ไอทีตั้งรับวิกฤตบาท-น้ำมัน พลิกแผนโกยยอดปีหน้า

ข่าวทั่วไป Thursday October 19, 2000 12:07 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--19 ต.ค.--อินแกรม ไมโคร (ประเทศไทย)
นายสมพงษ์ สุทธิเชื้อชาติ ผู้จัดการทั่วไป บริษัท อินแกรม ไมโคร (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ตลาดโออีเอ็ม และค้าปลีกได้รับผลกระทบจากภาวะค่าเงินบาทและราคาน้ำมัน แผนการตลาดในช่วง 3 เดือนสุดท้าย จะเน้นสร้างตลาดในกรุงเทพฯ เพิ่มขึ้น โดยจัดงานแสดงสินค้าร่วมกับคู่ค้าในห้างพันธ์ทิพย์พลาซ่า ระหว่างวันที่ 19 - 23 ต.ค. นี้ และร่วมงานอี-เอ็กซ์โปในเดือนพ.ย. นอกจากนี้ในเดือนธ.ค.บริษัทจะเริ่มให้บริการผ่านอินเทอร์เน็ตในลักษณะบีทูบีด้วย ปีนี้บริษัทตั้งเป้าไว้ 2,000 ล้านบาท สำหรับนโยบายและแผนการตลาดในปีหน้า จะเน้นหาผลิตภัณฑ์เข้ามารองรับความต้องการลูกค้าเพิ่มจาก 12 รายการ เป็น 20 รายการ รวมถึงหาผลิตภัณฑ์ที่เป็นเครื่องขนาดใหญ่ (เอ็นเตอร์ไพรส์โซลูชั่น) เข้ามาทำตลาดในกรุงเทพฯ และมีบริการ Configuration Service บริการประกอบเครื่องตามต้องการของลูกค้า ซึ่งช่วยอำนวยความสะดวกให้แก่คู่ค้าเพิ่มขึ้น ทั้งนี้บริษัทตั้งเป้าหมายรายได้ไว้ 2,600 ล้านบาท
ด้านนายณรงค์ อิงค์ธเนศ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เดอะแวลลูซิสเต็มส์ จำกัด เผยว่า อุตสาหกรรมไอทีโดยรวมมีการเติบโตอย่างต่อเนื่องเมื่อเทียบกับอุตสาหกรรมอื่น โดย 3 ไตรมาสที่ผ่านมาบริษัทมีผลประกอบการเติบโตประมาณ 70 % ไตรมาส 4 ตนยังไม่มั่นใจ เนื่องจากเศรษฐกิจยังไม่ฟื้นตัว ดังนั้น ในไตรมาส 4 บริษัทจะผลักดันตลาดคอนซูเมอร์เป็นหลัก ด้วยการจัดโปรโมชั่นสินค้าราคาพิเศษ สินค้าพีซี อุปกรณ์ต่อพ่วง และซอฟต์แวร์ให้กับดีลเลอร์ สำหรับในปีหน้ามองว่ามีแนวโน้มที่ดี บริษัทมีแผนที่จะขยายไปในกลุ่มลูกค้าใหม่ โดยทำตลาดเป็นลักษณะโซลูชั่นโพรวายเดอร์ แทนการขายสินค้าเฉพาะอย่าง พร้อมกันนี้จะขยายบริการแวลลู ออนไลน์ทั้ง 4 ระบบให้สมบูรณ์ คาดว่าปีนี้จะมีรายได้ประมาณ 3,200 ล้านบาท ส่วนเป้าหมายในปีหน้าตั้งไว้ที่ 4,300 - 4,500 ล้านบาท หรือเติบโต 35 - 40%
นายสมชัย สิทธิชัยศรีชาติ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอสไอเอส ดิสทริบิวชั่น (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ตลาดไอทีปีนี้ดีกว่าปีที่ผ่านมามาก โดย 3 ไตรมาสที่ผ่านมาบริษัทมีรายได้ถึง 760 ล้านบาท ซึ่งเป็นรายได้ที่สูงสุด ตั้งแต่จัดตั้งบริษัทมา ส่วนในไตรมาสที่ 4 ไม่มีความมั่นใจในสถานการณ์ หากสถานการณ์ในไตรมาส 4 ยังไม่ดีขึ้นจะส่งผลกระทบต่อเนื่องให้ภาพรวมตลาดไอทีมีการชะลอตัวต่อเนื่องถึงไตรมาส 1 ของปี 2544 อย่างแน่นอน โดยในไตรมาสสุดท้ายบริษัทจะเน้นพัฒนาระบบงานภายใน พร้อมจัดตั้งทีมงานขึ้นเพื่อสนับสนุนคู่ค้าในการทำตลาดสินค้าระดับบน นอกจากนี้จะเพิ่มประเภทของสินค้าให้มีความหลากหลาย โดยเพิ่มสินค้าสำหรับตลาดทั่วไป ปีนี้ตั้งเป้าไว้ 2,000 ล้านบาท แต่คงจะได้ถึง 2,600 ล้านบาท เพราะบริษัทจะเน้นสร้างกำไรมากกว่ายอดขาย--จบ--
-สส-

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ