กรุงเทพฯ--20 มิ.ย.--อินคริสซ์ เน็ทเวิร์ค
@ ชี้ภาคเอกชนต้องมีวิสัยทัศน์-พร้อมสู่การแข่งขันอย่างมีคุณภาพ
BVQI ร่วมระดมสมองกับผู้ประกอบการอุตสาหกรรมอาหารแปรรูปกว่า 100 ราย จัดสัมมนา HACCP พร้อมสะท้อนปัญหาจากการแข่งขันในตลาดโลก เผยผู้ประกอบการไทยต้องมีวิสัยทัศน์สามารถปรับตัวให้เข้ากับมาตรฐานเพื่อสร้างความมั่นคงให้กับองค์กร พร้อมสร้างอาวุธที่มีคุณภาพสำหรับการแข่งขันเสรี ทั้งการพัฒนาบุคคลากรที่ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ-มีวินัยและใช้ระบบมาตราฐานโลกมาเป็นแนวทางปฏิบัติงาน โดยเน้นการวิเคราะห์องค์กรอย่างต่อเนื่อง มั่นใจศักยภาพผู้ประกอบการไทยพร้อมสู่การแข่งขันตลาดโลกได้แน่
นายธนากร ไหวนิยม ผู้จัดการฝ่ายการตลาดแผนกรับรองมาตรฐาน บริษัท บูโรเวอริทัส(ประเทศไทย) จำกัด หรือ BVQI เปิดเผยว่า บริษัทได้จัดสัมมนาระบบมาตรฐาน HACCP มีผู้ประกอบการในธุรกิจอุตสาหกรรมอาหารแปรรูปหรือในสายงานที่เกี่ยวข้องร่วมสัมมนาประมาณกว่า 100 ราย โดยผู้ประกอบการดังกล่าวให้ความสนใจและต้องการปรับองค์กรให้เป็นองค์กรคุณภาพของสหัสวรรษใหม่ ที่เน้นการทำงานเป็นทีมอย่างมีคุณภาพ ภายใต้การนำของผู้นำที่มีวิสัยทัศน์ เพื่อเข้าสู่ระบบการผลิตตามมาตรฐานสากล ซึ่งถือเป็นต้นแบบในการสร้างสินค้าคุณภาพออกสู่ตลาดโลกและเป็นมาตรฐานที่สากลให้ความมั่นใจ ทั้งนี้เพื่อการแข่งขันในตลาดการค้าโลกอย่างมีคุณภาพสูงสุดแม้ว่ามาตรฐานสากลเช่นมาตรฐาน HACCP จะยังไม่ถูกบังคับใช้อย่างเป็นทางการ ปัจจุบันธุรกิจอาหารสำเร็จรูปส่งออกของไทยสร้างรายได้ให้กับประเทศจำนวนมหาศาล เชื่อว่าการปรับตัวของผู้ประกอบการในธุรกิจนี้จะส่งผลดีต่อภาพพจน์ของธุรกิจโดยร่วมและนำรายได้สู่ประเทศมากยิ่งขึ้น
นายธนากรกล่าวถึงระบบมาตรฐาน HACCP ว่า มาตรฐาน HACCP หรือ Hazard Analizly Critical Control Piont คือการวิเคราะห์จุดวิกฤตย์หรืออันตรายในขบวนการผลิต เป็นระบบมาตรฐานที่เกิดขึ้นจากความต้องการสร้างมาตรฐานในการผลิตอาหารสำเร็จรูปที่ผลิตโดยผู้ผลิตทั่วไปให้มีความปลอดภัยสูงสุดในระดับมาตรฐานเดี่ยวกัน เนื่องการผลิตอาหารแปรรูปนั้นผลิตเพื่อให้คนบริโภคในลักษณะอาหารพร้อมบริโภคและต้องบรรจุในภาชนะปิดสนิท ควรมีอายุการจัดเก็บได้ไม่น้อยกว่า 6 เดือนจนถึง 5 ปี ซึ่งระยะเวลาในการจัดเก็บนานๆ จะทำให้ผู้ซื้อมั่นใจได้อย่างไรว่า อาหารสำเร็จรูปที่ตนเองซื้อไปบริโภคจะมีความปลอดภัยและไม่มีผลข้างเคียงเวลาที่บริโภคไปแล้ว การนำระบบมาตรฐาน HACCP มาใช้ในกระบวนการผลิต เมื่อผ่านการรับรองจากผู้ให้มาตรฐานจะเป็นเหมือนเกียรติบัตรสำคัญที่ทำให้เกิดความเชื่อถือในตลาดโลก ผู้ซื้อจากต่างประเทศจะมีความมั่นใจในสินค้านั้นมากขึ้น ข้อกำหนดต่างๆ ที่นำมาใช้ในระบบ HACCP เป็นข้อกำหนดที่องค์การอนามัยโลก (WHO) นำมาประกาศใช้อย่างเป็นทางการตั้งแต่ปี 1983 โดยมีการทดสอบและทดลองใช้เพื่อให้เกิดความแน่ใจมาก่อนการประกาศใช้หลายปี ในปัจจุบันประเทศสหรัฐอเมริกาได้นำมาตรฐาน HACCP มาบังคับใช้กับผู้ประกอบการธุรกิจอุตสาหกรรมอาหารแปรรูป หรือสำเร็จรูปบางกลุ่มโดยบังคับใช้กับผู้ผลิตภายในประเทศสหรัฐและบังคับใช้สำหรับสินค้าอาหารจากต่างประเทศที่จะส่งไปจำหน่ายยังสหรัฐด้วย ซึ่งในไม่ช้านี้สหรัฐจะนำมาตรฐาน HACCP มาบังคับใช้ในกลุ่มผู้ผลิตน้ำผลไม้ด้วย
"ระบบมาตรฐาน HACCP ส่งผลต่อความปลอดภัยของผู้บริโภคโดยตรง แต่ระบบมาตรฐาน HACCP มิได้มีประโยชน์สำหรับผู้บริโภคเพียงด้านเดียว สำหรับผู้ผลิตก็มีประโยชน์เนื่องจากระบบ HACCP สามารถลดความสูญเสียหรือของเสียในองค์กรได้ นอกจากนี้ยังสร้างโอกาสทางการขายที่เพิ่มขึ้น สร้างความน่าเชื่อถือให้กับคู่ค้าต่างประเทศ" นายธนากร กล่าวและว่าประโยชน์ที่ได้ระบบทั้งหมดนี้ล้วนเกี่ยวข้องกันทั้งสิ้น หากผู้ผลิตผลิตสินค้ามีคุณภาพก็สามารถสร้างรายได้ให้กับองค์กร พนักงานในองค์กรมีงานทำ ได้โบนัสเพิ่มจากกำไรของบริษัท ประเทศได้เงินตราต่างประเทศเพิ่มมากขึ้น เป็นผลดีที่เกิดขึ้นโดยร่วม ไม่ใช่เฉพาะส่วนใดส่วนหนึ่ง
สำหรับการจัดทำระบบ HACCP นั้นนายธนากรกล่าวว่า ระบบ HACCP เป็นระบบความปลอดภัยสำหรับอุตสาหกรรมอาหารเท่านั้น และไม่ใช่เรื่องยากที่จะพัฒนาองค์กรของตนเองให้ได้รับมาตรฐาน HACCP ทั้งนี้ผู้บริหารองค์กรต้องมีความมุ่งมั่นที่จะนำองค์กรเข้าสู่ระบบ HACCP อย่างแท้จริง ต้องมีการสร้างทีมงานที่มีความรับผิดชอบเข้ามาศึกษาระบบอย่างจริงจัง เมื่อทีมงานศึกษาระบบแล้วก็จะสามารถวิเคราะห์ได้ว่าองค์กรสามารถจัดทำระบบ HACCP ได้หรือไม่ หากจัดทำได้เองก็สามารถประชุมทีมงานและจัดทำระบบ HACCP ได้เลย แต่หากไม่สามารถจัดทำระบบได้เองก็สามารถจัดจ้างบริษัทที่ปรึกษามาแนะนำการจัดทำระบบได้ ซึ่งเมื่อจัดทำระบบเรียบร้อยแล้วก็สามารถเลือกผู้รับรองระบบมาตรฐานที่องค์กรต้องการ หลังจากทำการตรวจประเมินและผ่านการรองรับแล้ว ก็จะต้องมีการตรวจสอบระบบทุกๆ 6 เดือนเพื่อรักษาคุณภาพของระบบ สำหรับผู้ประกอบการอุตสาหกรรมอาหารหรืออาหารแปรรูปที่สนใจการจัดทำระบบมาตรฐาน HACCP สามารถสอบถามรายละเอียดและขอรับคำแนะนำได้ฟรีที่ BVQI ติดต่อโดยตรงที่คุณอังคณา โทร.670-0500 ทุกวันในเวลาทำการ ทาง BVQI ยินดีที่จะให้คำแนะนำ
บริษัท บูโรเวอริทัส(ประเทศไทย) จำกัด หรือ BVT คือบริษัทสาขาแห่งหนึ่งของบริษัท บูโร เวอริทัส SA ประเทศฝรั่งเศส ซึ่งมีบริษัทสาขาประจำอยู่ในประเทศต่างๆ ทั่วโลกถึง 580 สาขา โดยเริ่มก่อตั้งสาขาในประเทศไทยขึ้นเมื่อปี 1989 เพื่อให้บริการด้านต่างๆที่จะช่วยเสริมสร้างศักยภาพขององค์กรให้สามารถก้าวสู่การแข่งขันในโลกธุรกิจเสรีได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด การให้บริการของ BVT สามารถแบ่งได้เป็น 5 แผนก คือ แผนกเรือ (Marinc) แผนกอุตสาหกรรม (Industry) แผนกตรวจสอบสินค้า (Inspection) แผนกอาหาร (Food Division) และแผนกรับรองระบบมาตรฐาน (Certilication) เป็นแผนกที่กำลังมีบทบาทต่อการพัฒนาศักยภาพองค์กรของไทยอย่างสูง เนื่องจากแผนกรับรองมาตรฐานจะเป็นผู้ทำการตรวจประเมินเพื่อออกใบรับรองมาตรฐานหรือ Bureau Vcritas Quality International : BVQI ให้กับองค์กรต่างๆ เช่น มาตรฐานคุณภาพ ISO 9000, มาตรฐานการจัดการด้านสิ่งแวดล้อม ISO 14000, มาตรฐานการจัดการด้านสวัสดิการและสังคม SA 8000, มาตรฐานอุตสาหกรรมและชีวอนามัย HACCP, มาตรฐานอาหาร BRC, มาตรฐานอุตสาหกรรมยานยนต์ QS 9000 และ ISO/TS 16949 มาตรฐาน EN 46000 สำหรับเครื่องมือและเทคโนโลยีทางการแพทย์และมาตรฐานอุตสาหกรรมด้านอากาศยาน AS 9000 เป็นต้น โดยมาตรฐานซึ่งองค์กรได้รับจาก BVQI จะเป็นมาตรฐานที่ได้รับการรับรองจากสถาบันใน 28 ประเทศทั่วโลก ทั้งนี้เนื่องจาก BVQI ได้สร้างความเชื่อมั่นว่ามาตรฐานที่ผ่านการรับรองจาก BVQI คือการปฎิบัติตามมาตรฐานสากลอย่างแท้จริงและมีการตรวจประเมินหลังจากได้รับมาตรฐานนั้นๆแล้วอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันมาตรฐานของ BVQI จึงเป็นมาตรฐานเดียวที่ได้รับความเชื่อถือสูงที่สุด สำหรับผู้ที่สนใจสามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้จาก http://www.bvthailand.com
รายละเอียดข่าวเพิ่มเติมกรุณาติดต่อ จินตนา ตรีพิชิต ประชาสัมพันธ์ โทร 585-1841--จบ--
-นห-