู่เฉิงใช้เวลากว่า 6 เดือนในการเตรียมตัวรับบท ทั้งฝึกศิลปะการต่อสู้และการซักซ้อมคาแรกเตอร์ที่ควรจะเป็น ในแต่ละวันในการถ่ายทำเขาใช้เวลากว่า 6 ชั่วโมงในการแต่งหน้า ก่อนเข้าฉาก และอีก 3 ชั่วโมงในการล้างเมคอัพ และภารกิจแรกๆ เป็นภารกิจสุดหินที่จะเป็นบททดสอบให้พวกเขาก็คือมารร้ายอย่าง ปีศาจกระดูกขาว (Baigujing) เจิ้งป๋อไช่ บอกว่า "เรามีวัตถุดิบที่ดีเยอะมาก เราต้องตัดสินใจว่าการเดินทางครั้งแรกที่เหล่าซุนหงอคงได้พบคืออะไร และเมื่อผมได้อ่านเรื่องราวของปีศาจกระดูกขาว ผมรู้ได้ทันทีเลยว่า นี่แหละคือตัวละครที่จะมาเป็นแบบทดสอบแรก บททดสอบที่ประกอบไปด้วยเรื่องราวของความไว้เนื้อเชื่อใจ เรื่องราวที่มีความแตกฉันท์กันระหว่างพวกพ้อง และกว่าที่พวกเขาจะสามัคคีกันได้ อาจจะสายเกินไปเสียแล้ว ปีศาจกระดูกขาว คือตัวร้ายแรกที่เราอยากให้พวกเขาได้พบ" เมื่อทีมงานและผู้กำกับตกลงกันได้ว่านี่คือตัวละครหลักที่พวกเขาต้องตามหา ในช่วงแรกทีมคัดเลือกนักแสดงมองไปที่นักแสดงหน้าใหม่ที่สวยมากพอที่จะมาทำให้ทั้งกลุ่มหลงเชื่อได้ แต่ท้ายสุดแล้วพวกเขาก็ไปจบลงที่ยอดนักแสดงมากประสบการณ์อย่าง กง ลี่ "เราอยากได้นักแสดงที่สามารถทำให้พระถังซัมจั๋งผู้ที่ปราดเปรื่อง ได้หลงเชื่อนางอย่างสนิทใจ และการที่จะได้นักแสดงที่ดีอย่างนั้นได้คงเป็นใครไปไม่ได้นอกจาก กง ลี่" กง ลี่ เป็นนักแสดงที่ยอมเยี่ยมและมีผลงานเป็นที่รู้จักของคนทั่วโลก อย่างภาพยนตร์เรื่อง Curse of Golden Flower และ Memoirs of a Geisha กง ลี่ เมื่อได้ทราบว่าเธอได้รับการติดต่อมาเพื่อมารับเล่นในภาพยนตร์เรื่อง The Monkey King 2 นี้เธอกล่าวว่า "ฉันรู้สึกดีใจมากที่พวกเขาติดต่อมา ฉันเองอยากเป็นส่วนหนึ่งของมหากาพย์เรื่องนี้" เธอยอมรับว่าเธอไม่ได้ดูภาคแรก เธอจึงไม่รู้เลยว่าเรื่องราวไปถึงไหน "ตอนที่พวกเขาโทรมาบอกว่า เขาอยากให้ฉันเล่นเป็นตัวร้ายตัวแรก ฉันก็ตกใจและสงสัยว่าหนังเรื่องนี้มีภาคก่อนแล้วไม่ใช่หรอ แต่พอพวกเขาอธิบายว่า นี่เป็นจุดเริ่มต้นของการเดินทางเพื่อไปอัญเชิญพระไตรปิฏก ฉันเลยเข้าใจ" กง ลี่ กล่าว บทที่เธอได้รับคือบท ปีศาจกระดูกขาว เป็นปีศาจที่มีอิทธิฤทธิ์ ที่จะสามารถแปลงกายเป็นใครก็ได้ โดยมีจุดประสงค์ที่จะกินเนื้อของพระถังซัมจั๋งเพราะนางเชื่อว่าจะทำให้นางเป็นอมตะได้ "ฉันตื่นเต้นมากที่จะได้รับบทนี้ เพราะมันมีความท้าทายสูงมากที่ฉันจะสามารถหลอกล่อใครให้เชื่อ ในขณะเดียวกันเธอก็ต้องระวังและวางแผนจัดการกับหงอคงด้วยเช่นกัน" ? เรื่องราวในตำนานไซอิ๋วที่เกี่ยวข้องกับปีศาจกระดูกขาว ปีศาจกระดูกขาว (Baigujing) เป็นปีศาจร้ายที่ต้องการจะกินเนื้อของพระถังซัมจั๋ง เพราะนางเชื่อว่าจะไม่แก่ ไม่ตาย นางจึงได้ออกอุบายด้วยการปลอมตัวเป็นสาวชาวบ้านและมอบผลไม้อาบยาพิษให้เขาและลูกศิษย์ทาน ด้วยพลังอันแกร่งกล้าของนางไม่มีใครสามารถจับได้ว่านางเป็นปีศาจร้าย ยกเว้น ซุนหงอคง เขาสามารถรับรู้ได้ว่านางคือปีศาจร้ายและปราบนางด้วยเอาการไม้ฟาดด้วยไม้ตะบองจนปางตาย หงอคงได้พยายามที่จะอธิบายว่านางเป็นใครแต่ก็ไม่มีใครเชื่อเขา พระถังซัมจั๋งเชื่อว่านางเป็นบริสุทธิ์และได้ทำการฝังร่างของนาง แต่นางได้รอดมาได้และฟื้นขึ้นมาจากหลุม เธอได้กลับมาอีกครั้ง ในรูปหญิงชราและหลอกพระถังซัมจั๋งว่า หญิงสาวที่ตายไปนั้นเป็นลูกของนาง แต่ซุนหงอคงจับผิดนางได้อีกครั้งและได้ฆ่านาง ครั้งนี้ทั้งกลุ่มโกรธซุนหงอคง แต่นางได้กลับมาอีกครั้ง ครั้งนี้นางปลอมตัวมาเป็นชายชรา แล้วอธิบายว่าผู้หญิง 2 นางที่ตายไปนั้นเป็นภรรยาและลูกสาวของเขา พระถังซัมจั๋งรู้สึกผิดต่อชายชรามาก แต่ซุนหงอคงกลับฆ่าเขาด้วยไม้ตะบองอีกครั้งและเผยธาตุแท้ให้เห็นร่างจริงๆ ว่านี่คือปีศาจกระดูกขาว แต่ตือโป๊ยก่ายบอกว่า เป็นเพราะหงอคงร่ายมนต์ให้เห็นเพื่อพระถังซัมจั๋งจะได้ถอดมงคลที่รัดอยู่บนหัวหงอคงออก พระถังซัมจั๋งโกรธมากและขับไล่หงอคงออกไป ภายหลังพระถังซัมจั๋ง, ตือโป๊ยก่ายและซัวเจ๋ง ได้ไปพบกับปีศาจตนใหม่ แต่พวกเขาไม่สามารถปราบปีศาจตนนั้นได้ ทำให้พวกเขาไม่มีทางเลือกนอกจากไปขอร้องให้ซุนหงอคงกลับมาเพื่อต่อสู้อีกครั้ง ?

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ