กรุงเทพฯ--29 ม.ค.--คอร์ แอนด์ พีค
วิถีชีวิตของคนเมืองในปัจจุบันที่เต็มไปด้วยความเร่งรีบ จึงส่งผลให้ร่างกายเกิดความอ่อนแอ จากการไม่ใส่ใจสุขภาพ โดยคนส่วนใหญ่ละเลยจากการออกกำลังกาย การบริโภคอาหารที่ถูกสุขอนามัย และการพักผ่อนอย่างถูกวิธี และเมื่อเวลาผ่านไปโดยที่ไม่มีการดูแลตัวเองก็เกิดอาการไม่สบายขึ้น บางคนกลายแป็นโรคที่รักษายาก อาทิ โรคมะเร็ง โรคเบาหวาน โรคความดัน ฯลฯ จึงทำให้มีหลายหน่วยงานออกมารณรงค์ และประชาสัมพันธ์ให้คนเมืองในปัจจุบันหันมาใส่ใจสุขภาพเพิ่มมากขึ้น....
ซึ่งการรักษาในปัจจุบันมีมากมายหลายวิธี บางคนใช้การรักษาจากแพทย์แผนปัจจุบัน บางคนเลือกที่จะรักษาแพทย์ทางเลือก โดยเน้นวิธีการธรรมชาติบำบัด อย่างเช่น การนั่งสมาธิขั้นสูง "วิชาลมปราณเสี่ยวโจวเทียน" ย้อนวัย บำบัดโรค นั่นเอง
การนั่งสมาธิขั้นสูง "วิชาลมปราณเสี่ยวโจวเทียน" ย้อนวัย บำบัดโรค เป็นวิชานั่งสมาธิขั้นสูงของลัทธิเต๋า มีมาตั้งแต่โบราณของทางประเทศจีน เป็นการฝึกจิตใจให้แข็งแกร่งแล้ว ทำให้อวัยวะต่างๆ ในร่างกายแข็งแกร่งขึ้นเมื่อ ผู้ฝึกสามารถรู้ถึงความผิดปกติในร่างกายตามจุดที่ลมปราณเดินผ่าน นอกจากนี้มีคำกล่าวในตำราด้วยว่า ถ้าสำเร็จวิชานี้ในขั้นสูงจะทำให้กลับมาหนุ่มสาวอายุยืนมากกว่า 100 ปี โรคภัยไข้เจ็บที่ฝังอยู่ในร่างกาย ก็จะถูกพลังลมปราณจากการสำเร็จวิชานั่งสมาธิขั้นสูง "วิชาลมปราณเสี่ยวโจวเทียน" ขจัดได้หมดสิ้น ส่วนคน ที่ร่างกายปกติก็จะแข็งแรงเป็นทวีคุณ พลังชี่เพิ่มสูงขึ้น
การฝึกวิชานี้ ต้องมีความเข้าใจถึงลักษณะของลมปราณในร่างกาย เส้นทางเดินของลมปราณต้องสัมผัสได้ว่า ลมปราณภายในร่างกายนั้นแท้จริงเป็นอย่างไรและหากลมปราณภายในร่างกายนั้นมีอยู่จริงก็ต้องรับรู้ได้ว่าพลังที่เกิดขึ้นจากการไหลเวียนของกระแสลมปราณนั้นชัดเจน ซึ่งประโยชน์สูงสุดของการฝึกผ่านเสี่ยวโจวเทียนน คือการย้อนวัย สุขภาพจะกลับคืนความแข็งแรง ในช่วงเวลาการฝึกที่ดีที่สุด คือช่วงเวลา 5 ทุ่ม ถึงตี 1 เนื่องจากเป็นเวลาที่ชาวจีนนับเป็นยามแรกของวันที่พลังหยางเกิดขึ้นแทนพลังหยิน และจะทำให้ซี่เดินได้แรง ซึ่งในความเป็นจริงแล้วถ้าหากทำไม่ได้ตามเวลาที่กำหนด ก็ควรทำในเวลาที่เหมาะสม ขอเพียงมีความอดทนและความสม่ำเสมอในการฝึก เมื่อฝึกผ่านแล้วไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องเวลาอีกต่อไป
อย่างไรก็ตามการหมุนเวียนพลังลมปราณภายในร่างกาย หากเกิดขึ้นชัดเจนและสม่ำเสมอนั้น เป็นเพียงขั้นต้นๆ ของการฝึกพลังลมปราณเสี่ยวโจวเทียน ส่วนขั้นต่อๆ ไปของวิชาเป็นเรื่องของความสามารถของแต่ละบุคคลว่าจะสามารถเพียรพยายามฝึกฝนต่อไป ซึ่งการฝึกในขั้นสูงๆ จะทำให้ร่างกายเปลี่ยนแปลงได้อย่างมากมาย ซึ่งผู้คนในสมัยก่อน หลายๆ รุ่นจะมีความสนใจและเห็นประโยชน์อันมหาศาลใน "วิชาลมปราณเสี่ยว โจวเทียน" แม้ในปัจจุบัน อาจารย์หลายสำนัก หรือผู้ที่ใฝ่หา และศึกษาคัมภีร์โบราณของจีนได้ทำการเขียนวิชานี้ขึ้นเป็นตำรับตำรา มีการอธิบายฝึกวิชานี้อยู่ในหนังสือหลายเล่ม มีการระบุรายละเอียดไว้ทุกขั้นตอน แต่ที่น่าสนใจ ผู้ที่จะฝึกสำเร็จจริงๆ กลับมีไม่มาก
"วิชาลมปราณเสี่ยวโจวเทียน จึงเป็นวิชาที่สำคัญมากในสมัยโบราณเพราะจะสอนเฉพาะลูกศิษย์ภายในสำนักเท่านั้น บุคคลภายนอกจะไม่มีโอกาสเรียนรู้วิชานี้ และไม่ใช่ศิษย์ทุกคนที่จะมีโอกาสได้เรียนวิชาลมปราณเสี่ยวโจวเทียน อาจารย์จะคัดเลือกลูกศิษย์ที่มีความสามารถสูงไว้ใจได้ ซึ่งทำให้มีลูกศิษย์ที่ได้รับการถ่ายทอดวิชามีเพียงไม่กี่คน
รวมทั้งการถ่ายทอดวิชาลมปราณเสี่ยวโจวเทียน อาจารย์จะทำการถ่ายทอดด้วยคำพูด ไม่มีตำราให้อ่าน และการถ่ายทอดนั้นจะกระทำโดยตัวของอาจารย์เองกับศิษย์เพียงลำพังแบบตัวต่อตัวเท่านั้น และผู้ที่ถ่ายทอดวิชาลมปราณเสี่ยวโจวเทียน ในยุคปัจจุบันผู้หนึ่ง คือ อาจารย์หยาง เผยเซิน ผู้อำนวยการศูนย์ธรรมชาติบำบัดอาจารย์หยาง ได้รับการถ่ายทอดวิชานี้มาจาก อาจารย์อู๋อิงจาว เมื่อปี ค.ศ.1988 สำเร็จการศึกษาวิชาลมปราณเสี่ยวโจวเทียน 16 ขั้น เมื่อปี ค.ศ.1991 ได้ทำการถ่ายทอดวิชานี้ในประเทศไทย ปัจจุบันมีลูกศิษย์ที่สามารถฝึกผ่านวิชาเสี่ยวโจวเทียน 100 คน