กรุงเทพฯ--27 ม.ค.--Thaiware
การฟังเพลงก็เปรียบเหมือนกับการสร้างสุนทรีย์ให้กับชีวิตที่สามารถปรับเปลี่ยนอารมณ์และความรู้สึกให้กับผู้ฟังได้อย่างดีเยี่ยม สำหรับผู้ที่หลงใหลในการฟังเพลงแล้วไม่ว่าจะเป็นเพลงแนวไหนหรือเพลงอะไรก็ตามสิ่งสำคัญที่สุดในการฟังเพลงคงหนีไม่พ้นในเรื่องคุณภาพของเสียงเพลง ซึ่งเครื่องเล่นแต่ละชนิดที่ใช้เปิดเพลง ไม่ว่าจะเป็นเครื่องเล่นแบบพกพา หรือเครื่องเสียงขนาดใหญ่ รวมถึงอุปกรณ์ต่างๆ ที่ใช้ในการฟังเพลงอย่างลำโพง และหูฟังก็ล้วนแล้วแต่เป็นปัจจัยสำคัญที่มีผลต่อระบบของเสียงหากได้ลองฟังเพลงเดียวกันที่เปิดผ่านอุปกรณ์ที่แตกต่างกันก็ให้ความรู้สึกของเพลงที่ไม่เหมือนกันได้
ดังนั้นหลังจากที่เคยนำเสนอถึงเรื่องประเภทของไฟล์เสียงต่างๆ ไปแล้วในThaiware Infographic ฉบับที่ 28คราวนี้ทางไทยแวร์จึงได้ทำInfographic ฉบับที่ 30ขึ้นมาเพื่อให้เพื่อนๆรู้จักกับระบบเสียงในการฟังเพลงกันมากขึ้นเกี่ยวกับรูปแบบการใช้งานของเครื่องเล่นเพลงแต่ละประเภทและระบบเสียงต่างๆ ของลำโพง รวมถึงหูฟังทั้ง 3 แบบอย่าง Earbud, In-Ear และ Headphone ว่าแต่ละแบบนั้นจะมีคุณภาพของเสียงและการใช้งานที่แตกต่างกันอย่างไรบ้าง พร้อมทั้งระบบของDAC และ AMP ที่เป็นตัวแปรสำคัญของคุณภาพเสียงลองมาชมกันได้เลย
รูปแบบการใช้งานของเครื่องเล่นเพลงแต่ละประเภทนั้นหลักๆ จะแบ่งออกเป็น 3 แบบ
เครื่องเล่นแบบพกพาที่มีขนาดเล็กสามารถฟังเพลงต่างๆ ได้ทุกที่ทุกเวลาพกพาได้สะดวก โดยส่วนมากแล้วจะเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ประเภทหูฟัง
เครื่องเล่นเสียงขนาดใหญ่ที่เป็นเครื่องเล่นสเตอริโอ ที่ให้คุณภาพเสียงที่ดีเยี่ยม สามารถปรับแต่งรูปแบบของเสียงได้ และขับเสียงได้อย่างละเอียด
เครื่องคอมพิวเตอร์ทั่วๆ ไปก็เป็นอีกหนึ่งอุปกรณ์ที่หลายคนนิยม นำมาทำเป็นเครื่องเล่นเพลง ซึ่งจำเป็นต้องอาศัยอุปกรณ์เสริมอย่าง Sound Card , DAC และ Amp เพื่อช่วยให้คุณภาพเสียงเพลงดีขึ้น
ในส่วนของระบบของอุปกรณ์หูฟังจะแบ่งออกเป็น3 แบบคือ Earbud, In-Ear และ Headphone โดยที่แต่ละแบบนั้นจะมีรูปแบบการใช้งาน ราคา และคุณภาพของเสียงที่แตกต่างกัน ดังนี้
Earbudที่เป็นหูฟังขนาดเล็ก ราคาไม่แพง นิยมใช้กันอย่างแพร่หลาย แต่จะมีเสียงรบกวนจากภายนอกเยอะที่สุด และมีคุณภาพเสียงอยู่ในระดับที่ไม่ค่อยดีนัก
In-Earนั้น จะเป็นหูฟังขนาดเล็ก ที่สามารถตัดเสียงรบกวนภายนอกได้ดี มีคุณภาพเสียงที่ดีเยี่ยม และมีราคาที่สูงมาก
Headphoneเป็นหูฟังขนาดใหญ่ที่สามารถตัดเสียงรบกวนภายนอกได้อย่างมีประสิทธิภาพ และให้คุณภาพเสียงที่ดีที่สุด มีราคาค่อนข้างสูง แต่จะถูกกว่า In-Ear ในคุณภาพที่พอๆ กัน
นอกจากนี้แล้ว ตัวแปรสำคัญที่มีผลต่อคุณภาพของเสียงนั้นจะมี DAC ที่เป็นตัวแปลงสัญญาณของเสียงในรูปแบบของดิจิตอลไปเป็น Analog และ AMP (Amplifier) ที่ทำหน้าที่เป็นตัวขยายเสียงเพิ่มระดับคุณภาพของเสียงให้ดียิ่งขึ้น
http://newsletter.thaiware.com/images/infographic/2016/issue30.jpg