กรุงเทพฯ--4 ก.พ.--กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย
กระทรวงมหาดไทย โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) รายงานมีจังหวัดประกาศเขตการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน (ภัยแล้ง) 14 จังหวัด รวม 55 อำเภอ 290 ตำบล 2,666 หมู่บ้าน ทั้งนี้ ปภ.ได้ร่วมกับหน่วยทหารและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยแล้ง เน้นวางแผนบริหารจัดการน้ำที่มีจำกัดให้เกิดประโยชน์สูงสุดและให้ความสำคัญกับการจัดสรรน้ำอุปโภคบริโภคเป็นหลัก พร้อมประสานจังหวัดสำรวจและจัดทำบัญชีแหล่งน้ำ เพื่อนำข้อมูลมาวางแผนการจัดสรรน้ำให้เกิดความสมดุลและสอดคล้องกับสถานการณ์น้ำ รณรงค์ให้ทุกภาคส่วนร่วมกันใช้น้ำอย่างประหยัด เพื่อให้ประชาชนมีน้ำอุปโภคบริโภคตลอดช่วงฤดูแล้ง
นายฉัตรชัย พรหมเลิศ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เปิดเผยว่าขณะนี้หลายพื้นที่ของประเทศได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ภัยแล้ง โดยปัจจุบันมีจังหวัดประกาศเขตการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน(ภัยแล้ง) 14 จังหวัด รวม 55 อำเภอ 290 ตำบล 2,666 หมู่บ้าน คิดเป็นร้อยละ 3.56 ของจำนวนหมู่บ้านทั่วประเทศ แยกเป็น ภาคเหนือ 5 จังหวัด ได้แก่ เชียงราย เชียงใหม่ พิษณุโลก อุตรดิตถ์ และพะเยาภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 7 จังหวัด ได้แก่ นครราชสีมา นครพนม มหาสารคาม ขอนแก่น ร้อยเอ็ด สุรินทร์ และบุรีรัมย์ ภาคกลาง 1 จังหวัด ได้แก่ กาญจนบุรี ภาคตะวันออก1 จังหวัด ได้แก่ สระแก้ว ทั้งนี้ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยได้ร่วมกับหน่วยทหารและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยแล้ง โดยสูบน้ำจากแหล่งน้ำดิบส่งเข้าพื้นที่การเกษตรกรรม รวม 1,602,572 ลูกบาศก์เมตร สูบน้ำจากแหล่งน้ำธรรมชาติเพื่อส่งน้ำเข้าแหล่งน้ำดิบสนับสนุนการผลิตน้ำประปา จำนวน 4,920,365,000 ลิตร แจกจ่ายน้ำสำหรับการอุปโภคบริโภครวม 107,860,000 ลิตร และผลิตน้ำดื่มสะอาดแจกจ่ายให้กับประชาชน รวม 1,104,000 ลิตร อีกทั้งได้ประสานจังหวัดจัดส่งเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่สำรวจจัดทำบัญชีแหล่งน้ำ ปริมาณน้ำที่ใช้การได้ ความต้องการใช้น้ำของประชาชน เพื่อนำข้อมูลมาวางแผนการจัดสรรน้ำให้เกิดความสมดุลและสอดคล้องกับสถานการณ์น้ำในแต่ละพื้นที่ รวมถึงขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาภัยแล้ง โดยใช้กลไก "ประชารัฐ" ในการสร้างการรับรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับปัญหาภัยแล้ง จัดทำประชาคมหมู่บ้านเพื่อกำหนดกติกาการใช้น้ำร่วมกันให้มีความเท่าเทียมและเป็นธรรม ตลอดจนจัดเจ้าหน้าที่เฝ้าระวังบริเวณจุดเสี่ยงที่มักมีการลักลอบสูบน้ำ กรณีเกิดปัญหาการแย่งน้ำ ให้เน้นการเจรจาและทำความตกลงร่วมกัน เพื่อป้องกันการระดมมวลชนสร้างสถานการณ์ซ้ำเติมปัญหาภัยแล้งให้รุนแรงและขยายวงกว้างมากขึ้น สำหรับการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัย ได้เน้นจัดสรรน้ำในพื้นที่ประสบภัยแล้งอย่างทั่วถึงและต่อเนื่อง โดยให้ความสำคัญกับน้ำอุปโภคบริโภคเป็นลำดับแรก และใช้ประโยชน์จากน้ำทุกแหล่งให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด พร้อมประสานจัดทำฝนหลวงเมื่อสภาพอากาศเอื้ออำนวย ดำเนินการขุดเจาะบ่อบาดาล เป่าล้างบ่อบาดาลเดิม และติดตั้งเครื่องสูบน้ำระยะไกลเพื่อเพิ่มปริมาณน้ำในแหล่งน้ำดิบสำหรับผลิตน้ำประปา ทั้งนี้ ขอความร่วมมือทุกภาคส่วนร่วมกันใช้น้ำอย่างประหยัด เตรียมสำรองน้ำไว้อุปโภคบริโภค เกษตรกรควรวางแผนการเพาะปลูกพืชให้สอดคล้องกับสถานการณ์น้ำและแผนการจัดสรรน้ำในพื้นที่ จะช่วยบรรเทาปัญหาขาดแคลนน้ำ ส่งผลให้ประชาชนมีน้ำอุปโภคบริโภคตลอดช่วงฤดูแล้ง รวมถึงประเทศไทยผ่านพ้นวิกฤตภัยแล้งในครั้งนี้ไปได้ สำหรับประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากปัญหาภัยแล้งสามารถติดต่อขอความช่วยเหลือได้ทางสายด่วนนิรภัย 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อประสานให้การช่วยเหลือโดยด่วนต่อไป
0-2243-0674 0-2243-2200 www.disaster.go.th