กรุงเทพฯ--3 ก.พ.--มหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา
เมื่อวันที่ 27 มกราคม 2559 ศูนย์ศึกษาและพัฒนาโคราช มหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา ได้จัดพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือการบูรณาการผลงานภารกิจงานบริการวิชาการสายรับใช้สังคม ณ องค์การบริหารส่วนตำบลหนองพลวง ตำบลหนองพลวง อำเภอจักราช จังหวัดนครราชสีมา โดยมี นายธนิต ฤกษ์มี นายอำเภอจักราช เป็นประธานในพิธี
จากนั้นเป็นพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงฯ โดย รองศาสตราจารย์ ดร.วิเชียร ฝอยพิกุล อธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา พร้อมด้วย นายธนิต ฤกษ์มี นายอำเภอจักราช นายมานพ ผินงูเหลือม เกษตรอำเภอจักราช นายกวี ชิ้นจอหอ สาธารณสุขอำเภอจักราช นางณัฐชนา แก้วกิ่ง พัฒนาการอำเภอจักราช นายเด่นศักดิ์ พันธ์ศรี ผู้อำนวยการการศึกษานอกระบบ และการศึกษาตามอัธยาศัยอำเภอจักราช นายวิชา มานะดี ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานครราชสีมา เขต 2 นายอุดมเดช วรสีหะ นายกองค์การบริหารส่วนตำบลหนองพลวง นางณภัทร ปานช้าง หัวหน้าศูนย์พัฒนาชนบทผสมผสานจักราช สมาคมพัฒนาประชากรและชุมชน นางสาวเฉลิมศรี ระดากูล ผู้จัดการสำนักงานปฏิบัติการภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนใต้ สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (องค์การมหาชน) และนายสมคิด สิริวัฒนากุล ประธานคณะทำงานเครือข่ายภาคประชาสังคมจังหวัดนครราชสีมา เป็นผู้ร่วมลงนาม ต่อด้วย
รองศาสตราจารย์ ดร.วิเชียร ฝอยพิกุล อธิการบดี กล่าวถึงความสำคัญและข้อตกลงความร่วมมือ ปิดท้ายด้วยการประชุมชี้แจงแนวทางการดำเนินโครงการ และร่วมรับฟังแลกเปลี่ยนความคิดเห็น โดย คณะทำงานทุกภาคส่วน
การลงนามความร่วมมือครั้งนี้ จัดขึ้นระหว่างมหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา กับ องค์การบริหารส่วนตำบลหนองพลวง อำเภอจักราช โดยมีหน่วยงานภาครัฐ ภายในอำเภอจักราช จังหวัดนครราชสีมา จำนวน 11 แห่ง ได้มีการประสานความร่วมมือการบูรณาการผลงานภารกิจงานบริการวิชาการสายรับใช้สังคมร่วมกัน มีวัตถุประสงค์เพื่อดำเนินการบูรณาการผลงานภารกิจงานบริการวิชาการสายรับใช้สังคม พร้อมพัฒนาแนวทางองค์ความรู้ที่สามารถนำมาใช้ประโยชน์ในการพัฒนาพื้นที่แก่ประชาชน รวมถึงหน่วยงานที่ลงนามความร่วมมือ สามารถใช้ห้องปฏิบัติการ เครื่องมือต่างๆ สำหรับใช้ในโครงการบริการวิชาการได้ทั้ง 6 คณะ ของมหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา ตามความจำเป็น และเหมาะสมกับการปฏิบัติภารกิจงานบริการวิชาการฯ และส่งเสริมให้มีการร่วมมือแสวงหาทรัพยากรจากแหล่งทุนภายนอก เพื่อเป็นทุนเสริมสำหรับการปฏิบัติงานบริการวิชาการ และพัฒนาชุมชนในพื้นที่ต่อไป ซึ่งบันทึกความร่วมมือฉบับนี้ กำหนดให้มีระยะเวลา 3 ปี โดยมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ลงนามร่วมกันเป็นต้นไป