กรุงเทพฯ--19 ม.ค.--บลจ.บัวหลวง
ท่ามกลางสังคมที่เจริญก้าวหน้าไปอย่างรวดเร็วและการแข่งขันที่สูง ยังมีมุมหนึ่งของสังคมที่มีชีวิตอยู่อย่างดิ้นรน ทุกข์ยาก ขาดแคลนทั้งสภาพความเป็นอยู่ ชีวิตครอบครัว และสภาพแวดล้อม
เด็กชายมารุต เนียมสวัสดิ์ หรือน้องพอส เด็กน้อยอายุเพียง 12 ปี ที่มีชีวิตอยู่อย่างลำบากและมีหัวใจที่ทุ่มเทให้กับปู่ที่ป่วยเป็นโรคชรา หอบและอัมพฤกษ์ แม้จะต้องขาดเรียนกี่วันก็ยอม เพียงแค่ขอให้ได้ดูแลปู่ที่ป่วยในวันที่ไม่มีใครดูแล ซึ่งจากการลงตรวจสอบพื้นที่ ณ ชุมชมพัฒนาการ และโรงเรียนวัดธัญญะผล คลอง 8 อ.ลำลูกกา จังหวัดปทุมธานี สถานที่พักและโรงเรียนของน้องพอส
ทีม CSR ของกองทุนบัวหลวงได้พบว่า น้องพอสเรียนอยู่ชั้น ป.6 พักหลังต้องขาดเรียนบ่อย เพราะต้องคอยดูแลปู่ที่ป่วยเป็นอัมพฤกษ์ และโรคหอบ ซึ่งอาศัยอยู่กันเพียงลำพัง 2 คน พ่อมีครอบครัวใหม่และมีลูกเล็ก พ่อทำงานรับจ้างขับรถส่งของอยู่ต่างจังหวัดจะกลับมาเยี่ยมเดือนละ 1 – 2 ครั้ง เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายในบ้านหลายปากท้อง ซึ่งก็ไม่เพียงพอขาดแคลนตลอดมา ขณะที่แม่ก็ไปมีครอบครัวใหม่เช่นกัน ส่วนปู่ต้องใส่ผ้าอ้อมผู้ใหญ่ตลอดเพราะขับถ่ายไม่ปกติ วันที่ปู่ป่วย น้องพอสต้องหยุดเรียนเป็นประจำเพื่อดูแล โดยระยะหลังสามารถมาโรงเรียนได้สัปดาห์ละ 1 – 2 วันเท่านั้น มีเพียงย่าซึ่งเป็นน้องสาวของปู่ที่อาศัยอยู่ใกล้กันแวะมาช่วยเหลือบ้าง เพราะฐานะยากจนเหมือนกัน ทำให้ครูประจำชั้นที่โรงเรียนสงสัยว่าขาดเรียนไปไหน เมื่อตามมาดูที่บ้านก็เข้าใจถึงสาเหตุ แต่หากดูผลการเรียนของน้องพอส 5 ปีย้อนหลังจนถึงปัจจุบัน (ปี 2553 - 2557) ก็ยังคงอยู่ในระดับดี เนื่องจากเป็นเด็กดี มีความขยันหมั่นเพียร ใฝ่เรียนรู้ อยากมีชีวิตที่ดีขึ้น
และเมื่อถามน้องพอสว่า "ต่อจากนี้ไป อยากเรียนต่อไหม? แล้วอยากทำอะไร อยากเป็นอะไรในอนาคต ?"
น้องพอส ตอบว่า "อยากเรียนต่อ อยากทำงานเป็นช่าง ให้ซ่อมอะไรก็ได้ที่จะมีรายได้มาใช้จ่ายดูแลปู่และดูแลตัวเอง ครับ"
ดังนั้น เพื่อให้น้องพอสได้มีโอกาสเรียนหนังสือและทำกิจกรรมร่วมกับทางโรงเรียนได้อย่างเต็มที่ (จากที่ทราบข้อมูล คือน้องพอสยังติดเงินกับทางโรงเรียน ค่าผ้าไทย AEC และชุดขาวสำหรับทำกิจกรรมพุทธบุตรทุกวันศุกร์ เนื่องจากทางบ้านยังไม่มีเงินมาชำระ) กองทุนบัวหลวง โดยคุณวรวรรณ ธาราภูมิ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร จึงพิจารณาให้การสนับสนุนด้านค่าใช้จ่ายเพื่อการศึกษาต่อเนื่อง ทั้งในขณะที่เรียนหนังสืออยู่ที่โรงเรียนธัญญะผลในช่วงเทอมสุดท้ายของป.6 รวมถึงโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาพัฒนาการ ปทุมธานี ที่น้องพอสจะเข้าเรียนต่อเนื่องจากระดับมัธยมศึกษาขั้นต้น ม.1 – 3 และ ม. 4 - 6/ ปวช. โดยค่าใช้จ่ายต่างๆ จะเป็นการส่งมอบผ่านโรงเรียนและให้อยู่ในความดูแลของผู้อำนวยการโรงเรียนและคุณครูประจำชั้น โดยจะมีการแจ้งรายการค่าใช้จ่าย และผลการเรียนให้กองทุนบัวหลวงสามารถติดตามและตรวจสอบได้สม่ำเสมอและต่อเนื่อง
ทั้งนี้ ในส่วนของการช่วยเหลือเรื่องการรักษาพยาบาลปู่และสภาพความเป็นอยู่ เมื่อมีผู้ทราบข่าวและนำเรื่องราวไปเผยแพร่ใน Social Media จึงเริ่มมีหน่วยงานต่างๆ เข้ามาให้ความช่วยเหลือเพิ่มเติม ทางภาครัฐได้ส่งเจ้าหน้าที่สาธารณสุขของอำเภอลำลูกกาเข้ามาดูแล และส่งรถพยาบาลมารับตัวเข้าไปตรวจที่โรงพยาบาลลำลูกกาตามวัน เวลาที่มีนัดตรวจ รวมถึงมีเจ้าหน้าที่เทศบาล และเจ้าหน้าที่ อสม. ลำลูกกา เข้ามาช่วยเหลือดูแล และได้ดำเนินการขึ้นทะเบียนผู้สูงอายุสำหรับการรับเบี้ยเลี้ยงผู้สูงอายุและทุพพลภาพให้ปู่ อีกทั้ง มีการมามอบรถเข็น ที่นอน พัดลม นม และเครื่องใช้จำเป็นต่าง ๆ สำหรับการช่วยเหลือเบื้องต้นของ ทีม CSR กองทุนบัวหลวง ได้มอบผ้าอ้อมผู้ใหญ่ กล่องเอนกประสงค์ ขนมปังปี๊บ และนม ให้กับน้องพอสและปู่ไว้แล้วเช่นกัน
นอกจากนี้ยังมีทหารช่างได้เข้ามาช่วยสร้างที่พักอาศัยให้ใหม่เพื่อปรับพื้นที่ใช้สอย และอำนวยความสะดวกในการใช้รถเข็นเคลื่อนย้ายปู่ได้สะดวกยิ่งขึ้น โดยได้รับความอนุเคราะห์ด้านวัสดุก่อสร้างจากผู้ใจดีใจบุญได้ร่วมกันหาทุน บอกบุญ ขอบริจาควัสดุอุปกรณ์การสร้างที่พักใหม่จากบริษัทห้างร้านต่าง ๆ เนื่องจากสภาพเดิมเป็นเพิงไม้ โดยผนังบ้านและหลังคาใช้ผ้าไวนิลป้ายโฆษณาขึงเป็นที่บังแดด บังฝน ไม่มีห้องน้ำห้องส้วม ดังนั้น เมื่อได้บ้านพักใหม่ที่มีความสะดวก มีพื้นที่ใช้สอยเพียงพอสำหรับปู่และน้องพอส และ มีพื้นที่ใช้เลื่อนรถเข็นสำหรับปู่ในการเดินทางไปพบหมอเมื่อมีการนัดตรวจอาการโรค จากสภาพความเป็นอยู่ในปัจจุบันที่ดีขึ้น น้องพอสจะลดความกังวงลใจในเรื่องดูแลอาการป่วยของปู่ และสามารถไปเรียนหนังสือได้เต็มเวลาอย่างเต็มที่มากขึ้น
สำหรับการช่วยเหลือน้องพอสนั้น กองทุนบัวหลวงเล็งเห็นถึงความสำคัญของเยาวชนของชาติที่จะเป็นหลักในอนาคต รวมถึงการที่น้องพอสมีความกตัญญูต่อผู้มีพระคุณ แม้ว่าในสภาพปัจจุบันยังมีเด็กอีกหลากหลายคนเช่นน้องพอส ที่ขาดการได้รับการดูแลอย่างเหมาะสมทั้งในด้านการศึกษาขั้นพื้นฐานและสภาพความเป็นอยู่ รวมถึงสภาพแวดล้อมที่ไม่เหมาะสม แต่จะมีเด็กกี่คนในวัยนี้ที่มีสำนึกในด้านความกตัญญูซึ่งเป็นเครื่องหมายของคนดี มีความพากเพียร ใฝ่รู้ ตั้งใจเรียนในระดับดีที่น่าพอใจ ดังนั้น กองทุนบัวหลวงจึงขอร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการพัฒนาเสาสำคัญหลักของชาติและส่งเสริมให้เด็กไทยคนนี้ เด็กชายมารุต เนียมสวัสดิ์ ซึ่งเป็นคนดีมีความกตัญญู ขยันหมั่นเพียร ให้มีอนาคตที่ดี ที่แข็งแกร่ง แข็งแรงทั้งกายใจ เป็นตัวอย่างกับเด็กคนอื่นๆ ในสังคมต่อไป ดังเช่นคำขวัญวันเด็ก ปี 2559 ของท่านนายกฯ คุณลุงตู่ คือ "เด็กดี...หมั่นเพียร...เรียนรู้...สู่อนาคต"