(ต่อ 1) บัวนา วิสต้า อินเตอร์เนชั่นแนล ภูมิใจเสนอภาพยนตร์แอนิเมชั่นคลาสสิคตลอดกาลของวอลท์ ดิสนีย์พิค "Beauty and the Beast "

ข่าวทั่วไป Friday December 7, 2001 14:52 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--7 ธ.ค.--บัวนา วิสต้า อินเตอร์เนชั่นแนล
"HUMAN AGAIN" : งานเพิ่มแอนิเมชั่นใหม่และบทเพลงใหม่
หนึ่งในบทเพลงที่ โฮเวิร์ด แอชแมน กับ อลัน เมนเคน แต่งไว้ให้กับแอนิเมชั่นเรื่อง Beauty and the Beast ตั้งแต่ฉบับฉายปี 1991 ก็คือ เพลงวอลท์ซน่าประทับใจชื่อ "Human Again" ซึ่งเดิมตั้งใจให้ลูมีแอร์, ค็อกซ์เวิร์ธ, มิสซิสพ็อตต์สและเครื่องใช้อื่นๆในปราสาทอสูรเป็นผู้ขับร้องเมื่อเวลาผันผ่านไปและเจ้านายของพวกมันเริ่มใกล้ชิดกับแขกคนสำคัญอย่างเบลล์ แต่แม้เพลงนี้จะเป็นที่ชื่นชอบของทั้งผู้แต่งและทีมผู้สร้างหนัง การใส่มันเข้าไปในหนังขณะนั้นก็มีปัญหาที่ไม่อาจแก้ได้ เพลงซึ่งยาว 11 นาทีเพลงนี้จึงถูกแทนที่ด้วยเพลงใหม่ซึ่งสั้นกว่าและตรงประเด็นกว่าอย่าง "Something There" จนกระทั่งถึงปี 1994 "Human Again" จึงมีโอกาสไปปรากฏใน Beauty and the Beast: The Broadway Musical และกลายเป็นจุดเด่นของละครยอดฮิตระดับรางวัลโทนี่ดังกล่าว ทั้งฮาห์นและสองผู้กำกับซึ่งลิงโลดใจอย่างยิ่งกับผลตอบรับนั้นจึงได้ตัดสินใจค้นหาหนทางในการเติมเพลงนี้ใส่คืนสู่หนังอีกครั้งทันทีที่มีโอกาส ฮาห์นเล่าว่า "ราว 4 ปีก่อน เคิร์ค, แกรี่และผมนั่งคุยกันถึง Star Wars Special Edition แล้วเคิร์คก็พูดเล่นๆขึ้นมาว่า 'จะดีมั้ยนะถ้าเราทำ Beauty ฉบับพิเศษแล้วเอา 'Human Again' หรืออะไรใหม่ๆใส่เข้าไปบ้าง' ซึ่งพอหัวหน้าแผนกหนังแอนิเมชั่นพูดขึ้นมาว่าไอเดียแจ๋วเลยนะนั่น พวกเราก็หยุดพูดเล่นกันและเริ่มคิดทันทีว่าจะทำมันให้กลายเป็นความจริงได้อย่างไรบ้าง เรายังมีสตอรี่บอร์ดของฉากที่ว่านั้นอยู่จึงนำกลับมาทำใหม่หมดสำหรับฉบับพิเศษนี้ และเราพบว่ามีตำแหน่งซึ่งเหมาะมากๆสำหรับใส่อีกเพลงต่อจาก 'Something There' ซึ่งจะช่วยเพิ่มความลึกด้านอารมณ์ให้แก่เรื่องราวได้เป็นอย่างดี โดยฉากใหม่ที่ค็อกส์เวิร์ธสอนทีมของเขาให้ช่วยกันสร้างบรรยากาศโรแมนติคสุดๆเท่าที่มนุษย์หรืออสูรเคยเจอมานั้นช่วยเสริมส่งเพลงได้อย่างงดงามมาก"
ผู้กำกับ แกรี่ ทรูสเดล เสริมว่า "'Human Again' เป็นเพลงที่เขียนไว้สำหรับหนังฉบับเดิม แต่เราก็ไม่สามารถนำมันมาใช้ได้ด้วยหลายๆเหตุผล เพลงนี้จะดึงคนดูให้หลุดออกจากสถานการณ์ขณะนั้นของเบลล์กับอสูรและยังทำให้หนังยาวขึ้นอีก จนผ่านมาถึง 8 ปีซึ่งเรามองปัญหาทะลุและยังเห็นว่ามันดูดีแค่ไหนในเวอร์ชั่นละครบรอดเวย์ เราก็สามารถนำมันกลับมาใช้ในหนังอย่างดีจนได้"
เคิร์ค ไวส์ตั้งข้อสังเกตว่า "ผมคิดเสมอว่าการเพิ่มเพลง 'Human Again' เข้าไปนั้นช่วยเสริมความลึกของเรื่องได้ เพราะทำให้เรารู้จักบรรดาข้าวของในปราสาทใกล้ชิดขึ้น พร้อมๆกับได้รู้ว่าพวกเขามีความหวังและความปรารถนาอะไรต่อวันที่คำสาปสูญสลายไปแล้ว ทั้งยังทำให้เราเกิดมุมมองด้านลึกใหม่ๆต่อความสัมพันธ์ของเบลล์กับอสูรอีกด้วย เราพบความลับของอสูรที่ว่า เขาไม่เคยสัมพันธ์กับใคร แถมยังเป็นอสูรมานานเสียจนลืมวิธีอ่านไปแล้ว ตรงนี้เป็นไอเดียของโฮเวิร์ด เขาคิดว่าหนังน่าจะซาบซึ้งมากเลยถ้าเบลล์ช่วยเหลืออสูรให้เรียนรู้การอ่านเพราะนั่นเป็นอีกหนทางหนึ่งที่จะรักษาความเป็นมนุษย์ของเขาเอาไว้ เพลงนี้จึงเป็นผลงานที่โฮเวิร์ดฝากทั้งความแหลมคม, ความสนุกและอารมณ์ขันไว้ได้อย่างยอดเยี่ยม"
เมนเคนเสริมว่า "'Human Again' อาจจะเป็นเพลงที่เรียกได้ว่าทะเยอะทะยานที่สุดที่โฮเวิร์ดกับผมเขียนให้กับหนังเรื่องนี้ เป็นเพลงวอลท์ซรุ่มรวยที่บรรดาข้าวของเครื่องใช้ขับร้องถึงชะตากรรมของพวกเขาซึ่งกำลังจะเปลี่ยนไปและพวกเขาจะมีโอกาสกลับมาเป็นมนุษย์อีกครั้ง เนื้อเพลงมีสัญลักษณ์ที่กล่าวถึงการผันผ่านของกาลเวลา 'Tick-tock, the time goes' ซึ่งเป็นสัญลักษณ์น่ารักๆที่สื่อความหมายว่า เวลาผ่านไปเรื่อยๆและความปรารถนาของพวกเขาก็เข้าใกล้ความจริงขึ้นทุกที แต่ในตอนแรกเรามีปัญหากับการใส่เพลงเข้าไปในหนังเพราะในช่วงเดียวกันนั้น มอริซก็กำลังหลงป่าโดยเบลล์ออกไปตามหาเขาอยู่ เรารู้ว่าจะปล่อยให้เขาหลงทางอยู่อย่างนั้นนาน 9 เดือนไม่ได้แน่ๆ จึงไม่รู้จะทำให้เพลงนี้อยู่ในหนังได้อย่างไร ปัญหาในเรื่องเวลานี่เองเป็นอุปสรรคใหญ่สำหรับเรา เราจึงตัดสินใจแต่งเพลง 'Something There' ขึ้นมาแทนในที่สุด"
"'Human Again' เป็นเพลงชั้นยอดของเราที่ไม่มีโอกาสได้ใช้" เมนเคนเสริมอีก "หนึ่งในความวิเศษสุดของหนังฉบับพิเศษนี้จึงเป็นการที่เรามีโอกาสไปสำรวจตัวหนังอีกหน แล้วแก้ไขอะไรๆซึ่งเราไม่มีเวลาทำเมื่อ 10 ปีก่อน ผู้ชมจะได้รับประสบการณ์ใหม่เอี่ยมในครั้งนี้เมื่อ 'Human Again' ได้รับการนำกลับสู่หนังอีกครั้ง"
สำหรับ เพจ โอฮาร่า ผู้พากย์เสียงเบลล์แล้ว การได้บันทึกเสียงเพลง "Human Again" และการที่มันจะไปปรากฏในหนังต้องนับเป็นความฝันที่กลายเป็นจริง เธอกล่าวว่า "ฉันดื่มด่ำกับเพลงนี้มาก นี่คือเพลงโปรดของโฮเวิร์ด ฉันจึงผิดหวังจริงๆที่มันถูกตัดทิ้งไปในหนังฉบับที่แล้ว แต่ในที่สุดมันก็กลับมา ฉันรู้ว่าโฮเวิร์ดจะต้องเฝ้ามองเราอยู่จากที่ไหนสักแห่งและจะต้องเป็นสุขมากที่ได้เห็น เพลงนี้เป็นผลงานน่าอัศจรรย์เพราะแสดงถึงอีกมิติหนึ่งของตัวละครทั้งหลายในปราสาท เราจะได้รับฟังความหวังและความปรารถนาอันแรงกล้าของพวกเขาในอันที่จะได้รับชีวิตดังเดิมกลับคืนมา"
"การทำงานร่วมกับโฮเวิร์ดและอลันนับเป็นหนึ่งในประสบการณ์ที่เปลี่ยนชีวิตฉัน ในวงการนี้มีอัจฉริยะที่สร้างความทึ่งได้เสมออย่าง ริชาร์ด ร็อดเจอร์ส กับ ออสการ์ แฮมเมอร์สไตน์ ซึ่งฉันคิดว่าแอชแมนกับเมนเคนก็เช่นเดียวกัน พวกเขามีมนตร์พิเศษบางอย่างระหว่างกันที่ทำให้การได้ดูและได้อยู่ใกล้ๆพวกเขาเป็นช่วงเวลาที่น่าตื่นเต้นและระทึกใจจนบอกไม่ถูก พวกเขามีคุณสมบัติยากอธิบายแบบนั้นแหละ และดนตรีของพวกเขาก็มีเสน่ห์อย่างเหลือร้ายจริงๆ"
ฮาห์นเสริมว่า "'Human Again' เป็นเพลงที่ดีมากเพลงหนึ่งซึ่งเรารักและคนดูก็รักเมื่อครั้งได้ยินมันบนเวทีบรอดเวย์ ตรงนั้นเองที่ทำให้เรากล้าขึ้นมากในการหยิบมันมาใช้อีกครั้ง ผมคิดว่าการใส่มันกลับเข้าสู่หนังครั้งนี้ถือเป็นการอุทิศแด่โฮเวิร์ด เพราะนี่เป็นหนึ่งในเพลงยอดเยี่ยมช่วงท้ายๆที่ โฮเวิร์ด แอชแมน เขียนขึ้นสำหรับผู้ชมโดยเฉพาะ"
สำหรับทีมแอนิเมเตอร์แล้ว การเพิ่มฉาก "Human Again" เป็นโอกาสที่พวกเขาจะได้กลับมาเยี่ยมเยือนเพื่อนเก่าอีกครั้ง โดยทีมงานเดิมเข้ามารับหน้าที่สร้างแอนิเมชั่นให้แก่เพลงใหม่นี้ตั้งแต่ปี 1998 และใช้เวลาเกือบหนึ่งปีเต็มจึงเสร็จสิ้น
นิค ราเนียรี แอนิเมเตอร์ผู้ดูแลตัวละครลูมีแอร์เล่าว่า "ผมตื่นเต้นมากที่ได้กลับมาสร้างตัวละครตัวนี้อีกครั้งและในฉาก 'Human Again' ก็มีบทดีๆให้ลูมีแอร์ได้เล่น ความคิดแรกของผมคือ 'ฉันจะยังทำตัวละครตัวนี้ได้อีกมั้ย เพราะเวลาผ่านมาตั้ง 10 ปีจนฉันไม่แน่ใจแล้วว่าจะยังวาดลูมีแอร์ได้อยู่อีกหรือเปล่า' ผมจึงไปหาต้นแบบเดิมมาเริ่มหัดวาดใหม่ซึ่งปรากฏว่าก็ค่อยๆกลับมาลื่นไหลได้อีกครั้ง ทำให้ผมรู้สึกเหมือนหวนไปเยี่ยมเพื่อนเก่าและมีโอกาสได้สนุกกับการทำงานกับเขาอีก โดยเฉพาะการที่ผมยังวาดเขาได้อยู่นั้นเป็นเรื่องที่ดีจริงๆ"
"เมื่อนึกดู มันเหมือนว่าเราทำหนังเรื่องนี้มานานมากแล้ว" วิลล์ ฟินน์ แอนิเมเตอร์ผู้รับผิดชอบตัวละครค็อกส์เวิร์ธกล่าว "แต่พอใช้ความรู้สึกเข้าไปจับ ผมกลับรู้สึกเหมือนเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวานนี้เอง ประสบการณ์ครั้งนั้นยังคงแจ่มชัดและชวนตื่นเต้นเสมอ การได้เห็นอะไรๆหลอมรวมเข้าด้วยกันและแปรเปลี่ยนเป็นเพชรเม็ดงามนี้ช่างน่าทึ่งอย่างที่สุด มันจึงยังเป็นหนังที่ผมทำงานด้วยอย่างสนุกที่สุดนับถึงวันนี้ ผมยังดูหนังเรื่องนี้และซึมซาบไปกับมันได้ตลอดเวลาโดยไม่มัวแต่นึกย้อนเห็นภาพตัวเองในตอนนั้น ค็อกส์เวิร์ธเป็นตัวละครที่เยี่ยมยอดสุดๆและ เดวิด อ๊อกเดน สเตียร์ส ก็ให้เสียงได้สนุกสนานเก่งกาจไม่ผิดจากที่เราเคยฝันไว้แม้แต่นิดเดียว"
ลิซ่า คีน ผู้ดูแลงานด้านแบ๊คกราวด์เล่าว่า "การได้ดูหนังเรื่องนี้อีกครั้งใน 10 ปีต่อมาเป็นอะไรที่น่าสนใจมากเพราะเราคิดว่า เราคงห่างไกลจากมันมามากพอจะสามารถดูมันในฐานะผู้ชมธรรมดาๆคนหนึ่งได้ แต่จริงๆแล้วก็ไม่ได้เป็นแบบนั้น ฉันยังได้กลับมาอยู่ในประสบการณ์เดิมอีกครั้งซึ่งต้องนับเป็นโอกาสที่หายากมากในอันที่จะได้ทำงานชิ้นเดิมโดยสามารถเติมสิ่งซึ่งเราทำไม่ได้ในครั้งแรก เทคโนโลยีก้าวหน้าขึ้นมากจนเราสามารถทำสิ่งที่เคยทำไม่ได้ อย่างเช่น รอยสกปรกที่ติดอยู่บนฟิล์มฉบับเดิมนั้นใหญ่เท่าลูกเทนนิสเลยเวลาไปฉายขึ้นจอ ซึ่งในยุคนั้นเราไม่สามารถใช้ดิจิตอลเข้าไปแก้ไขมันได้ แต่สำหรับฉบับนี้ เรานำฟิล์มทั้งหมดกลับมาดูอันใหม่เพื่อตัดสินใจว่าอะไรสมควรได้รับการแก้ไขบ้าง ทุกวันนี้การแก้มันด้วยดิจิตอลเป็นเรื่องง่ายเหลือเชื่อจริงๆ"
(ยังมีต่อ)

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ