กรุงเทพฯ--11 ก.พ.--ธนาคารเกียรตินาคิน
ธนาคารเกียรตินาคิน จำกัด (มหาชน) บริษัทในกลุ่มธุรกิจเกียรตินาคินภัทร รุกหนัก ขยายฐานลูกค้าเอสเอ็มอีรายเล็ก เปิดตัวผลิตภัณฑ์สินเชื่อ KK SME รถคูณสาม เป็นธนาคารแรกที่ใช้รถยนต์เป็นหลักทรัพย์ค้ำประกันสินเชื่อเอสเอ็มอี ให้วงเงินสูงสุด 3 เท่าของมูลค่ารถ และสามารถยื่นขอสินเชื่อได้สูงสุด 3 คันต่อลูกค้าหนึ่งราย วงเงินสูงสุด 5 ล้านบาทต่อราย ตอบโจทย์เอสเอ็มอีส่วนใหญ่ที่มีรถไว้ใช้ในกิจการ พร้อมตั้งเป้าปล่อยสินเชื่อปี 2559 ประมาณ 4,000 ล้านบาท
นายอภินันท์ เกลียวปฏินนท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารเกียรตินาคิน จำกัด (มหาชน) บริษัทในกลุ่มธุรกิจการเงินเกียรตินาคินภัทร เปิดเผยว่า ธนาคารพร้อมที่จะสนับสนุนธุรกิจเอสเอ็มอีของประเทศ เพื่อช่วยเพิ่มทางเลือกในการเข้าถึงแหล่งเงินทุนของผู้ประกอบการรายเล็ก ซึ่งปัจจุบันเป็นกลุ่มที่มีข้อจำกัดมากที่สุด ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายรัฐบาลที่ต้องการกระตุ้นเอสเอ็มอี เนื่องจากเป็นรากฐานของประเทศที่จะสร้างความแข็งแกร่งในการขับเคลื่อนธุรกิจให้แก่ระบบเศรษฐกิจ โดยล่าสุด ได้ออกผลิตภัณฑ์ทางการเงิน สินเชื่อ KK SME รถคูณสาม ซึ่งเป็นครั้งแรกของสถาบันการเงินไทยที่ใช้รถยนต์เป็นหลักทรัพย์ค้ำประกันสินเชื่อเอสเอ็มอีโดยเฉพาะ นับเป็นทางเลือกใหม่ที่ปลดล็อกข้อจำกัดด้านสภาพคล่องสำหรับผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ซึ่งส่วนใหญ่มีรถยนต์ไว้ใช้ดำเนินกิจการอยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องใช้อสังหาริมทรัพย์เป็นหลักทรัพย์ค้ำประกันเพียงอย่างเดียวเหมือนกับธนาคารทั่วไปอีกทั้งการให้สินเชื่อถึง 3 เท่าของหลักประกันยังตอบโจทย์ความเพียงพอของเงินทุนที่ธุรกิจต้องการ ซึ่งได้วงเงินเฉลี่ยมากกว่าสินเชื่อบุคคลหรือสินเชื่อแลกเงิน ขณะที่อัตราดอกเบี้ยต่ำกว่าสินเชื่อบุคคล
"เราได้ทดลองตลาดผลิตภัณฑ์ KK SME รถคูณสามอย่างไม่เป็นทางการเมื่อปลายเดือนมกราคมที่ผ่านมา ได้รับการตอบรับอย่างดี เชื่อว่าผลิตภัณฑ์ตอบโจทย์ลูกค้าเอสเอ็มอีได้ตรงจุด โดยธนาคารตั้งเป้าปล่อยสินเชื่อในปี 2559 ไว้ที่ 4,000 ล้านบาท"
นายอภินันท์ กล่าวว่า ปี 2559 เน้นการเติบโตของสินเชื่อทุกระดับตั้งแต่สินเชื่อรายย่อย สินเชื่อเอสเอ็มอี ไปจนถึงสินเชื่อธุรกิจรายใหญ่ โดยเฉพาะลูกค้ารายย่อยที่มุ่งมั่นขยายฐานลูกค้าอย่างต่อเนื่อง กลยุทธ์ที่สำคัญในปีนี้ จะใช้ช่องทางใหม่ที่แตกต่างมาเสริมเพื่อช่วยในการขยายตลาดและเข้าถึงลูกค้ารายย่อยมากขึ้น ทั้งผู้แทนการตลาด การตั้งบูธเคลื่อนที่ ในการนำเสนอผลิตภัณฑ์ทางการเงินใหม่ๆ เพิ่มเติมจากช่องทางเครือข่ายสาขา ซึ่งจะช่วยขยายฐานลูกค้ารายย่อย ไม่ว่าจะเป็นสินเชื่อบุคคล สินเชื่อบ้าน รวมถึงสินเชื่อ KK SME รถคูณสาม นี้ด้วย
ด้านนายปพนธ์ มังคละธนะกุล ผู้ก่อตั้งบริษัทที่ปรึกษาธุรกิจ บริษัท ล้มยักษ์ จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาของธนาคารเกียรตินาคินในการพัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อเอสเอ็มอี กล่าวว่า "ภาพรวมตลาดเอสเอ็มอีของประเทศไทยมีขนาดใหญ่มาก จากข้อมูลกระทรวงพาณิชย์มีผู้ประกอบการเอสเอ็มอีจดทะเบียนมากกว่า 2.7 ล้านราย ขณะที่ตลาดสินเชื่อเอสเอ็มอีทั้งระบบเมื่อสิ้นปี 2557 มีมูลค่ากว่า 2.3 ล้านล้านบาทสำหรับกลุ่มเป้าหมายที่มุ่งเน้นในส่วนของธนาคารเกียรตินาคินนั้น คือผู้ประกอบการขนาดเล็กที่มีรายได้ของกิจการระหว่าง 5-30 ล้านบาท ซึ่งมีสัดส่วนมากกว่า 70% ของจำนวนผู้ประกอบการเอสเอ็มอีไทยทั้งหมด ซึ่งยังมีศักยภาพในการดำเนินธุรกิจ แต่ในภาวะที่เศรษฐกิจฟื้นตัวช้าอาจจะขาดสภาพคล่องหมุนเวียนบ้าง จึงเป็นช่องว่างที่ธนาคารจะเข้าไปมีส่วนแบ่งตลาดในกลุ่มนี้ โดยข้อมูลย้อนหลัง 3 ปี ตั้งแต่ปี 2555-2557 ตลาดสินเชื่อเอสเอ็มอีขนาดเล็กเติบโตกว่า 12% เทียบกับเอสเอ็มอีขนาดใหญ่ที่เติบโต 1.5% และเอสเอ็มอีขนาดกลางที่เติบโต 5.5%
KK SME รถคูณสาม เป็นสินเชื่อแนวคิดใหม่ ที่ช่วยให้ผู้ประกอบการขนาดเล็กมีทางเลือกเรื่องหลักประกัน ตลอดจนเป็นโอกาสที่ดีที่ช่วยให้ผู้ประกอบการมีความแข็งแกร่ง ส่วนการใช้รถยนต์ที่เป็นหลักทรัพย์ค้ำประกันนั้น มองว่าธนาคารเกียรตินาคินเป็นผู้นำทางด้านตลาดสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์อยู่แล้ว ซึ่งจะสามารถใช้ศักยภาพจากการดำเนินธุรกิจนี้ และมีทีมงานที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญในการตรวจสภาพและประเมินราคาหลักประกันที่แม่นยำมาใช้ควบคู่กันได้อย่างมีประสิทธิภาพ"
ผลิตภัณฑ์สินเชื่อ "KK SME รถคูณสาม" ให้วงเงินสูงสุด 3 เท่าของมูลค่ารถยนต์ที่เป็นหลักทรัพย์ค้ำประกัน โดยสามารถยื่นขอสินเชื่อได้สูงสุด 3 คันต่อลูกค้าหนึ่งราย ให้วงเงินตั้งแต่ 4 แสน - 5 ล้านบาท คิดอัตราดอกเบี้ยประมาณ 14-15% ระยะเวลาการผ่อนชำระ 24-60 เดือน โดยมีการค้ำประกันวงเงินสินเชื่อจากบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) ที่ได้รับสิทธิ์ยกเว้นค่าธรรมเนียมอยู่ในขณะนี้ ขณะที่กระบวนการขอสินเชื่อรวดเร็ว อนุมัติและรับเงินได้ภายใน 9 วันทำการ โดยในช่วงแรกจะนำร่องเสนอผลิตภัณฑ์ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑลก่อน และมีแผนจะขยายไปในจังหวัดอื่น ๆ ทั่วประเทศในช่วงครึ่งหลังของปี 2559 นี้ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมติดต่อ โทร. 02 165 5555