กรุงเทพฯ--21 ม.ค.--ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ร่วมกับสำนักงาน ก.ล.ต. พัฒนาระบบการจดทะเบียนหลักทรัพย์ผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ (Digital IPO) ครอบคลุมหลักทรัพย์ทั้งหุ้น IPO, IFF, REIT และ ETF เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการลูกค้าและระบบการทำงานรองรับการเข้ายุคดิจิทัลเต็มรูปแบบ เริ่มใช้งาน 25 ม.ค. 2559 เป็นต้นไป
นายสุภกิจ จิระประดิษฐกุล รองผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย กล่าวว่า ตลาดหลักทรัพย์ฯ ร่วมกับสำนักงาน ก.ล.ต. เพิ่มประสิทธิภาพการจดทะเบียนหลักทรัพย์ทุกประเภททั้งหุ้นสามัญของ บจ. ใหม่ (IPO) กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน (IFF) กองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (REIT) และกองทุนรวมอีทีเอฟ (ETF) ผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ (Digital IPO) เพื่อยกระดับมาตรฐานระบบงานให้มีความทันสมัยก้าวเข้าสู่ยุคดิจิทัลเต็มรูปแบบ พร้อมเริ่มใช้งานตั้งแต่วันที่ 25 มกราคม 2559 เป็นต้นไป
"การจดทะเบียนหลักทรัพย์ผ่าน Digital IPO ผู้ออกหลักทรัพย์สามารถยื่นคำขออนุญาตและเสนอขายหลักทรัพย์ต่อสำนักงานก.ล.ต. รวมถึงการยื่นคำขอให้ตลาดหลักทรัพย์ฯ รับหลักทรัพย์เป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนผ่านระบบดิจิทัลในรูปแบบ one stop services ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการจดทะเบียนหลักทรัพย์และเป็นการยกระดับการรับหลักทรัพย์สู่มาตรฐานสากล รวมทั้งลดภาระ บจ. ด้านงานเอกสารต่างๆ ทั้งนี้ ตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้จัดอบรมเพื่อเตรียมความพร้อมการใช้งานระบบดังกล่าวให้แก่ที่ปรึกษาทางการเงิน และบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนแล้ว" นายสุภกิจ กล่าว
ที่ผ่านมา ตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้พัฒนาระบบรับหลักทรัพย์ผ่านอิเล็กทรอนิกส์โดยเริ่มใช้กับใบสำคัญแสดงสิทธิอนุพันธ์ (derivative warrants: DW) เป็นหลักทรัพย์ประเภทแรกเมื่อปี 2555 ซึ่งสามารถลดระยะเวลาการอนุมัติ DW เข้าจดทะเบียนจาก 10 วันทำการ เหลือเพียง 2 วันทำการ และในปี 2557 ได้ขยายไปสู่หลักทรัพย์ประเภทหุ้นเพิ่มทุนและใบสำคัญแสดงสิทธิ (warrants) ซึ่งการพัฒนา Digital IPO ครั้งนี้ จะทำให้บริการจดทะเบียนหลักทรัพย์ผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ครอบคลุมตราสารทุนทุกประเภท