กรุงเทพฯ--21 ก.ย.--โคลัมเบีย ฟิคเจอร์ส
"ฟิล ทิปเป็ทท์เป็นคนที่เก่งที่สุดในการทำงานสายงานด้านนี้" ไรท์แมนกล่าวต่อ "เขาเป็นคนออกแบบตัวไดโนเสาร์ในหนัง Jurassic Park ออกแบบตัวแมลงต่างดาวใน Starship Troopers และจากผลงานทั้งสองเรื่องนั้นแสดงให้เห็นว่า เขาทำให้อากาศเปล่าๆตรงหน้ากลายมาเป็นตัวตนของสัตว์ประหลาดได้อย่างน่าอัศจรรย์"หลายเดือนก่อนหน้าที่การถ่ายทำจริงจะเริ่มเปิดกล้อง ทิปเป็ทท์และไรท์แมนได้ช่วยกันคิดสร้างสรรค์สิ่งมีชีวิตต่างดาวให้มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวแตกต่างจากหนังเรื่องอื่นๆ และต้องเป็นสิ่งมีชีวิตที่ดูน่าเชื่อถือตรงตามทฤษฎีวิวัฒนาการแพนสเพอร์เมีย (panspermia) พวกเขาต้องคิดจากพื้นฐานสิ่งมีชีวิตเซลล์เดียว ที่ค่อยๆวิวัฒนาการเป็นหลายเซลล์ เป็นสัตว์เลื้อยคลาน สัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำ สัตว์ปีก แล้วก็กลายมาเป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม"เป็นการผสมผสานให้ลงตัว" ทิปเป็ทท์ขยายความ "เราออกแบบสิ่งมีชีวิตเหล่านี้ให้แตกต่างกันไปนับร้อยๆแบบ บางครั้งสิ่งที่เราคิดขึ้นก็ถึงทางตันไม่สามารถวิวัฒนาการรูปร่างต่อไปได้อีก เราก็จะต้องรื้อทิ้ง คิดสร้างสรรค์กันใหม่ตั้งแต่ต้น จนกระทั่งเราได้รูปร่างลักษณะสิ่งมีชีวิตต่างดาวตามที่เราต้องการ การถ่ายทำจริงจึงจะเริ่มต้นขึ้นได้"
"ผมต้องใช้หัวคิดอย่างหนักในการทำงานร่วมกับฟิล" ไรท์แมนกล่าวต่อ "เขาค่อนข้างปลื้มบรรดาตัวประหลาดเหล่านั้น เขามักจะคิดไปเรื่อยๆว่าสิ่งมีชีวิตเหล่านั้นควรเป็นเช่นไร รูปร่างลักษณะหน้าตา ท่าทางการขยับเขยื้อน การตอบสนอง เขาคิดเลยเถิดถึงขั้นที่ว่าสิ่งที่เขาคิดขึ้นนั้นอาจจะมีตัวตนอยู่จริงก็เป็นได้"
กว่า 80 เปอร์เซนต์ของการทำเทคนิคสร้างภาพด้วยคอมพิวเตอร์ สร้างสรรค์ขึ้นโดยทีมงานจากทิปเป็ทท์สตูดิโอ พวกเขาเริ่มต้นจากการวาดภาพเสก็ตช์ ศิลปินจะค่อยๆออกแบบรูปทรงโครงร่างให้เป็นสามมิติด้วยคอมพิวเตอร์ดิจิตอล และจากนั้นก็จะกลายมาเป็นภาพอนิเมชั่น สิ่งมีชีวิตต่างดาวที่สร้างขึ้นโดยทีมงานทิปเป็ทท์สตูดิโอ มีหลากหลายสายพันธุ์ ตั้งแต่ แมงมุม, มังกรบิน, ต้นไม้ขยับได้, สิ่งมีชีวิตที่มีรูปร่างคล้ายสุนัข, สัตว์ปีกขนาดใหญ่, อมีบาขนาดยักษ์...
หลังจากที่เสร็จสิ้นงานออกแบบสร้างสรรค์ที่ทิปเป็ทท์สตูดิโอ ในส่วนของงานทำเทคนิคดิจิตอลอนิเมชั่นจะเป็นการร่วมมือกันระหว่างบริษัทพีดีไอ/ดรีมเวิร์คส์ กับบริษัทโซนี่พิคเจอร์ส์ อิมเมจเวิร์ค บริษัทพีดีไอ/ดรีมเวิร์คส์จะรับผิดชอบงานสร้างสรรค์เทคนิคภาพสะเก็ดดาวตกพุ่งชนโลก และภาพสิ่งมีชีวิตเซลล์เดียวที่ค่อยๆเพิ่มจำนวนเป็นหลายเซลล์ ซึ่งดูผ่านกล้องไมโครสโคป ขณะที่บริษัทโซนี่พิคเจอร์ส อิมเมจเวิร์คส์ จะรับหน้าที่สร้างภาพอนิเมชั่นสัตว์เลื้อยคลานตัวเล็กๆ ไปจนถึงสิ่งมีชีวิตต่างดาวที่วิวัฒนาการไปเป็นสัตว์ชั้นสูง
นอกจากงานด้านคอมพิวเตอร์ดิจิตอลแล้ว บริษัทอมัลกาแม็ท ไดนามิคส์ ก็จะมาช่วยในการทำเทคนิค 'เมคอัพ' บรรดาสิ่งมีชีวิตรูปร่างคล้ายคน รวมถึงการสร้างหุ่นโมเดลเอเลี่ยนที่ล้มตาย บริษัทเค.เอ็น.อี. เอฟเฟ็คท์กรุ๊ป จะมารับหน้าที่สร้างสิ่งมีชีวิตประกอบฉากอื่นๆ อาทิ พยาธิตัวแบนที่ตายแน่นิ่งอยู่กับที่ สัตว์ปีกกับสิ่งมีชีวิตรูปร่างคล้ายสุนัขที่ล้มตาย
แม้จะร่วมงานสร้างสรรค์เทคนิคมาตั้งแต่ต้น แต่สำหรับไรท์แมนแล้ว เขาก็ยังคงงุนงงประหลาดใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นอยู่ดี "ผมรู้สึกแปลกใจไปกับภาพอนิเมชั่นที่สมจริงสมจัง อันเกิดขึ้นจากเทคนิควิทยาการในปัจจุบัน มันน่าตื่นตาตื่นใจที่ได้เห็นสิ่งมีชีวิตขนาดยักษ์เดินผ่านไปผ่านมาบนจอภาพยนตร์ แถมมันยังสามารถแสดงโต้ตอบกับคนจริงๆได้อย่างเหลือเชื่อ ผมแทบไม่อยากเชื่อสายตาตัวเองที่ได้เห็นภาพมายาเช่นนั้นปรากฏขึ้นตรงหน้าเลยด้วยซ้ำ"
ฉากต่างๆในหนังเรื่องนี้ออกแบบสร้างขึ้นโดยผู้ออกแบบงานสร้าง เจ.ไมเคิล ริวา (J. Michael Riva) งานยากที่เป็นหัวใจสำคัญของหนังเรื่องนี้ คือการออบแบบสร้างอาณาบริเวณที่เป็นจุดที่สะเก็ดดาวตกพุ่งชนผิวโลก ซึ่งสถานที่บริเวณนั้นจะเปลี่ยนแปลงสภาพนิเวศวิทยาไปจากเดิมเพียงชั่วข้ามคืน นับตั้งแต่สิ่งมีชีวิตต่างดาวเริ่มต้นการวิวัฒนการ "เรื่องยากและท้าทายของเราก็คือ การวางคอนเซ็ปท์สภาพแวดล้อมให้ดูเป็นสภาพพื้นที่ต่างดาว และก็โชคร้ายเหลือเกินที่เราไม่เคยไปสถานที่แบบนั้นมาก่อน ทุกสิ่งทุกอย่างจึงต้องอาศัยจินตนการสร้างสรรค์ขึ้นใหม่ทั้งหมด การทำงานครั้งนี้ของเราได้รับแรงบันดาลใจมาจากภาพวาดของศิลปินแนวแฟนตาซีหลากหลายรูปแบบ" ฉากพี้นที่ขนาดมหึมานั้นสร้างขึ้นในโรงถ่ายขนาดใหญ่สองโรงถ่ายที่เรลีห์ แมนฮัตตัน บีช สตูดิโอ สภาพพื้นที่ที่เป็นจุดที่สะเก็ดดาวตกพุ่งเข้าชนจะค่อยๆเปลี่ยนแปลงไปในสี่ลักษณะใหญ่ๆ จากทะเลทรายร้อนระอุของดินแดนแถบอาริโซน่า กลายไปเป็นพื้นที่สีเขียวร่มครึ้มหลังจากที่สิ่งมีชีวิตต่างดาวได้ขยายพันธุ์วิวัฒนาการไปในชั่วข้ามคืนริวากับผู้ออกแบบเครื่องแต่งกาย แอ็กจี้ กิวราร์ด ร็อดเจอร์ส (Aggie Guerard Rodgers) ต้องร่วมกันคิดออกแบบให้ภาพของเครื่องแต่งกายที่ตัวละครสวมใส่ ไม่ขัดกับสภาพแวดล้อมโดยรวม เช่นเดียวกับผู้กำกับภาพ ไมเคิล แชปแมน (Michael Chapman) ที่ต้องทำงานใกล้ชิดกับผู้ออกแบบงานสร้าง เพื่อกำหมดมุมภาพและการจัดแสงให้สอดคล้องกับคอนเซ็ปท์ที่วางกันไว้ตั้งแต่ต้น
มีการสร้างกรีนเฮ้าส์เพื่อปรับทัศนียภาพบรรยากาศตามที่ทีมงาน - ไรท์แมน, ริวา และทีมงานผู้ออกแบบฉาก - ต้องการ ภายในนั้นจะมีต้นไม้ขนาดใหญ่หลากสายพันธุ์ 12 ต้น ต้นไม้ขนาดเล็กอีกกว่า 20 ชนิด มีการออกแบบวางของเล่นรูปสุนัขและแมวกว่า 3,000 ชิ้น, ลูกหิน 17,000 ลูก... ภายนอกโดมก่อสร้างกันที่เมืองเพจ, อาริโซน่า เพื่อใช้ในการถ่ายทำฉากระเบิดครั้งยิ่งใหญ่ ซึ่งเป็นการควบคุมโดยหัวหน้าทีมเทคนิค เบิร์ท ดัลตัน (Burt Dalton) และทีมงาน...การถ่ายทำฉากระเบิดในวันนั้นเป็นวันที่อากาศหนาวและมีลมแรง ซึ่งจากสภาพอากาศที่หนาวเย็นอาจทำให้เกิดอุบัติเหตุไม่คาดฝันขึ้นได้ และแรงลมจะส่งผลให้เกิดควันมาจับที่หน้ากล้องจนไม่สามารถเก็บภาพได้ตามต้องการ แต่ถึงอย่างไรการถ่ายทำวันนั้นก็ต้องดำเนินต่อไปไรท์แมนรู้ดีว่าอาจจะต้องมีการถ่ายทำฉากนั้นใหม่อีกครั้ง เขากับผู้กำกับภาพไมเคิล แชปแมนจึงสั่งให้ตั้งกล้อง 15 ตัวตามจุดต่างๆ เพื่อเก็บภาพการจุดระเบิด และก็โชคดีเหลือเกินที่กระแสลมสงบนิ่งก่อนที่ผู้กำกับไรท์แมนจะสั่ง "แอ๊คชั่น" เพียงไม่นาน และแล้วภาพการระเบิดอันสวยงามก็ได้รับการบันทึกไว้โดยสมบูรณ์ และก็ไม่ต้องถ่ายทำใหม่อย่างที่คาดการณ์กันไว้
"คุณรู้ไหม ผมน่ะชอบทำหนังที่มีเทคนิคใหญ่ๆ แต่สิ่งที่ผมให้ความสำคัญยิ่งกว่าก็คือตัวละคร" ไรท์แมนกล่าวสรุปปิดท้าย "อารมณ์ขันจะเกิดขึ้นจากท่าทางโต้ตอบของตัวละครที่มีต่อสิ่งที่ปรากฏขึ้นอย่างไม่คาดฝัน สิ่งที่ผมมักจะใส่ไว้ในหนังที่ผมทำ ก็คือการทำให้คนธรรมดาๆฝ่าฟันอุปสรรคนานับประการ จนกระทั่งกลายมาเป็นคนที่ประสบความสำเร็จในที่สุด ผมมักจะยึดประเด็นนี้เป็นหลักในหนังของผมแทบทุกเรื่อง รวมถึงเรื่อง Evolution นี้ด้วย พวกเขาเป็นคนกลุ่มหนึ่งที่ทำงานไปวันๆในท้องถิ่นห่างไกลในอาริโซน่า แต่แล้วครั้งหนึ่งในชีวิต พวกเขาก็ได้เจอะเจอกับเรื่องไม่คาดฝัน พวกเขาฝ่าฟันอุปสรรคนั้น จนกระทั่งประสบความสำเร็จได้ในที่สุด"
เกี่ยวกับนักแสดง
เดวิด ดูคอฟนี่ (David Duchovny) ผู้รับบทไอร่า
เขาเป็นที่รู้จักกันอย่างดีจากการรับบทนำในซีรี่ส์ที่ได้รับความนิยมมายาวนานชุด The X-Files บทบาทเจ้าหน้าที่โมลเดอร์ในซี่รี่ส์เรื่องนี้ ส่งให้เขาได้รับรางวัลลูกโลกทองคำนักแสดงนำชายยอดเยี่ยมสาขาซี่รี่ส์ดราม่า ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลเอ็มมี่สองครั้ง ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลลูกโลกทองคำสามครั้ง ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลจากสมาคมนักแสดง (SAG) ห้าครั้ง และได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลจากสมาคมนักแสดงร่วมกับนักแสดงคนอื่นๆ ในสาขานักแสดงกลุ่มยอดเยี่ยมอีกสองครั้ง ไม่เพียงเท่านั้น ดูคอฟนี่ยังได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลเอ็มมี่สาขานักแสดงรับเชิญยอดเยี่ยมในซีรี่ส์ตลก และได้รับรางวัล American Comedy Award จากการร่วมแสดงใน The Larry Sanders Show สำหรับผลงานภาพยนตร์ ดูคอฟนี่เพิ่งมีผลงานผ่านตาผู้ชมไปไม่นานนี้ ในหนังตลกโรแมนติคเรื่อง Return to Me ซึ่งเขานำแสดงคู่กับมินนี่ ไดร์เวอร์ กำกับภาพยนตร์โดยบอนนี่ย์ ฮันท์ ผลงานอื่นๆของเขา ได้แก่ X-Files- The Movies, หนังแอ๊คชั่นเขย่าขวัญ Playing God ซึ่งนำแสดงร่วมกับทิโมธี ฮัตตัน และแองเจลิน่า โจลี่
เขาได้รับคำวิจารณ์ในเชิงชื่นชมจากบทบาทการแสดงในหนังเรื่อง Kalifornia ซึ่งแสดงร่วมกับแบรด พิทท์ และจูเลียตต์ ลิววิส, The Rapture นำแสดงคู่กับมีมี่ โรเจอร์ส, Julia Has Two Lovers เป็นหนังที่เขารับบทที่ฉีกแนวออกไป เป็นผู้ชายขายบริการทางโทรศัพท์ นอกจากนี้ผลงานการแสดงในช่วงแรกๆของเขา มีอาทิ บทบาทตากล้องเจ้าประจำของชาร์ลี แชปลินที่ชื่อ...โรแลนด์ "รอลลี่ย์" โทเธอโร่ห์ ในหนังชีวประวัติชาร์ลี แชปลินเรื่อง Chaplin ซึ่งกำกับโดยริชาร์ด แอทเทนเบอร์โรห์, บทบาทยัปปี้หนุ่มที่เข้ามาเป็นสมาชิกใหม่ของครอบครัวชาร์ลส์ กรอดิน ในหนังเรื่อง Beethoven ซึ่งอำนวยการสร้างโดยไอวาน ไรท์แมน
สำหรับผลงานทางโทรทัศน์ ดูคอฟนี่ยังคงเป็นที่จดจำจากบทเจ้าหน้าที่เดนิส ไบร์สัน ในซีรี่ส์ที่ได้รับกล่าวขวัญถึงของเดวิด ลินช์ชุด Twin Peaks และรับบทเป็นตัวละครบรรยายเรื่องในซีรี่ส์อีโรติคผลงานของซัลแมน คิง ชุด Red Shoe Diaries นอกจากนั้น เดวิด ดูคอฟนี่ยังเคยทำงานหลังกล้อง ด้วยการรับหน้าที่เขียนบทและกำกับซีรี่ส์ The X-Files สองตอน
เขาเกิดและโตในกรุงนิวยอร์ค ดูคอฟนี่เข้าศึกษาต่อที่มหาวิทยาลัยพรินซ์ตัน สำเร็จการศึกษาสาขาวรรณกรรมอังกฤษจากมหาวิทยาลัยเยล และระหว่างที่เรียนในระดับปริญญาเอกนั้น เขาก็ผันตัวมาทำงานด้านการแสดงอย่างจริงจัง...ผลงานละครเวทีของเขา ได้แก่ The Copulating Machine of Venice, California และ Green Cockatoo
จูเลี่ยนน์ มัวร์ (Julianne Moore) ผู้รับบทอัลลิสัน
ผลงานล่าสุดของนักแสดงหญิงผู้นี้ คือบทบาทเจ้าหน้าที่เอฟบีไอแคลริซ สตาร์ลิ่ง ในหนังภาคต่อชื่อดังที่กำกับโดยริดลี่ย์ สก๊อตต์ เรื่อง Hannibal ซึ่งเป็นการแสดงประกบคู่กับนักแสดงฝีมือดีแอนโธนี่ ฮอปกิ้นส์ เธอเคยได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์สองครั้ง โดยครั้งแรกเป็นผลงานการกำกับของพอล โธมัส แอนเดอร์สัน เรื่อง Boogie Nights บทบาทในหนังเรื่องนี้ส่งให้เธอได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลลูกโลกทองคำ ได้เข้าชิงรางวัลสมาคมนักแสดง (SAG) สองสาขา คือสาขานักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยมและนักแสดงกลุ่มยอดเยี่ยม นอกจากนั้นบทของเธอในหนังเรื่องนี้ยังทำให้เธอได้รับรางวัลจากสถาบันนักวิจารณ์ในอเมริกาหลายสถาบัน
มัวร์ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์ครั้งที่สองจากหนังที่กำกับโดยนีล จอร์แดน เรื่อง The End of the Affair ซึ่งเธอแสดงนำคู่กับเรล์ฟ ไฟนน์ส บทบาทในหนังเรื่องนี้ส่งให้เธอได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลนักแสดงนำหญิงยอดเนี่ยมรางวัลลูกโลกทองคำ รางวัล SAG และรางวัล BAFTA รวมถึงในปีเดียวกันนั้นเอง เธอก็ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัล SAG สองสาขา (สาขานักแสดงสมทบหญิง และนักแสดงกลุ่ม) จากหนังที่กำกับโดยพอล โธมัส แอนเดอร์สัน เรื่อง Magnolia และเธอก็ยังได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลลูกโลกทองคำจากหนังเรื่อง An Ideal Husband ด้วยก่อนหน้านี้ เธอเคยได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัล Independent Spirit Awards สองครั้ง จากบทบาทการแสดงในหนังเรื่อง Safe และ Short Cuts เธอได้ร่วมงานกับผู้กำกับโรเบิร์ต อัลท์แมนอีกครั้งใน Cookie's Fortune ผลงานหนังอิสระของเธอเรื่องอื่นๆ ได้แก่ A Map of the World, The Big Lebowski, The Myth of Fingerprints, Surviving Picasso และ Vanya on 42nd Street มัวร์เคยร่วมงานกับสตีเว่น สปีลเบิร์กใน The Lost World: Jurassic Park และร่วมงานกับผู้กำกับกัส แวน แซนต์ใน Psycho ผลงานที่น่าสนใจอื่นๆของเธอ ได้แก่ Nine Months, Benny & Joon, The Fugitive, The Hand That Rocks the Cradle
สำหรับผลงานใหม่ๆต่อจากนี้ของเธอ มีอาทิ The Hours ที่แสดงคู่กับเมอรีล สตรีฟ และนิโคล คิดแมน, The Shipping News ที่แสดงคู่กับเควิน สเปซี่ย์ และเคท แบลนเช็ตต์, World Traveler แสดงคู่กับบิลลี่ ครัดอัพ
ออร์แลนโด้ โจนส์ (Orlando Jones) ผู้รับบทแฮร์รี่
ผลงานล่าสุดของเขาคือหนังตลกเรื่อง Say It Isn't So ที่เขาแสดงร่วมกับแซลลี่ ฟิลด์, เฮทเธอร์ แกรแฮม และคริส ไคล์น ผลงานในช่วงแรกๆของเขาได้แก่ Double Take แสดงคู่กับเอ็ดดี้ กริฟฟิน, The Replacements แสดงร่วมกับคีอานู รีฟส์ และยีน แฮ็คแมน, Bedazzled แสดงร่วมกับเบรนแดน เฟรเซอร์ และอลิซาเบ็ธ เฮอร์ลีย์, Liberty Heights, Office Space และ Sour Grapes เขาเกิดที่เมืองโมไบล์, อลาบาม่า เติบโตขึ้นในเมืองกรีนวิลล์, เซาธ์แคโรไลน่า โจนส์เริ่มเข้าสู่วงการมายาฮอลลีวู้ดในฐานะนักเขียนบทให้กับซิทคอมของ NBC เรื่อง A Different World และก็ได้ย้ายไปทำงานให้กับฟ็อกซ์ เทเลวิชั่น ด้วยการเขียนบท Roc Live, The Sinbad Show หลังจากทำงานในฐานะคนเขียนบทและอำนวยการสร้างมานานสี่ปีเต็ม โจนส์ก็ได้มาทำงานหน้ากล้องด้วยการร่วมแสดงเป็นหนึ่งในทีมดาราของรายการโชว์ชุด Mad TV ตามด้วย Sour Grapes
นอกจากผลงานทางการแสดงแล้ว โจนส์ยังคงทำงานเขียนบทและอำนวยการสร้างอยู่ต่อไป โดยผลงานล่าสุดของเขา ได้แก่ The Reverend Pimp Daddy, Sticky Fingers และ Redneck
ฌอนน์ วิลเลี่ยม สก๊อตต์ (Seann William Scott) ผู้รับบทเวย์น
ผลงานก่อนหน้านี้ที่เขาได้ทำงานร่วมกับไอวาน ไรท์แมน คือ Road Trip ซึ่งเขาได้ร่วมแสดงกับเบร็คคลิน เมเยอร์ และทอม กรีน - ไอวาน ไรท์แมนอำนวยการสร้าง
สก๊อตต์เริ่มงานแสดงภาพยนตร์ด้วยหนังวัยรุ่นชื่อดังเรื่อง American Pie ซึ่งเขารับบทเป็นสตีฟ สติฟเลอร์ และเขาก็จะกลับมารับบทเดิมนี้อีกครั้งในหนังภาคต่อ American Pie II ที่จะออกฉายช่วงฤดูร้อนนี้ นอกจากนั้น เขายังร่วมให้เสียงพากย์ในหนังเรื่อง Dr. Dolittle 2 ร่วมแสดงหนังตลกเรื่อง Jay and Silent Bob Strike Back ตามมาด้วยบทบาทในหนังชีวิตเรื่อง Stark Raving Mad หนังเรื่องนี้เป็นหนังอิสระที่อำนวยการสร้างโดย ลอว์เรนซ์ เบนเดอร์ และจอห์น บัลเด็คชี่
ผลงานภาพยนตร์ของสก๊อตต์ที่เพิ่งผ่านตาผู้ชมไปไม่นาน ได้แก่ หนังตลกวัยรุ่นเรื่อง Dude, Where's My Car? ซึ่งเขาแสดงนำคู่กับแอชตัน คัทเชอร์ และหนังระทึกขวัญตื่นเต้นเรื่อง Final Destination
เขาเติบโตขึ้นในเมืองคอตเตจ กรูฟ, มินเนโซต้า เขาใฝ่ฝันอยากจะเป็นนักแสดงมาตั้งแต่เด็ก โดยได้รับแรงบันดาลใจจากการได้ร่วมงานภาพยนตร์ในท้องถิ่น และดูหนังทุกเท่าที่จะหามาดูได้ หลังจากจบมัธยมเขาก็เดินทางมาลอส แองเจลิส เพื่อทำฝันให้เป็นความจริง
เกี่ยวกับผู้สร้าง
ไอวาน ไรท์แมน (IVAN REITMAN) ผู้กำกับภาพยนตร์และผู้อำนวยการสร้าง
เขาเป็นผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของหนังตลกมากมายตลอดชั่วระยะเวลาสองทศวรรษที่ผ่านมา ทั้งในฐานะผู้กำกับและผู้อำนวยการสร้าง หนังที่เขาดูแลรับผิดชอบทำเงินไปได้มากกว่า 2.5 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ เขาเป็นผู้ปั้นดาราชื่อดังประดับวงการมากมายผลงานภาพยนตร์ที่ไรท์แมนกำกับในยุคแรกๆ ได้แก่ Meatballs และ Stripes ซึ่งเป็นการทำให้บิลล์ เมอร์เร่ย์ได้รับความรู้จักในฐานะดาราชื่อดัง...ปี 1984 ไรท์แมนและเมอร์เร่ย์ได้ร่วมงานกันใน Ghostbusters หนังที่ประสบความสำเร็จมากเป็นประวัติการณ์ในช่วงนั้น หนังเรื่องนี้กำกับและอำนวยการสร้างโดยไรท์แมน นำแสดงโดยเมอร์เร่ย์, ซิเกอร์นี่ย์ วีเวอร์, แดน แอ็คคร็อยด์, ฮาโรลด์ รามิส, เออร์นี่ ฮัดสัน, ริค มอรานิส และในอีกห้าปีต่อจากนั้น ทีมงานทั้งหมดก็กลับมารวมตัวกันอีกครั้งในหนังภาคต่อ Ghostbusters II ซึ่งยังคงกำกับและอำนวยการสร้างโดยไรท์แมน เช่นเดิมผลงานอื่นๆที่เขากำกับและอำนวยการสร้าง ได้แก่ Twins ที่นำแสดงโดยอาร์โนลด์ ชวาร์เซเน็กเกอร์ และแดนนี่ เดอวีโต้...ไรท์แมนได้ร่วมงานกับอาร์โนลด์อีกสองครั้ง ในหนังตลกเรื่อง Kindergarten Cop และ Junior เขายังได้กำกับและอำนวยการสร้างหนังอย่าง Legal Eagles ที่นำแสดงโดยโรเบิร์ต เรดฟอรืด และดาริล ฮันน่าห์, Dave ที่แสดงนำโดยเควิน ไคล์น และซิเกอร์นี่ย์ วีเวอร์, Father's Day นำแสดงโดยโรบิน วิลเลี่ยมส์ และบิลลี่ คริสตัล, Six Days/Seven Nights นำแสดงโดยแฮร์ริสัน ฟอร์ด และแอนน์ เฮชหนังตลกเรื่องอื่นๆที่เขาอำนวยการสร้าง ได้แก่ National Lampoon's Animal House, Road Trip, Space Jam, Beethoven, Beethoven's 2nd , Private Parts
ไรท์แมนได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลเอ็มมี่จากการรับหน้าที่ผู้อำนวยการสร้างฝ่ายบริหารหนังที่เผยแพร่ทางโทรทัศน์ของ HBO เรื่อง The Late Shift ผลงานทางโทรทัศน์อื่นๆของเขา ได้แก่ Beethoven, The Real Ghostbusters เขายังเคยอำนวยการสร้างละครเวทีเรื่อง Spellbound, The Magic Show และ Merlin ซึ่งเรื่องหลังนี้เขาได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลโทนี่สาขา Best Musical และ Best Director.
ในปัจจุบัน ไรท์แมนมักจะทำงานร่วมกับทอม พอลล็อค ภายใต้การบริหารงานบริษัท Montecito Picture สร้างหนังให้กับบริษัทดรีมเวิร์คส์ อาทิ Evolution และเรื่องถัดไป Killing Me Softly ที่จะออกฉายปลายๆปี 2001
แดเนี่ยล โกลด์เบิร์ก (DANIEL GOLDBERG) ผู้อำนวยการสร้าง
เขาทำงานร่วมกับไอวาน ไรท์แมนมานานพอสมควร อาทิ Road Trip, Space Jam, Commandments และรับหน้าที่ผู้อำนวยการสร้างฝ่ายบริหารหนังเรื่อง Six Days/Seven Nights, Father's Day และ Private Parts พวกเขาร่วมงานกันมาตั้งแต่ โกลด์เบิร์กเขียนบทและอำนวยการสร้างหนังของไรท์แมน เรื่อง Stripes และ Meatballs ผลงานการเขียนบทของโกลด์เบิร์ก ได้แก่ Heavy Metal, Space Hunter: Adventures in the Forbidden Zone กำกับและเขียนบทหนังเรื่อง Feds เขาทำหน้าที่ผู้กำกับหน่วยสองในหนังเรื่อง Beethoven's 2nd, Junior
ผลงานทางโทรทัศน์ โกลด์เบิร์กร่วมอำนวยการสร้าง The Late Shift ซึ่งส่งให้เขาได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลเอ็มมี่ เขายังรับหน้าที่ผู้อำนวยการฝ่ายบริหารให้การ์ตูนเช้าวันเสาร์ชุด Beethoven และอนิเมชั่นซีรี่ส์ Mummies Alive
โจ เม็ดจั๊ค (JOE MEDJUCK) ผู้อำนวยการสร้าง
เขาร่วมอำนวยการสร้างหนังระทึกขวัญเรื่องใหม่กับไรท์แมนเรื่อง Killing Me Softly และก็เคยร่วมอำนวยการสร้างหนังเรื่อง Road Trip ภายใต้การบริหารงานของบริษัท Montecito Pictures
เม็ดจั๊คเคยเป็นอาจารย์สอนในมหาวิทยาลัยโตรอนโต้มานานกว่า 12 ปี ก่อนหน้าที่เขาจะมาร่วมงานกับไอวาน ไรท์แมนในช่วงต้นยุค 1970s เขาเคยเป็นผู้ช่วยผู้อำนวยการสร้างละครเพลงบรอดเวย์เรื่อง Merlin และก็ได้เป็นผู้ช่วยผู้อำนวยการสร้างหนังตลกของไรท์แมน อย่าง Stripes และ Ghostbusters เขารับหน้าที่ผู้อำนวยการสร้างฝ่ายบริหารให้กับหนังหลายเรื่อง อาทิ Legal Eagles, Twins, Ghostbusters II, Kindergarten Cop, Dave, Junior, Private Parts, Father's Day และ Six Days/Seven Nights เขารับหน้าที่อำนวยการสร้างหนังเรื่อง Big Shots, Beethoven, Beethoven's 2nd, Commandments, Space Jam
เม็ดจั๊คเคยได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลเอ็มมี่จากการร่วมอำนวยการสร้าง The Late Shift นอกจากนี้เขายังเคยรับหน้าที่ผู้อำนวยการสร้างฝ่ายบริหารรายการเด็ก The Real Ghostbusters, การ์ตูนช่วงเช้าวันเสาร์ชุด Beethoven และอนิเมชั่นซีรี่ส์ Mummies Alive
ดอน จาโคบี้ (DON JAKOBY) ผู้เขียนบทและเขียนเรื่อง
ก่อนหน้านี้เขาเคยเขียนบทและร่วมอำนวยการสร้างหนังสยองขวัญสั่นประสาทของจอห์น คาร์เพนเตอร์เรื่อง Vampires ซึ่งนำแสดงโดยเจมส์ วู้ด และแดเนี่ยล บาล์ดวิน ผลงานเขียนบทและอำนวยการสร้างหนังเรื่องอื่นๆของเขา ได้แก่ Double Team, Arachnophobia, Blue Thunder, Invaders From Mars และ Lifeforce รวมทั้งยังเป็นคนคิดโครงเรื่อง The Philadelphia Experiment
เดวิด ไดมอนด์ และเดวิด ไวสส์แมน (DAVID DIAMOND & DAVID WEISSMAN) ผู้เขียนบทภาพยนตร์
ก่อนหน้านี้ ทั้งสองเคยร่วมเขียนบทหนังเรื่อง The Family Man ซึ่งนำแสดงโดยนิโคลัส เคจ ทั้งสองเป็นเพื่อนสนิทกันมาตั้งแต่เรียนมัธยมที่ฟิลาเดลเฟีย ไดมอน์ดและไวสส์แมนร่วมกันเขียนบทมาตั้งแต่ปี 1992 ระหว่างนี้ทั้งสองมีโครงการพัฒนาบทภาพยนตร์ให้กับบริษัทสร้างหนังต่างๆอยู่อีกมากมาย
ทอม พอลล็อค (TOM POLLOCK) ผู้อำนวยการสร้างฝ่ายบริหาร
เขาทำงานกับไอวาน ไรท์แมนมานาน นับตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทสร้างหนัง Montecito Picture ร่วมกัน พอลล็อครับหน้าที่เป็นผู้อำนวยการสร้างฝ่ายบริหารให้กับหนัง อย่าง Road Trip, Killing Me Softly นำแสดงโดยเฮทเธอร์ แกรแฮม และโจเซฟ ไฟนส์ ซึ่งจะเข้าฉายปลายปี 2001พอลล็อคเข้าสู่วงการบันเทิงด้วยการเป็นทนายความฝีมือดีของธุรกิจบันเทิง ปี 1986 เขาได้รับเลือกให้เป็นประธาน MCA's Motion Picture Group, Universal Pictures และได้รับการเลื่อนขั้นขึ้นเป็นประธานกรรมการบริหารของ MCA ในปี 1995ระหว่างที่ดำรงตำแหน่ง เขาได้ดูแลบริหารงานสร้างภาพยนตร์กว่า 200 เรื่อง หนังทั้งหมดทำรายได้ไปกว่าหนึ่งหมื่นล้านเหรียญสหรัฐฯ อาทิ หนังรางวัลออสการ์ Schindler's List, Jurassic Park, Field of Dreams, Born on the Fourth of July, Scent of a Woman, In the Name of the Father, Apollo 13, Babe, The Flintstones, Back to the Future, Part II & Part III, Parenthood, Cape Fear, Twins, Casper, Backdraft, Beethoven, Do the Right Thing, Fried Green Tomatoes, Sneakers
เจฟฟ์ แอปเปิ้ล (JEFF APPLE) ผู้อำนวยการสร้างฝ่ายบริหาร
ผลงานก่อนหน้านี้ของเขา คือการอำนวยการสร้างหนังเรื่อง In the Line of Fire ที่นำแสดงโดยคลิ้นท์ อีสต์วู้ด และเรเน่ รุสโซ่, Zapped! และ Zapped Again! เขาดูแลการอำนวยการสร้างฝ่ายบริหารให้กับหนัง Where the Boys Are '84 เขาจบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยนิวยอร์คสาขาภาพยนตร์และโทรทัศน์ เขาเคยกำกับและอำนวยการสร้างภาพยนตร์โฆษณากว่า 1,500 ชิ้น และเป็นคนสร้างสรรค์รายการ The Shopping Channel
เดวิด ร็อดเจอร์ส (DAVID RODGERS) ผู้อำนวยการสร้างฝ่ายบริหาร
เขาทำงานอำนวยการสร้างหนังให้กับดอน จาโคบี้ มานานกว่าสองทศวรรษ อาทิหนังเรื่อง Blue Thunder, The Philadelphia Experiment, Lifeforce, Arachnophobia และ Vampires ร็อดเจอร์สยังเคยดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสร้างฝ่ายบริหารให้หนังเรื่อง Double Team ที่นำแสดงโดย ฌอง-คล็อด แวน แดมม์, เดนนิส ร็อดแมน และมิคกี้ รู้ค
พอล ดีสัน (PAUL DEASON) ผู้ร่วมอำนวยการสร้าง/ผู้จัดการกองถ่าย
เขาเคยผ่านงานร่วมอำนวยการสร้างหนังเรื่อง Thirteen Days, End of Days และ Small Soldiers เคยทำหน้าที่ผู้ช่วยผู้อำนวยการสร้างหนังอย่าง Amistad, Mars Attacks!, Congo และ Casper ผลงานที่เขาเป็นผู้จัดการกองถ่าย ได้แก่ Jurassic Park, Father of the Bride, The Flintstones และ Three Men and a Little Lady เขาเคยทำหน้าที่ผู้ช่วยผู้กำกับให้กับหนังเรื่อง The Big Picture, An Innocent Man และ Weeds
ไมเคิล แชปแมน (MICHAEL CHAPMAN) ผู้กำกับภาพ
ไมเคิลเคยได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์มาแล้วสองครั้ง จากหนังเรื่อง The Fugitive และ Raging Bull เขาได้ทำงานร่วมกับผู้กำกับสกอร์เซซีอีกครั้งใน Taxi Driver และเคยทำงานร่วมกับไอวาน ไรท์แมน มาก่อนในหนังเรื่อง Six Days/Seven Nights, Space Jam, Kindergarten Cop และ Ghostbusters II
ผลงานการกำกับภาพของแชปแมนเรื่องอื่นๆ ได้แก่ Primal Fear, Rising Sun, Doc Hollywood, Shoot to Kill, Scrooged, The Lost Boys, Personal Best, The Wanderers, Invasion of the Body Snatchers, The Front, The Last Detail และ White Dawn เขาเคยกำกับภาพยนตร์เรื่อง The Clan of the Cave Bear และ All the Right Moves
เจ. ไมเคิล ริวา (J. MICHAEL RIVA) ผู้ออกแบบงานสร้าง
เขาได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์สาขาการออกแบบงานสร้างยอดเยี่ยมจากหนังที่กำกับโดยสตีเว่น สปีลเบิร์ก เรื่อง The Color Purple และเคยร่วมงานกับผู้กำกับไอวาน ไรท์แมนมาก่อน ในหนังเรื่อง Six Days/Seven Nights และ Dave ผลงานล่าสุดของเขาเมื่อเร็วๆนี้ ได้แก่ Charlie's Angels และภาพยนตร์ทางโทรทัศน์เรื่อง Tuesdays With Morrie ผลงานเรื่องอื่นๆของเขา ได้แก่ Lethal Weapon, Lethal Weapon ภาค 2 และภาค 4, Hard Rain, Congo, A Few Good Men, Tango & Cash, Scrooged, The Golden Child, The Slugger's Wife, The Goonies, The Adventures of Buckaroo Banzai, Bad Boys, Halloween II, Ordinary People
เชลดอน คาห์น (SHELDON KAHN) ผู้ลำดับภาพ/ผู้ช่วยผู้อำนวยการสร้าง
เขาเคยได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลลำดับภาพยอดเยี่ยมจาก One Flew Over the Cuckoo's Nest ได้รับรางวัล BAFTA จากหนังเรื่อง Out of Africa เขาเคยร่วมงานกับผู้กำกับไอวาน ไรท์แมนในหนังเรื่อง Ghostbusters, Twins, Ghostbusters II, Dave, Kindergarten Cop, Junior, Father's Day, Six Days/Seven Nights รวมถึงหนังที่ไอวาน ไรท์แมนอำนวยการสร้าง อย่าง Road Trip, Space Jam, Beethoven, Beethoven's 2nd, Casual Sex? และ Legal Eagles
ผลงานการลำดับภาพของคาห์นเมื่อเร็วๆนี้ ได้แก่ Proof of Life ผลงานเรื่องอื่นๆของเขามีอาทิ La Bamba, Unfaithfully Yours, Absence of Malice, Private Benjamin, The Electric Horseman และ Same Time, Next Year นอกจากนั้น เขายังร่วมอำนวยการสร้างหนังเรื่อง Six Days/Seven Nights, Space Jam, Road Trip, Father's Day, Junior, Beethoven, Beethoven's 2nd, Kindergarten Cop, Ghostbusters II, Twins และ Legal Eagles
เวนดี้ กรีน บริคม้อนท์ (WENDY GREENE BRICMONT) ผู้ลำดับภาพ
เธอทำงานลำดับภาพร่วมกับเชลดอน คาห์น มาตั้งแต่ Six Days/Seven Nights, Father's Day, Junior และ Kindergarten Cop บริคมอนท์เคยได้รับรางวัล BAFTA ลำดับภาพยอดเยี่ยมจากหนังที่กำกับโดยวู้ดดี้ อัลเลน เรื่อง Annie Hall (ทำงานร่วมกับราล์ฟ โรเซนบลูม)ผลงานภาพยนตร์ที่เธอลำดับภาพ มีอาทิ My First Mister, Light It Up, The Rich Man's Wife, My Girl, My Girl 2, Race the Sun, Calendar Girl, License to Drive, Surrender และ The Clan of the Cave Bear ผลงานทางโทรทัศน์ ได้แก่ Perfect Witness, Amazing Stories
ฟิล ทิปเป็ทท์ (PHIL TIPPETT) ผู้ดูแลการทำเทคนิคพิเศษ
เขาได้รับรางวัลออสการ์มาแล้วสองครั้ง จากหนังเรื่อง Return of the Jedi และ Jurassic Park เขาได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์สาขาเทคนิคพิเศษด้านภาพยอดเยี่ยม จากหนังเรื่อง Starship Troopers, Dragonheart, Willow และ Dragonslayer ได้รับรางวัลเอ็มมี่จาก The Ewok Adventure ผลงานล่าสุดที่ผ่านมาของทิปเป็ทท์ ได้แก่ The Haunting และ My Favorite Martian ทิปเป็ทท์เป็นอนิเมเตอร์ฝีมือดีที่ได้รับการว่าจ้างให้มาร่วมงานกับจอร์จ ลูคัส ทำหนัง Star Wars เขาเป็นผู้ร่วมสร้างสรรค์ฉากเล่นหมากรุกด้วยภาพโฮโลแกรมระหว่างหุ่นอาร์ทู-ดีทู กับชิวแบ็คก้า สองปีถัดมาเขาก็ได้ร่วมงานกับบริษัท ILM ทำเทคนิคในหนังเรื่อง The Empire Strikes Back ปี 1983 ทิปเป็ทท์ก็ได้เป็นหัวหน้าฝ่ายออกแบบสร้างสรรค์ของลูคัสฟิล์ม ผลงานใน Return of the Jedi ส่งให้เขาได้รับรางวัลออสการ์มาครอง หลังจากตั้งบริษัทของตนเอง - ทิปเป็ทท์สตูดิโอ เขาก็ได้สร้างงานคุณภาพมากมาย อาทิ งานเทคนิคในหนังเรื่อง RoboCop ทั้งสามภาค, Practical Magic, Virus, Armageddon, Bicentennial Man, Mission to Mars และ Hollow Man ที่ส่งให้เขาได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์สาขาเทคนิคด้านภาพยอดเยี่ยมอีกครั้ง
จอห์น โพเวลล์ (JOHN POWELL) ผู้ประพันธ์ดนตรีประกอบ
เขาเคยร่วมงานกับบริษัทดรีมเวิร์คส์มาก่อนหน้านี้ในหนังเรื่อง Forces of Nature และได้ร่วมงานกับแฮร์รี่ เกร็กสัน-วิลเลี่ยมส์ ทำดนตรีประกอบหนังอนิเมชั่นเรื่อง Shrek, Chicken Run และ Antz เขาร่วมงานกับฮัน ซิมเมอร์ ทำดนตรีประกอบหนังอนิเมชั่นเรื่อง The Road to El Dorado
โพเวลล์เริ่มเป็นที่รู้จักจากการทำดนตรีประกอบหนังของจอห์น วู เรื่อง Face/Off และได้ร่วมทำดนตรีให้กับกีฬาโอลิมปิคในธีม "Endurance" ผลงานอื่นๆของเขา ได้แก่ With Friends Like These, Just Visiting และที่จะตามมาได้แก่ Pluto Nash, Eye See You เขาเป็นคนอังกฤษโดยกำเนิด โพเวลล์จบการศึกษาด้านดนตรีจากวิทยาลัยทรินิตี้ กรุงลอนดอน ปี 1988 เขาได้ทำดนตรีประกอบชิ้นงานโฆษณา Air-Edel และก็ได้ร่วมทำดนตรีประกอบภาพยนตร์เรื่อง Into the West, White Fang หลังจากที่ย้ายมาอเมริกาโพเวลล์ก็ได้ทำดนตรีประกอบรายการซีรี่ส์ของดรีมเวิร์คส์ชุด High Incident และ For the People ก่อนที่จะได้มาร่วมงานกับสตีเฟ่น ชวาร์ทซ์ ทำดนตรีประกอบอนิเมชั่นเรื่อง The Prince of Egypt-- จบ--
-อน-