กรุงเทพฯ--18 ก.พ.--124 คอมมิวนิเคชั่นส
ค้าเหล็กไทยผู้ให้บริการเหล็กครบวงจร (TMT) พร้อมเทรด 18 กุมภานี้ ในหมวด "วัสดุก่อสร้าง" ด้านซีมิโก้ในฐานะที่ปรึกษาการเงินมั่นใจหุ้นบริษัทเป็นที่สนใจลงทุน
วันศุกร์ที่ 18 กุมภาพันธ์ 2548 - นายปานชัย พิพัฒนสกุล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ค้าเหล็กไทย จำกัด (มหาชน) ผู้ดำเนินธุรกิจหลักเป็นศูนย์บริการเหล็กครบวงจร โดยให้บริหารการผลิต แปรรูป ปรึกษา และจัดหาผลิตภัณฑ์เหล็ก เปิดเผยว่าจากการที่บริษัทได้ทำการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนแก่ประชาชนในราคา 5.95 บาท ไปเมื่อวันที่ 3-4 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมานั้น บัดนี้บริษัทได้รับอนุมัติให้เข้าทำการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในวันที่ 18 กุมภาพันธ์ ศกนี้ ในหมวด วัสดุก่อสร้าง ใช้ชื่อย่อในการซื้อขายหลักทรัพย์ว่า "TMT"
"บริษัทจะนำเงินจำนวน 505.75 ล้านบาทที่ได้จากการกระจายหุ้นครั้งนี้ไปขยายโครงการที่สองของโรงงานที่อำเภอวังน้อย และเพิ่มกำลังการผลิตเหล็กแผ่นตัดตามขนาดอีกประมาณ 190,000 ตันต่อปี ทั้งนี้ บริษัทได้วางแผนให้ศูนย์กระจายสินค้าที่อำเภอวังน้องเป็นศูนย์ต้นแบบในการพัฒนาศูนย์กระจายสินค้าเพิ่มเติมในภูมิภาคอื่นๆ อีกในอนาคต ซึ่งก่อนหน้านั้น บริษัทได้จัดตั้งศูนย์กระจายสินค้าและโรงงานที่อำเภอวังน้อย ตลอดจนเพิ่มสายการผลิตผลิตภัณฑ์ท่อเหล็กและเหล็กโครงสร้างรูปตัวซี ซึ่งได้ทดลองการผลิตเมื่อช่วงไตรมาส 4 ปี 2547 ที่ผ่านมา โดยปัจจุบันบริษัทมีกำลังการผลิตของศูนย์บริการเหล็กของโรงงานที่ถนนพระราม 3 กรุงเทพฯ ประมาณ 183,000 ตันต่อปี และที่โรงงานบนถนนพหลโยธิน อำเภอวังน้อย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา มีกำลังการผลิตท่อเหล็กดำ 37,000 ตันต่อปี และกำลังการผลิตเหล็กโครงหลังคา หรือรูปตัวซี 62,400 ตันต่อปี" นายปานชัยกล่าว
ขณะที่นักวิเคราะห์ให้ความเห็นถึงหุ้น TMT ดังต่อไปนี้บริษัทหลักทรัพย์ ซีมิโก้ จำกัด (มหาชน) ในฐานะแกนนำการจัดจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุนของค้าเหล็กไทย เชื่อมั่นว่าบริษัทเป็นศูนย์บริการเหล็กครบวงจรที่คาดว่าจะมีกำไรเติบโตร้อยละ 20 ต่อปี กล่าวคือจาก 325 ล้านบาทในปี 2547 เป็น 556 ล้านบาทในปี 2550 และคาดว่ายอดขายจะขยายตัวเฉลี่ยร้อยละ 18 ต่อปี จาก 5,350 ล้านบาทในปี 2547 เป็น 8,750 ล้านบาทในปี 2550 อีกทั้งบริษัทยังมีฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง ซึ่งบริษัทปลอดหนี้ระยะยาว ทั้งนี้คาดว่าอัตราส่วนหนี้สินสุทธิต่อทุนลดลงจาก 1.78 เท่า ณ สิ้นปี 2547 เป็น 0.40 เท่า ณ สิ้นปี 2549 ขณะที่ส่วนของผู้ถือหุ้นจะเพิ่มจาก 1.49 บาท/หุ้น ณ สิ้นปี 2547 เป็น 2.80 บาท ณ สิ้นปี 2548 และจะเติบโตเป็น 3.40 บาท ณ สิ้นปี 2549
นักวิเคราะห์จากบริษัทหลักทรัพย์ เอเซียพลัส จำกัด (มหาชน) ในฐานะผู้ร่วมจัดจำหน่ายและรับประกันการจัดจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัทระบุว่าฐานกำไรจากการดำเนินงานของบริษัทจะมีการขยายตัวเนื่องในระยะยาว โดยในปี 2548 และ 2549 จะมีการขยายตัวในอัตราร้อยละ 26 และ 23 ตามลำดับ และนอกจากนี้ผู้จองซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนจะได้รับเงินปันผลจากผลประกอบการปี 2547 ซึ่งคาดว่าจะจ่ายประมาณ 0.35-0.37 บาทต่อหุ้น
"จากการที่โครงสร้างธุรกิจที่มีองค์ประกอบทั้งธุรกิจศูนย์บริการเหล็ก และการแปรรูปเหล็ก ทำให้มีการกำหนด Fair Value ของหุ้น TMT ไว้บริเวณค่าเฉลี่ยของกลุ่มอุตสาหกรรมที่ P/E 9 เท่า ซึ่งที่บริเวณดังกล่าวจะทำให้มูลค่าหุ้นที่เหมาะสม ณ สิ้นปี 2548 อยู่ที่ 8.39 บาท"
ด้านบริษัทหลักทรัพย์ บีที จำกัด กล่าวว่า หนึ่งในผู้ร่วมจัดจำหน่ายและรับประกันการจัดจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัทผลการดำเนินงานของบริษัทเติบโตต่อเนื่องและดีขึ้นตามลำดับ กล่าวคือในปี 2546 บริษัทมีรายได้จากการจัดหาและแปรรูป 4,163 ล้านบาท กำไรสุทธิ 116 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 75 และร้อยละ 132 ตามลำดับ ขณะที่ผลประกอบการรอบ 9 เดือนปี 2547 มีรายได้จากการจัดหาและแปรรูป 4,098 ล้านบาท กำไรสุทธิ 248 ล้านบาท และคาดว่าในปี 2547 จะเพิ่มขึ้นร้อยละ 22 และร้อยละ 159 ตามลำดับ นอกจากนี้ยังได้ประมาณการปี 2548 ว่ารายได้และกำไรสุทธิเติบโตร้อยละ 29 และร้อยละ 15 กล่าวคือรายได้ 6,591 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 345 ล้านบาททั้งนี้ได้มีการกำหนดราคาที่เหมาะสมของ TMT อยู่ที่ 8.10 บาทต่อหุ้น โดยอิงที่ P/E 10 เท่า
นักวิเคราะห์จากบริษัทหลักทรัพย์ ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด หนึ่งในผู้ร่วมจัดจำหน่ายและรับประกันการจัดจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุนของ TMT กล่าวว่าได้ประเมินมูลค่าหุ้น TMT ตามปัจจัยพื้นฐานปี 2548 อยู่ที่ 8.40 บาท โดยอิงกับค่า P/E ที่ต่ำกว่าอัตราการเติบโตเฉลี่ยของกำไรสุทธิจากการดำเนินงานปกติปี 2548-2549 ที่ร้อยละ 20.8 ต่อปี
นายปานชัยกล่าวเพิ่มเติมถึงผลประกอบการไตรมาสสามปี 2547 ว่าบริษัทมียอดขายสุทธิเท่ากับ 1,338.55 ล้านบาท คิดเป็นกำไรสุทธิ 100.42 ล้านบาท และคิดเป็นอัตรากำไรสุทธิร้อยละ 7.48 และผลประกอบการของบริษัทรอบ 9 เดือน สิ้นสุด 30 กันยายน 2547 เท่ากับ 4,097.68 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิเท่ากับ 248.49 ล้านบาท คิดเป็นอัตรากำไรสุทธิร้อยละ 6.04 ทั้งนี้ ปัจจุบันบริษัทมีสินทรัพย์รวมทั้งสิ้น 1,843.59 ล้านบาท
"ผลประกอบการไตรมาสที่สามของปี 2547 นั้น บริษัทมีอัตรากำไรขั้นต้น และอัตรากำไรสุทธิเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับสองไตรมาสแรกของปี เนื่องจากการปรับขึ้นของราคา การบริหาร และจัดการสินค้าคงคลังอย่างมีประสิทธภาพ อีกทั้งความสามารถในการควบคุมค่าใช้จ่ายในการขาย และบริหาร ในส่วนของยอดขายสุทธิช่วง 9 เดือนแรกของปี 47 นั้นคิดเป็นร้อยละ 98.42 ของยอดขายสุทธิในปี 2546 ขณะที่กำไรสุทธิในรอบ 9 เดือนของบริษัทเพิ่มขึ้นเท่ากับ 2.15 เท่าของปี 2546" นายปานชัยกล่าว
นายโรเบิร์ต วิลเลี่ยม แม็คมิลเล็น กรรมการผู้อำนวยการ บริษัทหลักทรัพย์ ซีมิโก้ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า "ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายในการจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุนแก่ประชาชนทั่วไปและการนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ซีมิโก้เชื่อมั่นว่าด้วยปัจจัยพื้นฐานการเติบโตและความมั่นคงของฐานะทางการเงินของบริษัทนั้นจะเป็นปัจจัยที่ดึงดูดนักลงทุนระยะยาว นอกจากนี้การเพิ่มสายการผลิตขึ้นรูปเย็นของบริษัทจะสามารถเพิ่มยอดขายแลอัตรากำไรได้อย่างต่อเนื่องตามการขยายตัวอย่างมากของธุรกิจเหล็ก และที่ผ่านมานักลงทุนสถาบันได้แสดงความสนใจในหุ้นสามัญ ของ "TMT" เป็นอย่างมาก โดยจำนวนหุ้นที่นักลงทุนสถาบันเสนอจองซื้อนั้น มากกว่าจำนวนหุ้นที่บริษัทเสนอขายถึง 3 เท่า ซีมิโก้เชื่อมั่นว่าหุ้นของบริษัทจะเป็นหุ้นที่น่าลงทุนตัวหนึ่งในตลาดหลักทรัพย์ต่อไป"
อนึ่งบริษัท ค้าเหล็กไทย จำกัด (มหาชน) จดทะเบียนก่อตั้งเป็นบริษัทจำกัดเมื่อวันที่ 17 เมษายน 2535 ภายใต้ชื่อ "บริษัท ค้าเหล็กไทย จำกัด " ซึ่งก่อตั้งโดยกลุ่มครอบครัว ธรสารสมบัติ เพื่อดำเนินธุรกิจหลักเป็นศูนย์บริหารเหล็กครบวงจร โดยมีลักษณะการให้บริการการผลิต แปรรูป ปรึกษา และจัดหาผลิตภัณฑ์เหล็ก ด้วยการจัดรูปแบบของสินค้าให้ตรงความต้องการของลูกค้า
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมติดต่อ
คุณอินทิรา ใจอ่อนน้อม
หม่อมหลวงฉัตรามณี เกษมศรี
คุณศศิคนางค์ ศรีนวน
บริษัท 124 คอมมิวนิเคชั่นส จำกัด
โทร. 0-2662-2266--จบ--