กรุงเทพฯ--18 ม.ค.--IR PLUS
ASIAN เผยแนวโน้มธุรกิจไตรมาส 4/58 ยังเติบโตต่อเนื่อง คาดทั้งปีกำไรออกมาสวย 160 - 200 ล้าน บาท ขณะที่ยอดขายทั้งปี 58 ของบริษัทฯ คาดอยู่ที่ 8,000 ล้านบาท "สมศักดิ์ อมรรัตนชัยกุล" ซีอีโอ มั่นใจผลประกอบการกลับมาเทิร์นอะราวด์แน่นอน จากการปรับกลยุทธ์ทางธุรกิจเน้นผลิตภัณฑ์เพิ่มมูลค่า และอาหารสัตว์เลี้ยงแบบเปียก พร้อมแง้มแผนธุรกิจปี 59 ลุยหาพันธมิตรธุรกิจด้านอาหารสัตว์เลี้ยงแบบเปียกและธุรกิจเกี่ยวเนื่อง คาดเห็นความชัดเจนต้นปีนี้
นายสมศักดิ์ อมรรัตนชัยกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ห้องเย็นเอเชี่ยน ซีฟู้ด จำกัด (มหาชน) หรือ ASIAN ผู้ประกอบธุรกิจผลิตภัณฑ์อาหารทะเลแช่เยือกแข็ง ผลิตภัณฑ์ทูน่าบรรจุกระป๋อง ผลิตภัณฑ์อาหารสัตว์แบบเปียก (Wet Pet food) และผลิตภัณฑ์อาหารสัตว์น้ำ เปิดเผยถึง แนวโน้มการดำเนินธุรกิจในช่วงไตรมาส 4/58 ที่ผ่านมาโดยคาดว่าผลประกอบการของบริษัทฯจะมีการเติบโตอย่างต่อเนื่องจากไตร มาส 3/58 ที่สามารถพลิกกลับมามีกำไรได้ซึ่ง 9 เดือนที่ผ่านมา บริษัทฯ มีกำไร 132 ล้านบาท และคาดว่ายังสามารถทำกำไรได้ต่อเนื่องในไตรมาส 4/58 โดยที่ยอดขายรวมทั้งกลุ่มน่าจะแตะระดับ 8,000 ล้านบาท
ทั้งนี้ ผลประกอบการที่ปรับตัวดีขึ้นเป็นผลจากการปรับกลยุทธ์ทางธุรกิจ ด้วยการปรับปรุงกระบวนการผลิต ขยายกำลังการผลิตไปยังกลุ่มผลิตอาหารปลา ผลิตภัณฑ์เพิ่มมูลค่า และอาหารสัตว์เลี้ยงแบบเปียก ประกอบกับค่าเงินบาทที่อ่อนค่าลง ก็ส่งผลกระทบในทางบวกกับธุรกิจส่งออก โดยกลุ่มบริษัทเอเชี่ยน ตั้งเป้าจะสามารถมีผลกำไรสุทธิสำหรับปี 2558 ในระหว่าง 160-200 ล้านบาท
"ไตรมาส 4/58 เป็นอีกไตรมาสที่โดดเด่นของบริษัทฯ เริ่มเห็นผลชัดเจนจากการที่เราปรับกลยุทธ์จากที่เดิมเป็นแค่รับจ้างบรรจุ สินค้ามามุ่งเน้นด้านวิจัยและพัฒนาสินค้าร่วมกับคู่ค้าและ ผลิต สินค้าให้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งใน บจก. เอเชี่ยน อะไลอันซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล หนึ่งในบริษัทในเครือที่มียอดขายสูงที่สุดในกลุ่มตอนนี้ เราได้ลงทุนในเครื่องจักร ตลอดจนด้านการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ เพื่อขยายการผลิตไปในกลุ่มผลิตภัณฑ์อาหารสัตว์เลี้ยงแบบเปียก ซึ่งในปี 2558 บจก. เอเชี่ยน อะไลอันซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล สามารถเพิ่มสัดส่วนยอดขายในกลุ่มนี้ขึ้นมาอยู่ในราว 50 % ของยอดขายรวมของบริษัท นับเป็นการโตแบบก้าวกระโดด อีกหนึ่งธุรกิจที่มีการปรับตัว ก็คือบจก. เอเชี่ยน ฟีด ซึ่งเป็นธุรกิจอาหารสัตว์น้ำ โดยจุดเริ่มต้นมาจากการเกิดภาวะโรคตายด่วนในกุ้งเมื่อปี 2556 ผลผลิตกุ้งในประเทศลดลงจากราว 600,000 ตันต่อปี ลงมาเหลือแค่ราว 200,000 ตัน ซึ่งส่งผลกระทบมากต่อ ทั้งธุรกิจอาหารสัตว์น้ำและ ธุรกิจในกลุ่มอาหารทะเลแช่เยือกแข็ง จนเมื่อเราตัดสินใจลงทุนขยายการผลิต เพิ่มเครื่องจักรเพื่อผลิตผลิตภัณฑ์ในกลุ่มอาหารปลา ทำให้ยอดขายเพิ่มสูงขึ้น โดยการปรับตัวในหลาย ๆ ด้าน ส่งผลให้ผลประกอบการในปี 2558 ของทั้งกลุ่มเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ และในปี 2559 บริษัทฯ จะกลับมาเทิร์นอะราวด์ต่อเนื่อง" นายสมศักดิ์ กล่าว
สำหรับทิศทางธุรกิจในปี 2559 คาดว่าแนวโน้มผลประกอบการจะมีอัตราการเติบโตที่ดี เนื่องจากมีการคาดการณ์ว่าภาพรวมตลาดกุ้งมีผลผลิตมากขึ้น จากการที่เกษตรกรหันกลับมาเลี้ยงกุ้งเพิ่มขึ้น ซึ่งส่งผลดีต่อธุรกิจขายอาหารกุ้ง ตลอดจนเพิ่มยอดส่งออกสินค้าในกลุ่มผลิตภัณฑ์กุ้งแช่เยือกแข็ง ปัจจุบันกลุ่มบริษัทฯ อยู่ระหว่างการจัดทำแผนกลยุทธ์ โดยเน้นแผนทั้งในกลุ่มธุรกิจอาหารแช่เยือกแข็ง ทูน่าบรรจุกระป๋อง อาหารสัตว์แบบเปียก อาหารสัตว์น้ำ ตลอดจนการจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ในกลุ่มอาหารและผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับ ธุรกิจ ซึ่งคาดว่าจะเห็นความชัดเจนในปี 2559
"แผนธุรกิจในช่วง 3-5 ปีข้างหน้า บริษัทฯไม่ได้ปิดกั้นตัวเองในการหาโอกาสทางธุรกิจ ซึ่งเรากำลังมองพันธมิตรในธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจในปัจจุบันของเรา ขณะนี้อยู่ระหว่างการศึกษา ซึ่งมีทั้งในประเทศและต่างประเทศ คาดว่าภายในปี 59 น่าจะเห็นความชัดเจน" นายสมศักดิ์ กล่าว