กรุงเทพฯ--10 ก.พ.--EXIM BANK
นายเขมทัศน์ สายเชื้อ รักษาการกรรมการผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK) เปิดเผยว่า ภาคการส่งออกของไทยซึ่งเป็นรายได้หลักของประเทศมีมูลค่าลดลงอย่างต่อเนื่องมาตลอดช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการที่ผู้ประกอบการไทยส่วนใหญ่ยังผลิตสินค้าพื้นฐานซึ่งนับวันจะแข่งขันได้ยากขึ้นภายหลังไทยถูกตัดสิทธิพิเศษทางภาษีจากประเทศพัฒนาแล้ว นั่นหมายถึงการจะผลักดันการเติบโตของภาคการส่งออกของไทยจำเป็นต้องอาศัยการยกระดับคุณภาพสินค้าและสร้างเอกลักษณ์ของสินค้าแบรนด์ไทย เพื่อให้สินค้าและแบรนด์ของไทยได้รับการยอมรับในระดับสากลและขยายส่วนแบ่งตลาดได้มากขึ้นและยั่งยืนในระยะยาว ในปี 2558 ที่ผ่านมา EXIM BANK จึงพัฒนาบริการสินเชื่อ SMEs เพื่อการวิจัยพัฒนาและนวัตกรรมขึ้น เป็นเงินกู้ระยะสั้น อัตราดอกเบี้ยพิเศษ ยกเว้นค่าธรรมเนียมจัดการเงินกู้ทุกประเภท วงเงินสูงสุด 5 ล้านบาทต่อราย และยังคงขยายบริการดังกล่าวผ่านความร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐและเอกชนที่เกี่ยวข้องอย่างมีบูรณาการ โดยปรับเงื่อนไขให้เหมาะสมและสอดคล้องกับความต้องการของหน่วยงานพันธมิตร
นายเขมทัศน์ เปิดเผยต่อไปว่า ในปี 2559 EXIM BANK มีนโยบายมุ่งเน้นการส่งเสริมเรื่องนี้ให้เข้มข้นยิ่งขึ้น จึงได้จับมือกับกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ซึ่งเป็นองค์กรหลักของประเทศในการพัฒนาวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม โดยรักษาการกรรมการผู้จัดการ EXIM BANK ได้ลงนามกับนางสุวิภา วรรณสาธพ ผู้ช่วยผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) สังกัดกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ใน MOU "โครงการสนับสนุนเงินทุนเพื่อการวิจัย พัฒนา และวิศวกรรมสำหรับภาคเอกชน" เมื่อวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2559 ที่ผ่านมา ณ EXIM BANK สำนักงานใหญ่ ซึ่ง EXIM BANK และ สวทช. จะร่วมกันให้เงินทุนสนับสนุนให้นำงานวิจัยและพัฒนาวิศวกรรมทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีมาใช้ในการผลิตเชิงอุตสาหกรรมและพาณิชยกรรมต่อไป โดยมีเป้าหมายเพื่อกระตุ้นให้ภาคเอกชนเกิดความคิดริเริ่มในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ นวัตกรรม และเทคโนโลยีใหม่ๆ อันจะเป็นการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของภาคเอกชน ภายใต้ความร่วมมือนี้ EXIM BANK จะให้เงินกู้ดอกเบี้ยต่ำในสัดส่วน 1 ใน 3 ของเงินลงทุนโครงการ และ สวทช. จะสนับสนุนอีก 2 ใน 3 โดยมีวงเงินรวมไม่เกินโครงการละ 30 ล้านบาท ระยะเวลาเงินกู้ไม่เกิน 7 ปี (รวมระยะปลอดการชำระคืนเงินต้น 2 ปี) ซึ่งจะคิดอัตราดอกเบี้ยไม่เกินครึ่งหนึ่งของอัตราดอกเบี้ยฝากประจำ 1 ปี + 1.125% ต่อปีตลอดระยะเวลากู้
นอกจากนี้ รักษาการกรรมการผู้จัดการ EXIM BANK ยังได้ลงนามกับนายพันธุ์อาจ ชัยรัตน์ ผู้อำนวยการสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) (สนช.) สังกัดกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) "การส่งเสริมและยกระดับธุรกิจนวัตกรรมเพื่อการส่งออกและนำเข้า" และสัญญาให้การสนับสนุนดอกเบี้ยเงินกู้ในโครงการ "นวัตกรรมดี...ไม่มีดอกเบี้ย" ภายใต้ MOU ดังกล่าว EXIM BANK และ สนช. จะร่วมกันส่งเสริมและสนับสนุนการวิจัยพัฒนานวัตกรรมของธุรกิจส่งออกและนำเข้าผ่านโครงการต่างๆ พร้อมทั้งติดตามและประเมินผลความก้าวหน้าของโครงการ รวมถึงแก้ไขปัญหาและอุปสรรคที่เกิดขึ้น โดยเริ่มต้นจากโครงการแรก ได้แก่ "นวัตกรรมดี...ไม่มีดอกเบี้ย" ซึ่ง EXIM BANK จะให้การสนับสนุนทางการเงินแก่ผู้ประกอบการที่ใช้นวัตกรรมผลิตและส่งออกสินค้า โดยมี สนช. เป็นผู้ชำระดอกเบี้ยให้แก่ EXIM BANK แทนผู้ประกอบการเป็นระยะเวลา 3 ปี วงเงินสนับสนุนดอกเบี้ยสูงสุด 5 ล้านบาทต่อโครงการ
"EXIM BANK ต้องการส่งเสริมให้เกิดนวัตกรรมของธุรกิจส่งออกและนำเข้า รวมทั้งการวิจัยพัฒนาเทคโนโลยีหรือวิศวกรรมทางวิทยาศาสตร์ที่จะนำไปใช้ประโยชน์ในภาคการผลิต อุตสาหกรรม และการค้าได้ต่อไป ทำให้ผู้ประกอบการไทยแข่งขันได้มากขึ้น มีอำนาจการเจรจาต่อรองทางการค้าเพิ่มมากขึ้น มีประสิทธิภาพทางการผลิตในระดับสากล นำไปสู่การเติบโตของภาคการส่งออกและการพัฒนาเศรษฐกิจไทยอย่างยั่งยืน" นายเขมทัศน์ กล่าว