กรุงเทพฯ--19 ม.ค.--เจซีแอนด์โค พับลิครีเลชั่นส์
กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม(กสอ.) กระทรวงอุตสาหกรรม ชี้ญี่ปุ่นเตรียมลงทุนS-Curveเพิ่มในไทย พร้อมถ่ายทอดองค์ความรู้สู่ผู้ประกอบการเดินหน้าลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) ระหว่างกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (กสอ.) กับจังหวัดเอฮิเมะประเทศญี่ปุ่น คาดว่านำไปสู่การยกระดับอุตสาหกรรมของทั้ง2 ประเทศด้านอุตสาหกรรมการต่อเรือ สิ่งทอ กระดาษ เคมีภัณฑ์ ปิโตรเลียมและถ่านหิน อุตสาหกรรมเหล็กและเครื่องจักรอุตสาหกรรม เป็นต้นเพื่อรองรับการพัฒนาอุตสาหกรรมอนาคตของไทย (New S-curve)
นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวว่า กระทรวงอุตสาหกรรม เล็งเห็นถึงความสำคัญของการพัฒนาอุตสาหกรรมไทย และการสร้างอำนาจต่อรองทางเศรษฐกิจที่ซับซ้อนยิ่งขึ้นในอนาคต โดยการต่อยอดอุตสาหกรรมเดิมที่มีศักยภาพอยู่แล้ว ได้แก่ ยานยนต์สมัยใหม่ อิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะ การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ การเกษตรและเทคโนโลยีชีวภาพ และแปรรูปอาหาร และควบคู่ไปกับการพัฒนาอุตสาหกรรมอนาคต (NewS-curve)ได้แก่อุตสาหกรรมหุ่นยนต์ การบินและโลจิสติกส์ เชื้อเพลิงชีวภาพและเคมีชีวภาพดิจิทัลและการแพทย์ครบวงจร เพื่อให้ก้าวทันต่อกระแสการเปลี่ยนแปลงของเศรษฐกิจโลกซึ่งประเทศญี่ปุ่นมีบทบาทสำคัญต่ออุตสาหกรรมในประเทศไทยมาอย่างยาวนานและมีการลงทุนสูงถึงร้อยละ 40ของการลงทุนจากต่างประเทศทั้งหมดโดยปี 2557 พบว่าการลงทุนของผู้ประกอบการญี่ปุ่นในไทยมีมูลค่ารวมกว่า 1.5 แสนล้านบาทสำหรับการลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) ในวันนี้จึงนับเป็นความร่วมมือของทั้ง 2 ประเทศ ซึ่งจะส่งผลดีกับผู้ประกอบการของไทยที่จะได้เรียนรู้ด้านเทคโนโลยีของญี่ปุ่นและก่อให้เกิดการรวมกลุ่มของการลงทุน (Cluster)ที่สอดคล้องกับศักยภาพของพื้นที่ เพื่อพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขันของธุรกิจไทย โดยเพิ่มบทบาทของประเทศไทยในเวทีโลก และจะเร่งเปิดเจรจาความร่วมมือทางธุรกิจกันโดยเร็ว โดยเฉพาะกิจกรรมการจับคู่ทางธุรกิจ
ดร.สมชาย หาญหิรัญ อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม กล่าวเพิ่มเติมว่า จังหวัดเอฮิเมะมีความโดดเด่นด้านอุตสาหกรรมการต่อเรือ สิ่งทอ กระดาษ เคมีภัณฑ์ ปิโตรเลียมและถ่านหิน อุตสาหกรรมเหล็กและเครื่องจักรอุตสาหกรรมซึ่งการลงนามความร่วมมือเป็นหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระหว่างไทยกับจังหวัดเอฮิเมะในครั้งนี้จะเป็นการส่งเสริมและสนับสนุน อุตสาหกรรมขนาดกลางและขนาดย่อมของไทยให้ได้รับองค์ความรู้ในการบริหารธุรกิจและเทคโนโลยีที่ทันสมัยจากประเทศญี่ปุ่น และนับเป็นโอกาสอันดีที่ขณะนี้มีกลุ่มอุตสาหกรรมจากจังหวัดเอฮิเมะ ตัดสินใจเลือกลงทุนในประเทศไทยแล้วจำนวน 15 บริษัทได้แก่ เครื่องจักรกลการเกษตร อาหารแปรรูป พลาสติก และเคมีภัณฑ์ เป็นต้น ซึ่งมียอดลงทุนกว่า5,000 ล้านบาทรวมถึงยังมีผู้ประกอบการอีก 9 บริษัท สนใจร่วมกิจกรรมการจับคู่เจรจาธุรกิจ(BusinessMatching)อีกด้วย อย่างไรก็ตาม กรมส่งเสริมอุตสาหกรรมจะยังคงเน้นในการขยายความร่วมมือไปยังจังหวัด และเมืองอุตสาหกรรมที่สำคัญของญี่ปุ่นต่อไปโดยเฉพาะจังหวัดที่ให้ความสนใจและมีจุดเด่นในอุตสาหกรรมเป้าหมายของไทย
สำหรับผู้ประกอบการที่สนใจข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ ศูนย์ธุรกิจอุตสาหกรรม กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (กสอ.) สามารถสอบถามได้ที่ โทร.0 2202 4426-7 หรือเข้าไปที่ www.dip.go.th หรือwww.facebook.com/dip.pr