กรุงเทพฯ--19 พ.ค.--ปภ.
นายสุนทร ริ้วเหลือง อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เปิดเผยว่า ในปัจจุบันคนไทยนิยม ตกแต่งรถด้วยไฟตัดหมอก และมักเปิดใช้อย่างพร่ำเพรื่อ ผิดวิธี ก่อให้เกิดอันตรายต่อผู้ใช้เส้นทางรายอื่นๆ กล่าวคือ ไฟตัดหมอก เป็นไฟที่ให้ความสว่างสูง ส่วนใหญ่หลอดจะเป็นสปอตไลท์ จึงสามารถส่องสว่างไปได้ไกล ซึ่งหากเปิดใช้ในช่วงเวลาที่ไม่เหมาะสม แสงจากหลอดไฟตัดหมอก จะไปแยงและรบกวนสายตาผู้ที่ขับรถสวนทางมา ทำให้ตาพร่ามัว จึงมีโอกาสที่จะเกิดอุบัติเหตุได้สูงกว่าปกติ ดังนั้น เพื่อความปลอดภัยตามหลักมาตรฐานสากล ผู้ขับรถสามารถเปิดใช้ ไฟตัดหมอก ให้ปลอดภัยและถูกวิธีได้ ในกรณีต่างๆ ดังนี้ ในช่วงที่มีฝนตกปรอยๆ หรือตกหนัก แม้จะเป็นช่วงกลางวัน แต่จะช่วยให้รถที่สวนมามองเห็นได้อย่างชัดเจนมากขึ้น หากต้องขับรถขึ้นภูเขาสูงหรือยอดเขา โดยเฉพาะในช่วงฤดูหนาว ทั้งตอนเช้าและตอนกลางคืน เพราะบนที่สูง จะมีหมอกหนามากกว่าปกติ หรือในช่วงกลางคืนหลังฝนหยุดตก และถนนยังเปียกอยู่ เพราะไฟตัดหมอกจะช่วยให้ทัศนวิสัยในการขับขี่ดีขึ้น เนื่องจากไฟหน้าปกติของรถเรา จะถูกพื้นน้ำสะท้อนออก ทำให้ไม่สามารถมองเห็นผิวถนนได้อย่างชัดเจน รวมถึงสามารถเปิดใช้ได้ในทุกกรณี ที่มีหมอกหรือควันเกิดขึ้นบนท้องถนน และบดบังทัศนะวิสัยให้มองเห็นได้น้อยกว่าระยะ 50 เมตร ตลอดจนผู้ขับรถจะต้องปิดไฟตัดหมอกทันที ในระยะที่สามารถมองเห็นไฟหน้าของรถที่สวนมาอย่างชัดเจน สุดท้ายนี้ จะเห็นได้ว่า การใช้ไฟตัดหมอกอย่างถูกวิธี จะก่อให้เกิดประโยชน์และช่วยเพิ่มความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนน ทำให้สามารถมองเห็นรถคันอื่นๆ ได้อย่างชัดเจน ในทางตรงกันข้าม การเปิดไฟตัดหมอกอย่างพร่ำเพรื่อ ไม่มีมารยาท และผิดวิธี นอกจากจะรบกวนสายตาและสร้างความรำคาญให้กับผู้ขับรถรายอื่นๆ ที่ร่วมใช้เส้นทางแล้ว ยังเพิ่มโอกาสทำให้เกิดอุบัติเหตุได้ง่ายกว่าปกติอีกด้วย กรมป้องกันฯ จึงขอให้ท่านเจ้าของรถที่ติดตั้ง ไฟตัดหมอก เปิดใช้อย่างถูกวิธีในกรณีที่จำเป็นจริงๆ เท่านั้น ตลอดจนต้องมีความเอื้ออาทร ขับรถอย่างมีน้ำใจต่อเพื่อน ร่วมทาง ก็จะเป็นแนวทางหนึ่งที่จะช่วยลดอุบัติภัยทางท้องถนนได้--จบ--