กรุงเทพฯ--29 ม.ค.--IR PLUS
เจมาร์ท กรุ๊ป เปิดแผนธุรกิจปีวอก ผนึกกำลังบริษัทในเครือ นำจุดแข็งสร้างบริการที่ดีมอบให้ลูกค้า มั่นใจรายได้รวมทั้งกรุ๊ปปีนี้โตกว่า 30% ทะลุเป้าถึง 13,300 ลบ. ด้าน เจมาร์ท ช็อป พร้อมจัดเต็มสินค้า-บริการ รับการแข่งขันดุเดือดและการมาของเทคโนโลยี 4G
นายอดิศักดิ์ สุขุมวิทยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจ มาร์ท จำกัด (มหาชน) หรือ JMART เปิดเผยว่า ในปี 2559 นี้กลุ่มบริษัทเจมาร์ทได้วางแผนการดำเนินธุรกิจ ด้วยการผนึกกำลังของบริษัทในเครือที่มีความแข็งแกร่งด้านต่างๆ ดังนี้ เจมาร์ท ผู้นำทางด้านธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่ด้วย ช่องทางการจัดจำหน่ายกว่า 260 สาขา, บริษัท เจเอ็มที เน็ทเวอร์ค เซอร์วิสเซ็ส จำกัด (มหาชน) ผู้นำทางด้านบริหารหนี้สิน และธุรกิจสินเชื่อ, บริษัท เจเอเอส แอสเซ็ท จำกัด (มหาชน) ผู้นำด้านการบริหารจัดการพื้นที่เช่าภายในศูนย์การค้า และเป็นนักพัฒนาธุรกิจอสังหาริมทรัพย์, บริษัท เจมาร์ท โฮลดิ้งส์ จำกัด กับธุรกิจการลงทุนในประเทศเมียนมาร์ และ บริษัท ซิงเกอร์ประเทศไทย จำกัด (มหาชน) ผู้นำตลาดเครือข่ายขายตรงพร้อมบริการด้านสินเชื่อและเช่าซื้อสำหรับผู้บริโภค โดยบริษัท ในกลุ่มเจมาร์ทจะชูจุดแข็งด้านค้าปลีกที่มีช่องทางการจัดจำหน่ายแข็งแกร่งทั่วประเทศ ด้วยข้อเสนอจากกลุ่มบริษัทที่จะมอบให้แก่ลูกค้า และคาดว่ารายได้รวมทั้งกลุ่มเจมาร์ทในปีนี้จะอยู่ที่ 13,300 ล้านบาท หรือเติบโตเพิ่มขึ้น 30%
สำหรับแนวโน้มตลาดโทรศัพท์มือถือในปีนี้ หลังจากการประมูลใบอนุญาตใช้คลื่น 1800 MHz และคลื่น 900 MHz เพื่อให้บริการเทคโนโลยี 4G ของกสทช.เสร็จสิ้นเรียบร้อยแล้วจะเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่จะช่วยกระตุ้นตลาดมือถือให้คึกคักมากขึ้น จนถึงสิ้นปีคาดว่าตลาดรวมจะอยู่ที่ 22 ล้านเครื่อง ขณะที่ธุรกิจเจมาร์ท ตัวแทนจำหน่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ และอุปกรณ์เสริมชั้นนำของเมืองไทย ได้เตรียมความพร้อมการให้บริการ 4G อย่างเต็มที่ โดยจับมือกับโอเปอเรเตอร์ทั้ง 3 ราย ในการมอบข้อเสนอแพ็กเกจ 4G ให้กับลูกค้า พร้อมทั้งเตรียมพื้นที่ภายในช็อปสำหรับโอเปอร์เรเตอร์ เพื่อสร้างการรับรู้ และอบรมพนักงานขายเพื่อสามารถให้ข้อมูลกับลูกค้าได้ดีที่สุด รวมถึงจะมีสินค้าใหม่ที่รองรับเทคโนโลยี 4G เข้ามาหลากหลายรุ่นอย่างต่อเนื่อง พร้อมกับข้อเสนอผ่อนนานให้กับลูกค้า ผ่านโปรแกรม "เจมันนี่" เพื่อให้ลูกค้าได้เป็นเจ้าของมือถือได้ง่ายขึ้น นอกจากนี้ยังได้เพิ่มไลน์ผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ เข้ามาตอบสนองไลฟ์สไตล์ของลูกค้าทั้งในกลุ่มแกดเจ็ท (Gadget), สินค้าสวมใส่ (Wearable), สินค้าในกลุ่มสมาร์ทโฮม (Smarthome) และล่าสุดได้เริ่มวางจำหน่าย สินค้ากลุ่มกล้องถ่ายรูป โดยจะเน้นกล้องประเภทมิลเลอร์เลส (Mirrorless) ถือเป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์ที่จะช่วยเพิ่มฐานลูกค้าให้เข้ามาใช้บริการที่ในเจมาร์ท ช็อปได้มากยิ่งขึ้น จะส่งผลให้ยอดขายในแต่ละสาขาเพิ่มขึ้นตามไปด้วย
นายอดิศักดิ์ กล่าวต่อว่า ในปีนี้ได้วางงบประมาณไว้ที่ 100 ล้านบาท สำหรับการขยายสาขาใหม่ ให้ครอบคลุมยิ่งขึ้น เตรียมเปิดเพิ่มอีก 20 สาขา แบ่งเป็น ในห้างสรรพสินค้าที่เปิดใหม่, โมเดิร์นเทรด ที่มีศักยภาพ รวมถึงการเปิดแบรนด์ช็อปร่วมด้วย ปัจจุบันมีสาขากระจายทั่วประเทศ 260 สาขา และการ รีโนเวท เจมาร์ท ช็อปให้มีความทันสมัยมากขึ้น อีกทั้งได้เตรียมปรับดิสเพลย์ภายในร้านเพื่อรองรับสินค้ากลุ่มใหม่ๆ อีก 20 สาขา ในส่วนการจัดงาน เจมาร์ท โมบายโชว์นั้น ได้เตรียมแผนการงานอย่างต่อเนื่องตลอดทั้งปี โดยแบ่งเป็น การจัดงานใหญ่ 5 งาน, การจัดอีเว้นท์ อื่นๆอีก 25 งาน และการจัดอีเว้นท์ภายในร้าน ซึ่งได้เตรียมงบประมาณการจัดงานไว้ 40 ล้านบาท พร้อมทั้งเตรียมรองรับธุรกิจออนไลน์ โดยได้ จดทะเบียนบริษัทใหม่ภายใต้ชื่อ "สมาร์ทไอเท็ม" เพื่อทำธุรกิจด้านออนไลน์ Market Place และจากการทำตลาดในช่องทางต่างๆ บริษัทฯเจมาร์ท ในปีนี้ตั้งเป้ารายได้เติบโต 30% หรือมีรายได้อยู่ที่ 12,500 ล้านบาท
ด้านนาย ปิยะ พงษ์อัชฌา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจเอ็มที เน็ทเวอร์ค เซอร์วิสเซ็ส จำกัด (มหาชน) หรือ JMT ได้เปิดเผยว่าในปี 2559 เจเอ็มทีฯ จะซื้อหนี้เข้าพอร์ตครบ 1 แสนล้านบาท ซึ่งจะทำให้เจเอ็มที ฯ เป็นบริษัทฯ ที่รับซื้อหนี้สินเชื่อรายย่อยที่มีพอร์ตใหญ่ที่สุดในประเทศ โดยทั้งนี้ในปี 2559 ยังแตกไลน์ธุรกิจผ่านบริษัทย่อย คือ บริษัท เจเอ็มที พลัส จำกัด ซึ่งเป็นผู้ให้บริการสินเชื่อส่วนบุคคล ภายใต้แบรนด์ เจ มันนี่ (J-Money) โดยพร้อมให้บริการปล่อยกู้กับลูกค้ารายย่อยทั่วไป ในวงเงิน 2,000 ล้านบาท ในปี 2559 หวังดันรายได้โต 15%
ด้านนาย สุพจน์ วรรณา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจเอเอส แอสเซ็ท จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ทิศทางในปี 2559 บริษัทฯมีเป้าหมายในการเปิดสาขาของทั้งสามธุรกิจหลักไม่น้อยกว่า 10 สาขา ได้แก่ IT Junction ไม่น้อยกว่า 8 สาขา และเตรียมเปิดตลาด J night 1 สาขา รวมทั้งการเปิดศูนย์การค้าชุมชน THE JAS สาขา ศรีนครินทร์ ในปีนี้ โดยบริษัทตั้งงบลงทุนในปีนี้ไว้ ไม่น้อยกว่า 650 ล้านบาท เพื่อการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ของกำไร และรายได้ ขององค์กร ตั้งเป้ารายได้เติบโต 30%